Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 470 หยวนเทียนกาง

“หลานเลอะเลือนไปแล้วหรือยังไง !”

เย่หยวนชิวจ้องมองเย่หลิงหลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พูดจุดประสงค์ออกมาขนาดนี้แล้ว หลานควรจะจับตัวเธอเอาไว้ ตอนนี้หงหุ้ยของเราสามารถต่อสู้ได้ แต่เฉินตงต่อสู้ไม่ได้ !”

“คุณปู่ เป็นความผิดของหนูเอง ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดีคะ ?”

ใบหน้าอันงดงามของเย่หลิงหลงแดงก่ำ เธอก้มหน้าก้มตาด้วยความรู้สึกผิด

ความจริงเธอพบเทียนอ้ายถึงสองครั้ง เทียนอ้ายดูมีนิสัยขี้เล่น และมีความคิดที่แปลกประหลาด

ทำให้เธอประมาทเกินไป

อย่างไรเสีย มีสักกี่คนที่จริงจังกับการทำภารกิจ แล้วยังมีเวลามาสนใจหน้าอกของตัวเองอีก ?

จนกระทั่งที่เทียนอ้ายหลบหหนีเมื่อครู่ แล้วถามคำถามประโยคสุดท้ายออกมา เธอถึงได้รู้ว่าปัญหานี้มีความรุนแรงขนาดไหน

“แหวกหญ้าให้งูตื่น หากคิดจะจับผู้หญิงคนนั้น คงจะสายไปแล้ว”

สีหน้าของเย่หยวนชิวเคร่งเครียด เขาขมวดคิ้วใช้ความคิด : “หลานกลับไปที่ตงหย่วน ปู่จะให้หลงโถวส่งคนมา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สมาคมซานเหอต้องถูกยกระดับการรักษาความปลอดภัย”

“คุณปู่คะหรือว่าพวกเราจะเคลื่อนย้ายเฉินตงดี ?” เย่หลิงหลงเสนอความคิดเห็น

เย่หยวนชิวมีสีหน้าจริงจัง : “ยังมีที่ไหนที่ปลอดภัยกว่าองค์กรใหญ่ของหงหุ้ยอีกหรือ ?”

หลังจากที่เย่หยวนชิวโบกมือให้เย่หลิงหลงออกไป

เย่หยวนชิวก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ ว่า : “สามารถปิดถนนได้อย่างโจ่งแจ้ง ลอบฆ่าเฉินตง และหลบซ่อนตัวจนแม้แต่หงหุ้ยเราก็ยังสืบหาไม่พบร่องรอย หากเคลื่อนย้ายเฉินตงตอนนี้ ก็เท่ากับรนหาที่ตาย”

พูดจบ เย่หยวนชิวก็ลุกขึ้นแล้วใช้ไม้เท้าเดินพยุงตัวไปหาหลงโถว

เรื่องนี้จะประมาทไม่ได้

ผู้หญิงคนเดียว แอบลักลอบเข้ามาในสมาคมซานเหอถึงสองครั้ง

เหตุผลก็เพื่อสืบหาว่า ในคืนที่เฉินตงหายตัวไปในคืนนั้น หงหุ้ยงมอะไรขึ้นมาจากทะเลกันแน่

เห็นได้ชัดว่า มีความเชื่อมโยงถึงเฉินตง

เป็นการยากที่เย่หยวนชิวจะไม่นำเรื่องนี้ และเรื่องของผู้อยู่เบื้องหลังในการลอบสังหารเฉินตงมาโยงเข้าด้วยกัน

ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อสำรวจเส้นทางจริง ถ้าเช่นนั้นต่อจากนี้ก็น่าจะเป็นการปฏิบัติการลอบสังหารอย่างเต็มรูปแบบ

ห้องโถงใหญ่ของสมาคม

กลิ่นหอมของธูปฟุ้งกระจาย

บนผนังกว้าง มีภาพเหมือนของบุคคลขนาดใหญ่สามภาพแขวนอยู่

และด้านหน้าภาพเหมือน มีโต๊ะไม้โบราณวางอยู่ ด้านหลังโต๊ะไม้โบราณ

มีชายวัยกลางคนผมขาว นั่งอยู่อย่างสง่าผ่าเผย ใบหน้าหล่อเหลา ดูสุขุมเยือกเย็น ทำให้ดูแล้วรู้สึกมั่นคงดุจขุนเขา

กรอบแว่นสีทองที่อยู่บนสันจมูก ทำให้ดูอ่อนโยนและสง่างามขึ้นไม่น้อย

เขาคือหลงโถวของหงหุ้ย——หยวนเทียนกาง

ก๊อกก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ชายวัยกลางคมผมขาวเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเย่หยวนชิว ใบหน้าที่เรียบเฉยก็เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมาทันที

เขาลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปด้านหน้า ประคองเย่หยวนชิวให้นั่งลงบนเก้าอี้

“ผู้อาวุโสมีเรื่องอะไรหรือครับ ทำไมถึงไม่ให้คนมาตามผมไป ทำไมต้องมาด้วยตัวเองเช่นนี้ ?”

“คุณเป็นหลงโถวของพวกเรา ผมจะปฏิบัติต่อคุณตามอำเภอใจได้อย่างไร ?”

เย่หยวนชิวพูดติดตลก

หยวนเทียนกางยักไหล่ : “ท่านเป็นจู่เหลาของเรา ที่มีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะการสนับสนุนของท่านในตอนนั้น ใครๆ ก็ล่วงเกินผมไม่ได้ ยกเว้นท่านคนเดียวเท่านั้น”

เย่หยวนชิวยิ้มร่าออกมา

จากนั้นก็ค่อยๆ หุบยิ้ม แล้วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “เรื่องที่เฉินตงพักอยู่ที่สมาคมซานเหอ อาจจะถูกเปิดเผยออกไปแล้ว”

“อะไรนะ ?”

หยวนเทียนกางผงะไปครู่หนึ่ง : “พวกเราจัดการอย่างสะอาดหมดจนไร้ร่องรอย เรื่องที่งมคนขึ้นมาจากทะเล แม้แต่สมาชิกตระกูลที่อยู่ในเมืองนี้ต่างก็ถูกปิดบังไม่ให้ล่วงรู้ แล้วจะถูกค้นพบได้อย่างไร ?”

เย่หยวนชิวยิ้มออกมาอย่างโศกเศร้า : “หลิงหลงเป็นคนพบเข้า ผู้หญิงคนนั้นแอบปีนกำแพงเข้ามาสองครั้ง เพื่อพยายามบุกรุกเข้าไปในสมาคมซานเหอ อีกทั้ง……”

หยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วเย่หยวนชิวก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “อีกทั้งเมื่อครู่ตอนที่หลิงหลงไล่ตามผู้หญิงคนนั้นไป ผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่จะหลบหนี ก็ได้เอ่ยคำพูดออกมาหนึ่งประโยค เธอถามออกมาตรงๆ ว่า คืนนั้นหงหุ้ยเรางมอะไรขึ้นมาจากทะเลกันแน่ ?”

ทันทีที่พูดออกไป ห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงัดทันที

ใบหน้าที่อ่อนโยนของหยวนเทียนกางเคร่งขรึมขึ้นทันที ภายใต้กรอบแว่นสีทอง แผ่ซ่านรังสีของความอำมหิตออกมาทันที

ตอนนี้ บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่ดูเหมือนลดต่ำลงไปจนถึงจุดเยือกแข็ง

ในฐานะที่เป็นหลงโถว ความสุภาพอ่อนโยนและสง่างาม ถือเป็นท่าทีที่เขาต้องการแสดงออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น

หากคิดว่าเขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยนจริงๆ แล้วล่ะก็ นั่นถือว่าคิดผิดแล้ว

“จู่เหลา คนที่ฆ่าเฉินตง ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอ”

หยวนเทียนกางพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม : “ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเฉินตงอยู่ที่สมาคมซานเหอ หลังจากนี้พวกเราคงต้องถูกโจมตีแล้ว”

“คุณกลัวหรือ ?” เย่หยวนชิวเลิกคิ้วถาม

หยวนเทียนกางเบ้ปาก : “หยวนเทียนกางสะกดคำว่ากลัวไม่เป็น”

เย่หยวนชิวยิ้มเล็กน้อย

จากนั้น หยวนเทียนกางก็ยักไหล่ : “เอาล่ะ จากนี้เป็นต้นไป ผมจะย้ายไปอยู่ที่ตงหย่วน”

“อย่างไรเสียคุณก็เป็นถึงหลงโถว จะย้ายไปดูแลเฉินตงหรือ ?” เย่หยวนชิวพูดด้วยความตกตะลึง

หยวนเทียนกางยิ้มร่าออกมา : “เอาล่ะ ที่ผู้อาวุโสมาถึงที่นี่ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอกหรือ ผมในฐานะที่เป็นหลงโถว ไปดูแลจู่เหลารุ่นหยวนที่หนุ่มที่สุดของสมาคมเรา ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องหนักหนาอะไร”

“คุณนี่มันฉลาดจริงๆ” เย่หยวนชิวหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้

หยวนเทียนกางดันแว่นที่อยู่บนสันจมูก แล้วยิ้มโดยไม่พูดอะไร

เงียบไปสักครู่

เขาก็ค่อยๆ พูดว่า : “เพียงแต่ตอนนี้เจ้าบ้านตระกูลเฉินหายตัวไปอย่างลึกลับ จู่เหลาคิดว่าหงหุ้ยของเรา ควรจะกวนน้ำให้ขุ่นหรือไม่ ? ดูเหมือนว่าน้ำนี้จะขุ่นเกินไปแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่หยวนชิวจางหายไปทันที

ทำสีหน้าเคร่งขรึม แล้วค่อยๆ คายคำพูดออกมาหนึ่งคำ

“กวน !”

หลังจากได้รับคำสั่งจากหยวนเทียนกาง

ทุกคนในสมาคมซานเหอก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับวันปกติ ซุ้มประตูใหญ่ถูกทิ้งร้าง

มีการยกระดับความปลอดภัยขึ้นสู่ระดับสูงสุดในเวลาเดียวกัน

หยวนเทียนกางก็ย้ายไปอยู่ที่ตงหย่วนด้วยตัวเอง โดยมีการจัดเตรียมห้องพักหนึ่งห้อง

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินตงได้พบกับผู้ที่ชื่อว่าเป็นหลงโถวของหงหุ้ย

ทำให้เฉินตงรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย

หยวนเทียนกางอายุน้อยกว่าที่เขาคิดเอาไว้

เดิมทีเขาคิดว่าหลงโถวน่าจะมีอายุอย่างน้อยๆ ประมาณห้าสิบปี

แต่หยวนเทียนกาง ต่อให้ผมจะขาว แต่ท่าทางและใบหน้า ไม่มีความชราเลยแม้แต่น้อย ดูๆ ไปแล้วน่าจะอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ และคงจะอายุเยอะกว่าเขาไม่มาก

“ประหลาดใจมากนักหรือ ?”

หยวนเทียนกางรับรู้ได้ถึงสายตาแปลกประหลาดของเฉินตงที่มองมา

“คุณดูหนุ่มมาก” เฉินตงพยักหน้า และไม่ได้คิดปิดบัง

“จะอายุน้อยสู้คุณได้อย่างไร”

หยวนเทียนกางหัวเราะออกมาแปลกๆ : “คุณเป็นจู่เหลารุ่นหยวนที่อายุน้อยที่สุดของเราเลยนะ”

ทั้งสองสบตากัน

แล้วยิ้มออกมาพร้อมกัน

จากนั้น หยวนเทียนกางก็ยักไหล่

“จริงสิ เรื่องที่ผมย้ายมาที่ตงหย่วนเพื่อปกป้องคุณ ตอนนี้ภายในหงหุ้ย มีเพียงเราไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ผมเองก็ไม่ต้องการให้ล่วงรู้ออกไป”

เงียบไปสักพัก เขาก็หรี่ตา จากนั้นจึงหันมองเย่หลิงหลงที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างเฉินตงอย่างมีนัย

จากนั้น จึงพูดด้วยรอยยิ้ม : “แต่ว่าคุณกับน้องหลิงหลงวางใจได้ ถึงแม้ผมจะอยู่ที่ตงหย่วน แต่ปกติก็จะไม่ออกหน้า จะอยู่จัดการเอกสารและธุระภายในห้อง และจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพวกคุณสองคน หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ พวกคุณสามารถทำเหมือนผมไม่อยู่ที่นี่ อยากจะทำอะไรก็ทำ ขอแค่อย่าเสียงดังเกินไปก็พอ ผมก็สามารถรับได้”

จู่ๆ เฉินตงก็ยิ้มไม่ออก

นี่มัน……

ส่วนเย่หลิงหลงเองก็ตัวสั่น จู่ๆ ร่างกายก็อ่อนยวบราวกับถูกไฟเผา

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ จ้องมองหยวนเทียนกางด้วยความอับอาย

กระทืบเท้าด้วยความโกรธ

“หลงโถว คุณควรจะพูดกับน้องสาวเช่นนี้หรือ ? รู้จักอายบ้างไหม ?”

ในหงหุ้ย ไม่เพียงเธอเท่านั้นที่มีฐานะที่ต่ำกว่า แต่กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดคุยกับหยวนเทียนกาง

“ฉันช่วยล้างก้นเธอ เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่เธอกลับถามพี่ว่ารู้จักอายบ้างไหม ?”

หยวนเทียนอ้ายแสร้งทำท่าทีจนใจ จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านนอก : “ความสัมพันธ์จืดจางแล้ว จืดจางแล้ว ฉันก็แค่อยากช่วยรักษาความสัมพันธ์ของพวกเธอเอาไว้ก็เท่านั้น”

มองดูหยวนเทียนกางเดินจากไป

เย่หลิงหลงแอบยืนตัวสั่น ใบหน้าที่งดงามของเธอแดงก่ำจนดูเหมือนแทบจะมีเลือดซึมออกมา

ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้ามองเฉินตง

คำพูดของหยวนเทียนกางเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่ามีนัย ตั้งใจที่จะสื่อถึงอะไรบางอย่าง

นี่จะให้เธอทนไหวได้อย่างไร ?

ตอนนี้ไม่กล้าที่จะสบตากับเฉินตงแล้ว

บรรยากาศภายในห้องแปลกขึ้นทันที

แม้แต่เฉินตงเอง ก็ถูกความ “ไร้ยางอาย” ของหยวนเทียนกาง ทำให้ตกใจ

เขาลูบจมูก แล้วทำลายความเงียบ

“ดูไม่ออกเลยว่าตั้งแต่เล็กจนโต คุณจะมีรสนิยมเช่นนี้”

“หา ? !”

เย่หลิงหลงตกใจ เธอมองเฉินตงด้วยความตกตะลึง

เฉินตงหัวเราะ : “แต่เมื่อก่อนตอนที่แม่เลี้ยงฉัน ก็ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ แต่ยังไม่ถึงขั้นเลี้ยงดูโดยการคอยล้างก้นให้”

เย่หลิงหลงตั้งสติได้ทันที

เธอจ้องมองเฉินตงด้วยความโกรธ ยกมือขึ้นแล้วหยิกแขนของเฉินตงอย่างแรง ทำให้เฉินตงเจ็บจนอ้าปากค้าง

“คนบ้า ทำไมคุณกับพี่ใหญ่พบหน้ากันครั้งแรก ก็ร่วมมือกันรังแกฉันเสียแล้ว ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset