Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 474 การลอบสังหารเริ่มต้น

เกิดเสียงระเบิดตูมใหญ่ รถคันหนึ่งในขบวนระเบิดกระเซ็นกลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชน

“ซุ่มโจมตี มีมือปืนซุ่มโจมตี!”

เสียงวอของหยวนเทียนกางมีเสียงพูดร้อนรนดังขึ้น

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “อยู่ด้านบนยอดตึกนั่น!”

หยวนเทียนกางรีบร้อนสั่งการในวอ “ทีมหงหุ้ย รีบบุกโจมตีไปยังเป้าหมายที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเดี๋ยวนี้!”

เมื่อสั่งการในวอเสร็จ สีหน้าของหยวนเทียนกางก็เคร่งขรึม “แม่งเอ๊ย พวกนี้มันบ้าไปแล้ว จู่ๆ ก็โผล่มาตั้งแต่ตอนนี้!”

ขบวนรถยังคงมุ่งไปข้างหน้าตามแผนการที่วางเอาไว้

ส่วนที่หยวนเทียนกางเพิ่งออกคำสั่งไป หมายถึงการซุ่มโจมตีสมาชิกทีมหงหุ้ยจากบริเวณใกล้ๆ ก่อนหน้านี้

หลังจากออกคำสั่งไป ทีมหงหุ้ยก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

หลังจากการซุ่มโจมตีผ่านไป ขบวนก็ได้เคลื่อนผ่านเขตที่มีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่นไปได้อย่างไม่มีอุปสรรคอีก

“ต่อจากนี้คงจะมีมือปืนโผล่มาอีกหลายคน”

เฉินตงขยี้จมูก สายตาของเขาที่ลึกล้ำเต็มไปด้วยความเย็นชา “แต่ก็คงจะเป็นแค่การยิงขู่เท่านั้นแหละ นักฆ่าของจริงที่จะสร้างความกดดันให้กับพวกเราได้น่าจะอยู่บริเวณชุมชนแออัดมากกว่า”

หยวนเทียนกางหยิบแผนที่ออกมาแล้วย่นคิ้วมอง “จากนี่ถึงสลัมเหลือระยะทางอีกสองกิโลเมตร”

เขาสูดหายใจลึกแล้วหันไปมองเฉินตงอย่างหนักใจ “ถ้าจะเปลี่ยนเส้นทาง ตอนนี้ยังทันนะ”

“ในเมื่อเริ่มเกมแล้ว ผมจะกล้าเปลี่ยนกฎระเบียบในเกมได้ยังไงล่ะ”

เฉินตงหัวเราะเย็นๆ แววตาของเขาปรากฏความบ้าระห่ำ

คิ้วของหยวนเทียนกางขมวดเข้าหากันแน่น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอาปืนพกที่เสียบอยู่ที่เอวส่งให้เฉินตง

“เอาติดไว้ป้องกันตัว”

เฉินตงรับปืนมา ขณะที่ขบวนรถยังเคลื่อนตัวไปข้างหน้า

และเป็นไปตามที่เฉินตงคาดการณ์ไว้ เกิดเหตุซุ่มโจมตีหลังจากนี้อีกสี่ครั้ง

แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงการข่มขู่ให้หวาดกลัวแต่ไร้ซึ่งความอันตราย การโจมตีแต่ละครั้งถูกสมาชิกทีมหงหุ้ยที่ซ่อนตัวอยู่คลี่คลายไปได้อย่างรวดเร็ว

หยวนเทียนกางถือแผนที่อยู่ตลอดเวลา พลางคะเนระยะทางไปยังชุมชนแออัด

ชุมชนแออัดเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อารมณ์ของเขาก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

หยวนเทียนกางพอจะคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ต่อสู้ที่ชุมชนแออัดจะต้องเกิดขึ้นอย่างดุเดือดเลือดพล่าน หากเทียบกับการซุ่มโจมตีตอนนี้นับว่าห่างกันราวฟ้ากับเหว

แม้ว่าเขาจะเป็นหลงโถวของหงหุ้ย เห็นอุปสรรคความยากลำบากมาแล้วมากมาย แต่หน้าผากของเขาก็ยังปรากฏเหงื่อเย็นๆ ซึมออกมา

เฉินตงนั่งอยู่ในรถเงียบๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้ว่าสีหน้าของเขาจะสงบเงียบ

แต่มือขวาของเขากลับกำปืนเอาไว้แน่น ก่อนจะเก็บปืนเข้าไปไว้ในเอวอย่างระมัดระวัง

และในตอนนั้นเอง ด้านนอกรถเกิดเสียงดังสนั่น

รถแม็คคลาเรนสีเหลืองคันหนึ่งขับตะบึงมาด้วยความเร็วจี๋ แล้วมาเทียบอยู่ข้างๆ รถที่เฉินตงนั่งอยู่ด้านใน

เฉินตงจ้องมองด้วยความข้องใจ

ด้านหน้ารถแม็คคลาเรนสีเหลืองมีรอยถูกชนปรากฏอยู่อย่างชัดเจน

เขาขมวดคิ้ว “รถคันนี้ใช่ไหมที่ขับชนรถท้ายขบวนของพวกเรา”

ดวงตาของหยวนเทียนกางที่จ้องมองแผนที่อยู่กระตุก ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังด้านนอกรถแล้วพยักหน้าเงียบๆ “น่าจะเป็นคันนี้แหละ”

“เขาขับเร็วมาก ขนาดเพิ่งชนยังตามมาทัน”

คิ้วของเฉินตงค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน “แต่ตอนนี้กลับขับช้า แถมยังมาเทียบกับรถของเรา”

ระหว่างที่พูด เฉินตงก็หันหน้าไปสบตากับหยวนเทียนกาง

สีหน้าของหยวนเทียนกางแข็งทื่อ

จากนั้นสีหน้าของคนทั้งสองก็เปลี่ยนไปพร้อมๆ กัน

“ลอบโจมตี!”

หยวนเทียนกางแผดเสียงดัง

พร้อมกันนั้น เฉินตงกับเขาก็หมอบลงไปกับพื้นรถพร้อมกัน

ปั้ง!

เสียงปืนดังขึ้น กระสุนได้พุ่งเข้ามากระแทกบริเวณกระจกรถ

การโจมตีที่น่าหวาดผวา ทำให้กระจกกันกระสุนของรถปรากฏรอยร้าวขยายตัวออกไป

เสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เหนือความคาดหมายของสมาชิกทีมหงหุ้ย ทำให้รถส่ายไปส่ายมาไประยะหนึ่ง

ต่อจากนั้น

ปั้งๆๆๆ

……

เสียงปืนที่ดังคล้ายปืนยาวเอเค 47 ดังสนั่นมาจากระยะไกล

การเดินทางที่ค่อนข้างจะราบรื่น ได้เปลี่ยนเป็นการเดินทางที่ตึงเครียดขึ้นมาในทันที

ขบวนรถเริ่มระส่ำระสาย

ส่วนรถคันที่เฉินตงกับหยวนเทียนกางนั่งอยู่นั้น กลายเป็นเป้าการโจมตีของปืนบนรถแม็คคลาเรน

ตัวรถทั้งคันเต็มไปด้วยรอยกระสุน

“ขับเร็วกว่านี้!” เฉินตงตะโกน

รถพุ่งทะยานไปด้วยความรวดเร็ว ไม่นานนักก็ขับเข้าสู่เขตชุมชนแออัด

สายตาของเฉินตงมองไปด้านหน้า

สิ่งปลูกสร้างที่เห็นอยู่ไกลๆ ทั้งเตี้ยทรุดโทรม ไร้ระเบียบและเก่าคร่ำครึผสมผสานเข้าด้วยกัน ส่วนอาคารสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเป็นระเบียบเป็นเส้นกั้นระหว่างความแตกต่างของทั้งสองบริเวณ

ทำให้คนรู้สึกราวกับทะลุมิติเข้ามา

เพียงแค่เห็นภาพเบื้องหน้าก็สัมผัสได้ถึงความยากจนข้นแค้น

แม้แต่ถนนหนทางเองยังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นถนนที่ทรุดโทรมเป็นหลุมเป็นบ่อ

ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวไป ก็รู้สึกได้ชัดเจนถึงความไม่สงบ

บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นของความผุพัง เน่าเหม็นที่ลอยคละคลุ้งผสมเข้าด้วยกันกลายเป็นกลิ่นที่เสียดแทงจมูก

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

หยวนเทียนกางกล่าวเสียงเข้ม “ที่นี่เป็นที่ของคนไร้ความหวังอยู่ทั้งนั้น”

“ความหวังล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเองสร้างให้ตัวเองทั้งนั้น” เฉินตงตอบ “ถ้าตัวเองไม่อยากให้ความหวังตัวเอง นั่นหมายถึงการหมดความหวังอย่างสิ้นเชิง ถ้าในใจยังมีไฟดวงเล็กๆ ติดอยู่ พอสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จะต้องมีสักวันที่ไฟลุกโชนขึ้น”

หยวนเทียนกางเหลือบมองเฉินตง

เขาลูบจมูกแล้วยิ้มพลางบ่นพึมพำ “ผมไม่เข้าใจคุณเลย อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ แต่กลับมองทะลุปรุโปร่งหลายๆ เรื่อง”

“เพราะว่าผมผ่านมาหมดแล้ว”

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วชี้ไปยังชุมชนแออัดที่ทรุดโทรม “ตั้งแต่เล็กจนโต ผมกับแม่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแบบนี้แหละ”

รอยยิ้มของหยวนเทียนกางหายไป

เขาหยักไหล่แล้วเก็บรอยยิ้มของตัวเอง จากนั้นจึงยกวอขึ้นเพื่อแจ้งให้ทุกคนยกระดับการป้องกัน

ชุมชนแออัด แหล่งรวมของความพ่ายแพ้ ความมืดหม่นและสิ้นหวัง

เป็นอย่างที่หยวนเทียนกางกล่าว ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นล่างที่ไร้ความหวัง

ในสถานที่ที่ไม่มีใครสนใจ คนที่ไร้ความหวังกลุ่มนี้ มีกฎเกณฑ์ทางความเชื่อไม่ต่างอะไรกับคนในป่าที่เรียบง่ายและป่าเถื่อน

ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ล่า!

แค่ขนมปังก้อนหนึ่งที่ทำให้อิ่มท้อง อาจจะนำไปสู่การต่อสู้ที่นองเลือดร้ายแรง

ในตอนแรกหยวนเทียนกางกับเย่หยวนชิวได้คัดค้านเส้นทางของเฉินตงที่จะต้องผ่านชุมชนแออัดแห่งนี้ เพราะนอกจากจะกลัวการโจมตีที่ดุเดือดแล้วยังกลัวอันตรายจากชุมชนแออัดแห่งนี้ด้วย

สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน

“ทุกคนตามขบวนมาเรื่อยๆ ห้ามหยุดอย่างเด็ดขาด พวกเราต้องผ่านย่านสลัมไปได้ให้เร็วที่สุด”

หยวนเทียนกางตะโกนเข้าไปในวอ น้ำเสียงของเขาดังและหนักแน่น ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดได้มีโอกาสตั้งคำถาม

เพราะนี่……คือคำสั่ง

“ถ้าผ่านที่นี่เร็วเกินไป จะทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่มีโอกาสลงมือนะ” เฉินตงพูดอย่างขัดใจ

หยวนเทียนกางยิ้มเฝื่อน “ความหมายของคำว่าเร็วของคุณกับผมมันไม่เท่ากันหรอก”

เฉินตงไม่ตอบอะไร เพียงจ้องไปด้านหน้า

ไม่ช้าก็เริ่มเข้าใกล้ชุมชนแออัดมากขึ้นเรื่อยๆ

กลิ่นเหม็นยิ่งรุนแรง ยิ่งเสียดแทงจมูกมากขึ้น

บรรยากาศของความผุพังใกล้เข้ามาแล้ว

ก่อให้เกิดความกดดันและรู้สึกหวาดหวั่น

ตามข้างทางเริ่มมองเห็นผู้หญิงใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ที่กำลังเหม่อลอยมาทางขบวนรถ

ทั้งยังมีผู้ชายไม่สวมใส่เสื้อโชว์รอยสักอีกหลายคนที่จ้องเขม็งมาอย่างไม่น่าไว้ใจ

ในวันปกติ ไม่ค่อยมีใครผ่านเข้ามาในย่านชุมชนแออัดแบบนี้

แถมนี่ยังเป็นขบวนรถหรูอีกต่างหาก

ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เฉินตงก็เข้าใจแล้วว่าคำว่าเร็วของหยวนเทียนกางมันต่างจากคำว่าเร็วของเขาอย่างไร

ถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทำให้รถไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก

ต่อให้เร็วมากขึ้นแค่ไหน ความเร็วของขบวนรถก็ยังไม่ต่างอะไรกับเต่าเดินอยู่ดี

แถมยังมีคนในชุมชนแออัดที่ยืนขวางอยู่หน้ารถ ทำได้เพียงบีบแตรไล่แล้วรอให้พวกเขาหลีกทางเท่านั้น ขบวนรถถึงจะขับผ่านไปได้

เฉินตงขมวดคิ้วมองไปยังความวุ่นวายที่อยู่ด้านนอก

ตอนนั้นเขาพลันบังเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา

สุดท้ายแล้ว……เป็นตัวเขาเองที่ประมาทเกินไป

หากรู้แต่แรกว่าย่านชุมชนแออัดจะมีสภาพเช่นนี้ เขาคงจะวางแผนอย่างระมัดระวังกว่านี้และเปลี่ยนเส้นทาง

เพราะจากความเร็วเฉลี่ยของขบวนรถตอนนี้ที่เคลื่อนตัวผ่านย่านสลัมได้ไม่เกินสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ขอเพียงแค่มือปืนที่ซุ่มอยู่ตาไม่บอด ชี้ตรงไหนก็คงจะยิงโดนตรงนั้นได้ง่ายๆ

“ตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหมว่าตัวเองยังเป็นเด็กเกินไปหน่อย”

ราวกับหยวนเทียนกางมองความคิดอ่านของเฉินตงออก จึงแค่นหัวเราะออกมาอย่างเคร่งเครียด

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset