เย่หยวนชิวตัวสั่นเล็กน้อย
ใบหน้าเต็มใบด้วยความตกใจ
ในที่สุด เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“หมอพูดถูกแล้ว”
เย่หลิงหลงที่โผเข้าไปในอ้อมแขนของเย่หยวนชิวเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาของเธอ จ้องมองไปที่เย่หยวนชิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ปู่ รู้นานแล้วหรือคะ ?”
เย่หยวนชิวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“ได้รับบาดเจ็บ ถูกพิษ กระโดดทะเล เขายังสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ก็นับว่าเป็นโชคดีนักหนาแล้ว ตอนที่หมอช่วยชีวิตเขา พิษได้แล่นเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ถึงขนาดที่หมอก็จนปัญญาที่จะรักษาแล้ว แต่เพราะเห็นแก่หน้าของหงหุ้ยและฐานะที่อาวุโสของเขา จึงได้พยายามรักษาจนถึงที่สุด”
ใบหน้าของเย่หยวนชิวเต็มไปด้วยความจนใจ เขาเบ้ปาก : “ผลสุดท้ายก็สามารถช่วยชีวิตของเฉินตงเอาไว้ได้ เพียงแต่ตอนนั้นหมอเคยบอกไว้ว่า หากพิษเข้าสู่กระแสเลือด ต่อให้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ระบบภายในร่างกายก็ถูกทำลายไปบางส่วน หากต้องกลายเป็นคนพิการก็ถือเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่มีโอกาสจะเป็นไปได้อย่างมากอีกด้วย”
เมื่อเห็นเย่หลิงหลงมีแววตาที่ตื่นตะลึง เย่หยวนชิวก็ยิ้มออกมาอย่างโศกเศร้า แล้วลูบหัวของเย่หลิงหลงเบาๆ
“ปู่รู้ถึงความรู้สึกที่หลานมีต่อเฉินตงดี ดังนั้นปู่จึงไม่ได้บอกหลานกับท่านหลง เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฉินตงจะรู้เร็วขนาดนี้……เขาสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ถือว่าเหนือความคาดหมายของพวกเราทุกคนแล้ว ยังจะมัวเป็นห่วงเรื่องพิการหรือไม่พิการอีกหรือ”
เย่หลิงหลงตกตะลึงไปในทันที
ตอนนี้ น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลรินลงมา
เธอรู้สึกเหมือนมีก้อนหินทับอยู่เต็มอก จนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก
ภาพที่เฉินตงทุกข์ทรมานด้วยความสิ้นหวังเมื่อครู่ ยังติดอยู่ในตาของเธอ
ราวกับมีดแหลมคมที่เสียดแทงเข้ามาในใจของเธอ
เธอถามขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก : “แล้วจะให้หนูบอกเขาว่าอย่างไร ? เขาไม่มีทางรับได้แน่นอน ไม่มีวิธีอะไรแล้วจริงๆ หรือคะคุณปู่ ?”
“ไม่มี”
เย่หยวนชิวส่ายหัว
ขณะที่พูด เขาก็ยกมือที่เหี่ยวย่นของเขาขึ้นมา แล้วค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้กับเย่หลิงหลง
“หลิงหลงเอ๋ย หลานเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ผู้ใหญ่ก็ควรวางตัวแบบผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ต้องกล้าเผชิญหน้ากับความจริงที่ตัวเองไม่อาจทำใจยอมรับได้”
เย่หลิงหลงขยับริมฝาก เธอยังคงรู้สึกไม่เต็มใจ
ผู้ชายคนนั้น ก่อนหน้านี้ทั้งสง่างามและสูงส่ง
ทำไมสวรรค์ถึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้ ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนพิการ ?
เพียงแต่ เธอยังไม่ทันจะอ้าปากพูด
เย่หยวนชิวก็ค่อยๆ ลุกขึ้น : “ไปเถอะ พาปู่หาเฉินตง และตามหมอมาด้วย ต้องให้เฉินตงยอมรับความจริงให้ได้”
……
ผ่านไปสิบนาที
เย่หยวนชิวพาเย่หลิงหลงและหมออีกห้าคนเข้าไปในห้องของเฉินตง
เฉินตงนอนอยู่บนเตียง จ้องมองเพดานด้วยแววตาที่ว่างเปล่า และไม่ขยับเขยื้อน
ดูราวกับวิญญาณออกจากร่าง เหลือทิ้งเอาไว้เพียงร่างกายเท่านั้น
“เฉินตง……”
เย่หลิงหลงเรียกเบาๆ : “ฉันพาคุณปู่กับหมอมาแล้ว”
เฉินตงไม่ตอบโต้ ยังคงนิ่งเงียบ หางตามีน้ำตาไหลรินลงมาอีกครั้ง
ภาพนี้ เมื่อเย่หลิงหลงได้เห็นก็อยากจะร้องไห้
เธอเอามือปิดปาก ทนดูต่อไปไม่ไหว จึงหันหลังและเดินออกจากห้องไป
เย่หยวนชิวส่ายหัวอย่างจนใจ แล้วเดินก้าวไปข้างหน้า และพูดว่า : “เฉินตง หมอทั้งห้าท่านนี้เป็นหมอที่เก่งที่สุด ผมพาพวกเขามารักษาขาให้คุณ”
ดวงตาของเฉินตงเป็นประกายขึ้นมา
เขามองหมอทั้งห้าคนด้วยความคาดหวัง และในที่สุด สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่เย่หยวนชิว
“ยังรักษาได้……จริงๆ หรือ?”
คำพูดที่แผ่วเบา แต่กลับเต็มไปด้วยความหวัง
ราวกับคนที่กำลังจะจมน้ำตาย แล้วสามารถคว้าท่อนไม้ท่อนสุดท้ายเอาไว้ได้
เย่หยวนชิวรู้ผลลัพธ์นานแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะยอมรับ
และพูดขึ้นว่า : “หากไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร ?”
หมอทั้งห้าคนก้าวเข้าไปพร้อมกัน และเริ่มทำการวินิจฉัยเฉินตง
เป็นเพราะหมดสติมาเป็นเวลาเจ็ดวัน ห้องพักจึงถูกเย่หยวนชิวปรับปรุงจนกลายเป็น “ห้องฉุกเฉิน” เรียบร้อยแล้ว มีอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายอย่างอยู่ภายในห้อง
ส่วนด้านนอกห้อง เย่หลิงหลงกำลังกัดแขนของตนเอง เพื่อข่มเสียงร้องเอาไว้ และปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นของเฉินตง ก็รู้สึกราวกับมีมีดร้อนๆ ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของเธอ แล้วค่อยๆ เฉือนหัวใจของเธอออกทีละนิดๆ
ยังมีเรื่องอะไรอีก ที่จะสามารถทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกสิ้นหวังได้มากกว่าการยอมรับความจริงที่สิ้นหวัง ?
เฉินตงเมื่อก่อนหน้านี้ เป็นมังกรที่ผงาดอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางผู้คน
ถึงแม้เย่หลิงหลงจะมีนิสัยหยิ่งยโสและชอบเอาชนะ แต่ในใจของเธอก็ยามรับว่าเฉินตงนั้นยอดเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังของตระกูลเฉิน หรือจะเป็นความเก่งกาจเฉพาะตัวของเฉินตงเอง
มิเช่นนั้น ก็คงไม่อาจทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้
ทำให้เธอซึ่งรู้ว่าเฉินตงนั้นแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกหลงใหล และไม่อาจควบคุมความรู้สึกที่มีต่อเฉินตงได้
เพียงแต่ตอนนี้……มังกรตกเหวเสียแล้ว
ภายในห้องเงียบสงัด
เย่หยวนชิวยืนดูอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ และมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้น
หมอทั้งห้าคนตรวจวินิจฉัยให้เฉินตงอย่างตั้งใจ
ส่วนเฉินตง ตั้งแต่ต้นจนจบ แววตาของเขาก็ยังคงเป็นประกาย และมองหมอทั้งห้าคนด้วยความหวังอย่างแรงกล้า
เขาอยากจะคาดเดาความจริงจากสายจาของหมอทั้งห้าคน
แต่ท่าทีของหมอทั้งห้าคนกลับเรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ
การวินิจฉัยทั้งหมดจบสิ้นลง
เฉินตงรีบเอ่ยถามด้วยความหวัง : “คุณหมอครับ ผมยังมีโอกาสกลับเป็นเหมือนเดิมไหมครับ ?”
“คุณชายรอก่อน ยังมีอีกหลายอย่างต้องวินิจฉัย ต้องใช้เวลาเพื่อรอฟังผล”
มีหมอคนหนึ่งชี้ไปที่เครื่องมือแพทย์หลายชิ้นที่วางอยู่ตรงมุม
เฉินตงพยักหน้า แล้วหายใจเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว หลายใจเข้าออกอยู่หลายครั้งก็ยังไม่อาจสงบลงได้
“หวังว่า นี่จะเป็นความหวังสุดท้ายที่ฉันเหลืออยู่……”
เขาพึมพำ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น และร่างกายก็สั่นเทา
ภาพนี้ ทำให้เย่หยวนชิวอดไม่อาจเก็บซ่อนความผิดหวังในสายตาของเขาเอาไว้ได้
มังกรที่แท้จริงเช่นนี้……ต้องร่วงลงมาอยู่ในจุดนี้ สวรรค์ช่างตาบอดเสียจริงๆ !
ด้วยความสามารถของหงหุ้ย สามารถตรวจสอบทุกอย่างของเฉินตงออกมาได้อย่างง่ายดาย
เฉพาะด้านของความสามารถ ก็ทำให้เย่หยวนชิวรู้สึกประหลาดใจได้แล้ว
จ่อให้ไม่มีภูมิหลังอย่างตระกูลเฉิน ด้วยความสามารถของเฉินตง ขอแค่ต้องอาศัยความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย ก็สามารถกระโดดและพุ่งทะยานขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยของเฉินตง ต่อให้เขาจะเป็นถึงจู่เหลารุ่นหยวนของหงหุ้ย ก็ต้องรู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
ผลการวินิจฉัยก็ค่อยๆ ออกมาทีละรายการ
มองดูหมอทั้งห้าคนที่กำลังยืนล้อมวงปรึกษากัน
แววตาของเฉินตงก็ยังคงเต็มไปด้วยความหวังอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้ เวลาทุกวินาทีผ่านไปช้ามาก
ในที่สุด
หมอทั้งห้าคนก็ส่งสายตาให้กัน แล้วเดินเข้าไปหาเฉินตง
มีแพทย์หนึ่งคนหันไปส่งสัญญาณให้เย่หยวนชิวเดินเข้ามา
จากนั้น เขาก็ค่อยๆ พูดขึ้น
“ผลการวินิจฉัยแต่ละอย่างออกมาไม่แตกต่างกัน แต่ก็เหมือนที่มีการวินิจฉัยเอาไว้ในขณะที่ช่วยชีวิต คุณชายท่านนี้สามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ ส่วนขาทั้งสองข้างที่ไร้ความรู้สึกในตอนนี้ และไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ คงเป็นเพราะผลสืบเนื่องมาจากการที่พิษแล่นเข้าสู่กระแสเลือด”
“ถ้าอย่างนั้นผม……สามารถกลับมาเป็นปกติได้ไหม ?” เฉินตงถามด้วยความหวัง
หมอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัว
“พวกเราทั้งห้าคนปรึกษากันแล้ว ความพิการของคุณชายในตอนนี้ ไม่สามารถตรวจพบข้อบ่งชี้ใดๆ และไม่สามารถรักษาให้หายได้ ไม่แน่ว่า……อาจต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปตลอดชีวิต”
น้ำเสียงที่ราบเรียบ ได้กล่าวความจริงที่สิ้นหวังที่สุดออกมา
เย่หยวนชิวสังเกตท่าทีของเฉินตงเงียบๆ
และหลังจากที่เฉินตงได้ยินคำพูดของหมอ ร่างกายของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง
ประกายของความหวังในดวงตา ดับสูญลงไปในทันที
เหลืออยู่เพียงแค่ความมืดมนอย่างถึงที่สุด
ภายในห้องเงียบสงัดลงทันที
ด้านนอกห้อง ในที่สุดเย่หลิงหลงก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เธอชะโงกหน้าเข้ามาดูเฉินตงอย่างเงียบๆ
วินาทีถัดมา เฉินตงยิ้มออกมาอย่างโศกเศร้า ทำให้หัวใจของเย่หลิงหลงเต้นระส่ำ
เฉินตงหัวเราะแล้วมองดูขาทั้งสองข้างของตนเอง แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความสิ้นหวัง
“ไร้ประโยชน์แล้ว ไร้ประโยชน์แล้วจริงๆ ฉัน……จบเห่แล้ว ความพยายามทั้งหมด ต้องพ่ายแพ้ให้กับขาคู่นี้แล้ว……”
หลังจากพูดจบ จู่ๆ เฉินตงก็ใบหน้าซีดเผือด และกระอักเลือดออกมา
สีแดงฉาน