“ภรรยาของผมล่ะ ?”
เฉินตงรีบเดินเข้าไปหาเทียนอ้าย
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ชิงหยิ่งจะรู้จักกับเทียนอ้าย แต่เขาจำได้ว่า เมื่อครู่ในสายโทรศัพท์ เทียนอ้ายพูดว่าจะพากู้ชิงหยิ่งมาด้วย
ตอนนี้เขาอยากจะพบเพียงแค่กู้ชิงหยิ่งเท่านั้น !
เมื่อเห็นเฉินตงเดินตรงเข้ามา
ใบหน้าของเทียนอ้ายก็แดงก่ำ และมีท่าทีตื่นตระหนก
ไม่เย่อหยิ่งและดุร้ายอย่างเช่นเมื่อครู่อีกต่อไป
หลงเหลืออยู่เพียงแค่ท่าทีตกใจเท่านั้น
สิ่งที่ปรากฏต่อสายตา ด้วยระยะห่างที่ใกล้เข้ามา ใบหน้าของเฉินตงเป็นเหมือนกับค้อน ที่ทุบลงบนตาของเทียนอ้ายอย่างแรง
“ว้าย !”
จู่ๆ เทียนอ้ายก็กรีดร้องขึ้นมา แล้วรีบหันหลังวิ่งหนีไป
เสียงกรีดร้องนี้
ทำให้เฉินตงยืนผงะอยู่ที่เดิม : “???”
กู้ชิงหยิ่งที่อยู่ในรถลัมโบร์กีนีก็ผงะไปเช่นเดียวกัน
สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋ว และพ่อแม่ของเทียนอ้ายก็ผงะไปด้วย
นี่……มันเรื่องอะไรกัน ?
เทียนอ้ายรีบวิ่งกลับไปที่รถลัมโบร์กีนี ราวกับพบเจอเรื่องน่าตกใจอย่างมาก
ในขณะที่กู้ชิงหยิ่งกำลังมองดูด้วยสายตาตื่นตะลึง เธอก็สตาร์ทรถ เหยียบคันเร่ง และเลี้ยวหัวรถมุ่งหน้าออกจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทำให้กู้ชิงหยิ่งคาดไม่ถึง
เธอมองผ่านกระจกไปยังเฉินตงที่ยืนผงะอยู่ที่เดิม ตามสัญชาตญาณ
และในขณะเดียวกับที่เธอกำลังมองออกมา เฉินตงก็ตั้งสติได้พอดี และจ้องมองไปที่รถลัมโบร์กีนี
ตอนนี้เองที่ทั้งสองสบตากัน
ใบหน้าที่เฝ้าคะนึงหาปรากฏขึ้นในดวงตา
“เสี่ยวหยิ่ง !”
เฉินตงตะโกนเสียงดัง แล้ววิ่งตามรถไปอย่างบ้าคลั่ง
แต่เทียนอ้ายที่กำลังอยู่ในอาการตกใจ ก็ยิ่งขับรถออกไปด้วยความเร็ว และหายไปต่อหน้าต่อตาเฉินตง โดยเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ควัน
เฉินตงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม แล้วเหม่อลอย : “คุณ ทำไมไม่ยอมพบหน้าผม ? ผมมาเพื่อที่จะขอโทษนะ !”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
พ่อของเทียนอ้ายตั้งสติขึ้นมาได้ ต่อให้เคาะหัวก็ไม่อาจคิดออกได้ จึงรีบเรียกให้คนขับรถสตาร์ทเครื่อง
เห็นชัดๆ ว่าเทียนอ้ายไปสั่งสอนเฉินตง แต่ทำไมเมื่อเจอกับเฉินตง หลับวิ่งหนีราวกับกระต่ายที่หวาดกลัวเช่นนั้น ?
สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋วเองก็หันมองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
รถลัมโบร์กีนีส่งเสียงคำรามและแล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็ว
เทียนอ้ายยังไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ เธอมองรถไปพลาง และจ้องมองทางด้านหน้าตาเขม็ง แล้วบ่นพึมพำออกมาราวกับคนเสียสติ
“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร ? เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร ?”
ส่วนกู้ชิงหยิ่งเอง เมื่อครู่ได้สบตากับเฉินตง
ตอนนี้ก็นั่งก้มหน้าก้มตาด้วยความโศกเศร้า มองทั้งสองข้างประสานกันแน่นจนเล็บบาดเข้าที่ผิวหนัง
ในขณะที่บรรยากาศเงียบสงัด น้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมาจากหางตา
ระยะเวลาที่กลับไปถึงคฤหาสน์ ด้วยการขับรถอย่างรวดเร็วของเทียนอ้าย ทำให้ลดทอนเวลาไปได้เกือบครึ่ง
เอี๊ยด !
ลัมโบร์กีนีจอดลงที่สวนดอกไม้ของคฤหาสน์
ภายในรถ บรรยากาศเงียบสงัด
เทียนอ้ายกำลังนั่งเหม่อเลย ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อครู่
เธอก็รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกแผดเผา
สวรรค์ !
นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้คิดจะไปสั่งสอนเขา ?
จากนั้น สายตาของเธอก็หันไปจับจ้องที่กู้ชิงหยิ่งที่เอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วถามยืนยันอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อว่า : “เสี่ยวหยิ่ง ผู้ชายคนนั้นคือสามีของเธอจริงๆ หรือ ? เขา……ชื่อเฉินตง ?”
“อืม” กู้ชิงหยิ่งเงยหน้า ยิ้มอย่างหดหู่ พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
เทียนอ้ายตัวสั่น และไม่พูดอะไรไปพักใหญ่
นี่มันเป็นพรหมลิขิตแบบไหนกันแน่ ?”
ตอนนี้ ในที่สุดรถลัมโบร์กีนีก็ขับเข้ามาในคฤหาสน์
เพิ่งจะจอดรถ สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่ของเทียนอ้ายก็รีบลงจากรถทันที แล้ววิ่งตรงไปยังรถลัมโบร์กีนี
กู้โก๋ฮั๋วเปิดประตูรถแล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“เทียนอ้าย เมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เมื่อเห็นแววตาที่เป็นประกายของผู้ใหญ่ทั้งสี่คน เทียนอ้ายก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“เจ้าเด็กคนนี้ รีบพูดมาเร็วเข้า”
พ่อของเทียนอ้ายพูดเร่งรัด : “บอกว่าจะไปสั่งสอนเขา แล้วทำไมลูกถึงทำเหมือนกับเห็นผี แล้วรีบวิ่งหนีขนาดนั้น ?”
เมื่อได้ยิน
แม้แต่กู้ชิงหยิ่งเองก็หันไปมองเทียนอ้ายด้วยความสงสัย
ปฏิกิริยาหลังจากที่เทียนอ้ายเจอกับเฉินตงเมื่อครู่ มันช่างผิดปกติจริงๆ!
“หนู……”
เทียนอ้ายลูบหน้าของเธอ สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก : “หนู หนูไม่กล้าสั่งสอนเขา”
อะไรนะ ? !
ทุกคนผงะไปพร้อมกัน
แววตาของกู้โก๋ฮั๋วเป็นประกาย หรือเทียนอ้ายจะรู้ฐานะที่แท้จริงของเฉินตง ?
“ที่ลูกบอกว่าไม่กล้าสั่งสอนเขา หมายความว่าอย่างไร ?”
พ่อของเทียนอ้ายรีบถามต่อ เขารู้จักนิสัยของลูกสาวตัวเองดี เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ เกรงว่าเทียนอ้ายก็ยังกล้าที่จะถลกหนังออกมา
ทว่า
เทียนอ้ายพูดว่า : “เขาคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตหนู”
เปรี้ยง !
ทุกคนผงะไปทันทีรวมถึงกู้ชิงหยิ่งด้วย
จากนั้น เทียนอ้ายก็พูดขึ้นอีกว่า : “เหตุการณ์ปล้นเครื่องบิน เฉินตงเป็นคนช่วยหนู หากไม่มีเขาคอยแอบให้ความช่วยเหลือ หนูคงจะตายอยู่บนเครื่องบินไปนานแล้ว”
คำพูดที่พูดออกมาราวกับเสียงฟ้าผ่า ฟาดลงมาจนทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมากทันที
พวกของกู้โก๋ฮั๋วทั้งสี่คนตกใจจนอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
“เสี่ยวหยิ่ง สามีของเธอคือผู้ช่วยให้รอดในเหตุการณ์ปล้นเครื่องบินตัวจริง !” ใบหน้าอันงดงามของเทียนอ้ายแดงก่ำ ตอนนี้เธออยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ”
บนเครื่องบิน หากไม่มีเฉินตงคอยช่วยเหลือ เธอคงต้องตายอยู่ในมือของผู้ร้ายอย่างแน่นอน
แล้วเธอยังคิดที่จะสั่งสอนเฉินตงอีกหรือ ?
“สามีของฉัน……คือผู้ช่วยให้รอด ?” กู้ชิงหยิ่งตกตะลึงและเหม่อลอยไปพักใหญ่
ใครจะไม่อยากให้สามีของตนเองเป็นฮีโร่บ้าง ?
แต่ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเธอกับเฉินตง ทำให้กู้ชิงหยิ่งเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือร้องไห้
เทียนอ้ายหันมองกู้ชิงหยิ่งที่กำลังใจลอย จู่ๆ แววตาก็ปรากฏความอิจฉาขึ้นมา
เธอพึมพำเบาๆ ว่า : “เดิมที ที่เขาไม่ต้องการรับความดีความชอบในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะต้องการรีบมาขอโทษเธอนี่เอง”
คำพูดนี้ เป็นเหมือนมือใหญ่ที่สัมผัสเข้ามาในหัวใจของกู้ชิงหยิ่ง
ตอนนี้ อารมณ์ของเธอซับซ้อนจนถึงขีดสุด และเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่ของเทียนอ้ายเอง ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจนประหลาด
ก่อนหน้านี้ พวกเขายังพูดคุยถึงสาเหตุว่าเพราะเหตุใด ผู้ช่วยให้รอดถึงไม่ยอมรับความดีความชอบในครั้งนี้ จริงๆ แล้ว……ก็เพื่อกู้ชิงหยิ่งนี่เอง ?
โดยเฉพาะพ่อของเทียนอ้าย เขาอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาว่า : “แม้แต่ความดีความชอบใหญ่หลวงขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมรับ แต่กลับตั้งใจที่จะมากล่าวขอโทษกับเสี่ยวหยิ่งให้ได้ เด็กคนนี้น่าจะไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับที่พวกเราคิดหรอกนะ ?”
คำพูดนี้ ราวกับน้ำที่เทลงไปในหม้อร้อนๆ
ทำให้กู้ชิงหยิ่งและสองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋ว ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
กู้โก๋ฮั๋วมีท่าทีโกรธเคือง : “เจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่นทรยศหักหลังลูกสาวฉันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทำเช่นนี้ ก็คงเป็นเพียงแค่การเสแสร้งเท่านั้น ? ต่อให้เขาเสียสละมากแค่ไหน ก็ไม่อาจชดเชยกับความผิดที่หักหลังลูกสาวของฉันได้ !”
“น้องกู้ นายใจเย็นหน่อยสิ !”
พ่อของเทียนอ้ายรีบพูดขึ้น : “ฉันเองก็ไม่ได้พูดว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้ยอมละทิ้งความดีความชอบใหญ่หลวงเช่นนี้ เพื่อที่จะรีบมาพบเสี่ยวหยิ่ง คงต้องมาด้วยความตั้งใจแน่นอน ไม่น่าจะใช่คนเลวร้ายอะไรนัก”
“พี่เทียน นาย……”
กู้โก๋ฮั๋วคิดจะโต้เถียง
แต่จู่ๆ เทียนอ้ายกลับพูดขึ้นว่า : “ลุงกู้คะ ความดีความชอบครั้งนี้ หากตกอยู่ในมือหนูก็เพียงพอที่จะทำให้หนูได้เลื่อนขั้นถึงสามขึ้นอย่างสบายๆ แม้แต่เฉินตงเอง นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ถ้าหากเขาไม่ได้ใส่ใจเสี่ยวหยิ่งจริง จะปฏิเสธง่ายๆ เพียงเพราะต้องการมาให้ทันเวลาอย่างนั้นหรือคะ ?”
คำพูดนี้ ทำให้กู้โก๋ฮั๋วพูดไม่ออก
“เสี่ยวหยิ่ง หนูคิดว่าอย่างไรล่ะ ?” จู่ๆ หลี่หวั่นชิงก็พูดขึ้น
สายตาหันไปจับจ้องอยู่ที่กู้ชิงหยิ่งทันที
หากจะพูดกันตามตรง ความคิดเห็นของพวกเขาก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วต้องดูการตัดสินใจของกู้ชิงหยิ่ง
“เสี่ยวหยิ่ง หรือจะลองโทรกลับดูสักครั้ง ลองพบหน้ากันดูสักหน่อย ?” เทียนอ้ายเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
กู้ชิงหยิ่งเหม่อลอยไป
เธอเผชิญหน้ากับเทียนอ้ายด้วยความลังเล
ในที่สุด เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เธอกดโทรศัพท์หาเฉินตงด้วยความคาดหวัง
เพียงแต่ เมื่อเสียงเรียกสายดังขึ้นหนึ่งครั้ง สายโทรศัพท์ก็ถูกตัด……
กู้ชิงหยิ่งตัวสั่น เมื่อได้ยินเสียงเงียบในโทรศัพท์ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที
เขา……ต้องการอะไรกันแน่ ?