เปรี้ยง !
คำพูดของเฉินตงเหมือนฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
เย่หลิงหลงอึ้งไปทันที ใบหน้าที่งดงามของเธอซีดเผือด
ดวงตาคู่สวยของเธอจ้องเขม็งไปที่ขาขอเฉินตงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ขาของฉัน ขาของฉัน……”
เฉินตงนอนอยู่บนเตียง แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาจนใบหน้าบูดเบี้ยว และคร่ำครวญออกมาอย่างสิ้นหวัง : “ทำไมถึงไม่มีความรู้สึก ? ทำไมขอของฉันถึงขยับไม่ได้ ?”
ในขณะที่กำลังหวาดกลัว เฉินตงก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต
ตอนนี้ไม่ได้ออกแรงอย่างเช่นเมื่อครู่ แต่เป็นท่าทางการบิดร่างกายไปมาด้วยความบ้าคลั่ง
แต่ไม่ว่าจะบิดไปมาอย่างไร ขาทั้งสองข้างก็ยังคงไม่ขยับแม้แต่น้อย !
ในดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มีน้ำตาเอ่อล้นออกมา
เย่หลิงหลงตั้งสติขึ้นมาได้ทันใด
เธอรีบกดตัวเฉินตงที่กำลังพยายามดิ้นรนเอาไว้ : “เฉินตง คุณใจเย็นก่อน คุณอดทนหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ต้องไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอน ตอนนี้ร่างกายของคุณยังฟื้นฟูกลับมาไม่สมบูรณ์ คุณออกแรงเช่นนี้ ก็จะยิ่งเป็นการทำร้ายตัวคุณเองนะ !”
“แต่ขาของฉันไม่มีความรู้สึกแล้ว”
น้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาของเฉินตง เขากำลังดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว และไม่สนใจคำปลอบใจของเย่หลิงหลงเลยแม้แต่น้อย
ขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึก นั่นหมายความว่าจะต้องพิการ !
ไม่ได้หมายความถึงเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นตลอดไปเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาต้องสูญเสียตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินไปอีกด้วย
หนึ่งปีหลังจากนี้ เป็นเวลาที่ตระกูลเฉินจะเลือกเจ้าบ้านคนต่อไป
แต่ตระกูลเฉินที่สูงส่ง ไม่มีทางที่จะเลือกคนพิการมาเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปอย่างแน่นอน !
“ไม่เป็นไรนะ เชื่อฉันสิว่าจะต้องไม่เป็นไร คุณนอนมาเป็นเวลานานขนาดนี้ อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ย่อมจะต้องมีผลต่อร่างกายอย่างแน่นอน ตอนนี้ขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึก จะต้องเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ขอแค่ค่อยๆ ขยับ ขาทั้งสองข้างจะต้องฟื้นฟูเป็นปกติอย่างแน่นอน”
ใบหน้าอันงดงามของเย่หลิงหลงซีดเผือด ในขณะที่เธอพยายามกอดเฉินตงเอาไว้อย่างสุดแรง ก็มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่งามของเธอ
“เธอโกหกฉัน !”
เฉินตงดูราวกับสัตว์ร้าย เขาหันไปตะคอกเย่หลิงหลง
เสียงคำรามนี้ทำให้เย่หลิงหลงอึ้งไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาแดงก่ำของเฉินตง เย่หลิงหลงก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเนมาก่อน
รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวราวกับเป็นสัญชาตญาณ
“จบแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว !”
ขณะที่เฉินตงกำลังดิ้นรน เขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด มือทั้งสองข้างจับเตียงเอาไว้ แล้วพยายามออกแรงเพื่อลุกขึ้นนั่ง
แต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง ก็หล่นลงไปบนเตียงอย่างแรงทุกครั้ง
เสียงกระแทก ทำให้เย่หลิงหลงตั้งสติขึ้นมาได้
เธอระงับความกลัวในจิตใจ และยกมือขึ้นปาดน้ำตา
“ไม่เป็นไรนะ มีฉันอยู่ มีฉันอยู่ไม่ต้องกลัว”
เธอโน้มตัวลงไป ประคองเฉินตง ช่วยให้เฉินตงลุกขึ้นมานั่ง
เฉินตงมองไปที่ขาทั้งสองข้างของเขาอย่างบ้าคลั่ง แล้วใช้มือทั้งสองข้างทุบลงไปอย่างแรง
ภาพนี้ ทำให้เย่หลิงหลงตกใจมาก
จากนั้น เฉินตงก็มองเย่หลิงหลงด้วยท่าทีสิ้นหวัง น้ำตาไหลอาบไปทั่วใบหน้า : “ไม่มีความรู้สึกแล้วจริงๆ……”
เมื่อเห็นเฉินตงที่น้ำตาไหลอาบไปทั่วใบหน้า
เย่หลิงหลงก็รู้สึกหวาดกลัวและสงสารในเวลาเดียวกัน ราวกับหัวใจจะแตกสลาย
เธอเคยเห็นเฉินตงอยู่ในท่าทีที่สง่างามสูงส่ง
แต่บัดนี้ ผู้ชายที่เคยทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว กลับร้องไห้ต่อหน้าเธอเหมือนกับเด็ก
ผู้ชายไม่หลั่งน้ำตาง่ายๆ นั่นเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาที่เจ็บปวดใจจริงๆ
ตอนนี้เฉินตงต้องรู้สึกสิ้นหวังและเจ็บปวดแค่ไหนกัน ?
วินาทีถัดมา
จู่ๆ เฉินตงก็พึมพำขึ้นมาราวกับคนเสียสติ : “กลับบ้าน ใช่ กลับบ้าน ภรรยาและลูกกำลังรอฉันอยู่ พวกเขากำลังรอฉันกลับไปขอโทษ ฉัน ฉันต้องกลับไป เสี่ยวหยิ่งกำลังให้คนออกตามหาฉัน เธอจะต้องเป็นห่วงฉันมากแน่ๆ……”
ทำราวกับมองไม่เห็นเย่หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ
เฉินตงพยายามพยุงตัวเอง และคลานลงจากเตียง
ตุ้บ !
มือทั้งสองข้างของเขาว่างเปล่า แล้วเฉินตงก็ร่วงลงไปบนพื้น
ตอนนี้ เฉินตงดูน่าเวทนาราวกับสุนัขที่ตายแล้ว
เขาพยายามดิ้นรน ร้องไห้ และกัดฟัน ตอนนี้ในดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา เผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างบ้าคลั่ง
เฉินตงออกแรงทั้งหมดที่มี ใช้มือทั้งสองข้างดันพื้น แล้วค่อยๆ คลานออกไปด้านนอกประตู
“กลับบ้าน ฉันจะกลับบ้าน……ภรรยากับลูก กำลังรอฉันอยู่……”
เย่หลิงหลงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสิ้นหวัง เธอมองดูเฉินตงที่พยายามดิ้นรนเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับสุนัขที่ตายแล้ว
ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอขยับแต่ไร้เสียง น้ำตาสองสายไหลรินออกมาจากหางตาของเธอ
“เฉินตง ! นี่มันเวลาไหนกันแล้ว คุณยังคิดถึงภรรยากับลูกของคุณอีกหรือ ?”
เย่หลิงหลงร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
“เพราะพวกเขาคือภรรยาและลูกของฉัน !”
เฉินตงไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขาอ่อนแรงจนเสียงเบาราวกับยุง แต่กลับแสดงความมุ่งมั่นออกมาอย่างถึงที่สุด เสียงนี้ดังก้องชัดเจนอยู่ภายในห้อง
“ฉันเป็นสามี และเป็นพ่อ……”
เย่หลิงหลงตัวสั่นเทา ตอนนี้ น้ำตาของเธอไหลรินลงมาราวกับน้ำที่ไหลทะลักจากแม่น้ำ ไม่สามารถควบคุมได้
เธอยกมือขวาขึ้นมาปิดปาก แล้วมองดูเฉินตงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร
คุณปู่พูดถูก พรหมลิขิตมาช้าหรือเร็วไปเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง
มีเพียงแค่ความพอดีเท่านั้นที่ถูกต้อง…….
เย่หลิงหลงลุกยืนขึ้น แล้วเดินเข้าไปหาเฉินตงด้วยความสิ้นหวัง
“ฉันไม่อนุญาตให้คุณทำร้ายตัวเอง คุณจะกลับบ้าน ก็ต้องรอให้คุณหายดีเสียก่อน !”
“ฉันยังมีเวลาให้รักษาได้อีกหรือไง ?”
เฉินตงหยุดนิ่ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น แล้วหันมองเย่หลิงหลง : “ฉันไร้ประโยชน์แล้ว ฉันพิการแล้ว ! ขอร้องเธออย่าได้สงสารฉัน ให้ฉันคลานออกไปจากที่นี่ ต่อให้ต้องเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง หามุมสักมุมที่ไร้ผู้คน และนอนตายอยู่ตรงนั้นก็คงจะดี !”
“ตาย ? !”
แววตาของเย่หลิงหลงสั่นไหว จู่ๆ ความสงสารและเจ็บปวด ก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นความสงบนิ่งในทันที
เธอกัดฟันขาวของเธอแน่น แล้วหัวเราะเยาะออกมา : “คุณอยากตาย ? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก มีฉันอยู่ที่นี่ คุณตายไม่ได้แน่นอน !”
พูดจบ เธอก็โน้มตัวลงไป แล้วลากเฉินตงกลับไปที่เตียงด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
“ปล่อยฉัน เธอปล่อยฉันนะ”
เฉินตงพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ตอนนี้ขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึก ทำให้ไม่อาจขัดขืนเย่หลิงหลงได้
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเขาก็อ่อนแอเป็นอย่างมาก
ที่ทำให้การดิ้นรนของเขานั้นไร้ความหมาย
เย่หลิงหลงออกแรงประคองเฉินตงขึ้นมา แล้วโยนเขากลับลงไปบนเตียง
“คุณนอนให้ดีๆ เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องรักษา ต่อให้ต้องพิการ แต่หงหุ้ยของเราจะต้องหาหมอที่เก่งที่สุดในโลกเพื่อมาช่วยรักษาคุณให้ได้ !”
เฉินตงนอนอยู่บนเตียง จ้องมองเพดานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
น้ำตาไหลรินออกมาพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา
“รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะไปตามคุณปู่มา”
เย่หลิงหลงมีท่าทีสงบนิ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ตอนที่เธอเดินไปถึงประตู จู่ๆ ก็หยุดฝีเท้าลง
“คุณอยากตายก็ได้ แต่คุณลองคิดดูนะว่า ภรรยาและลูกของคุณ ถ้าหากคุณตายไป ภรรยาของคุณก็ต้องเป็นม่าย ลูกของคุณก็ต้องเป็นเด็กกำพร้า”
พูดจบ เธอก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนเฉินตงที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ในที่สุดเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็เปล่งประกายขึ้นมา
มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น
เย่หลิงหลงข่มอารมณ์เดินออกมาจากห้อง ทันทีที่ก้าวออกจากประตู เธอก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
ใบหน้าที่งดงาม เปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำตา
เธอกัดแขนขาวนวลของเธอเอาไว้แน่น ด้วยแรงอย่างมหาศาล ทำให้มีเลือดซึมออกมาระหว่างซี่ฟันของเธอ
ทำเช่นนี้ ก็เพื่อบังคับไม่ให้ตนเองส่งเสียงร้องออกมา
เธอรีบวิ่งไปยังที่พักของคุณปู่อย่างรวดเร็ว
แอ๊ด !
เย่หลิงหลงผลักประตูให้เปิดออก
ในห้อง เย่หยวนชิวกำลังนั่งอ่านหนังสือ เมื่อเห็นท่าทางของเย่หลิงหลง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที
ยังไม่ทันจะพูด
ในที่สุดเย่หลิงหลงก็เลิกกัดแขนของตัวเอง และไม่พยายามที่จะระงับเสียงร้องของเธออีกต่อไป และพุ่งตรงเข้าไปในอ้อมแขนของเย่หยวนชิว
“คุณปู่คะ เฉินตงพิการแล้ว……