Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 475 ผู้ที่อยู่เบื้องหลังปรากฏตัว

เฉินตงพยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง แล้วยิ้มตอบอย่างหม่นหมอง

ในตอนนั้นเอง

ปั้ง!

เสียงดังสนั่นมาจากทิศทางด้านหน้า

ต่อจากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงเอะอะวุ่นวายของฝูงชน

สีหน้าของเฉินตงกับหยวนเทียนกางเคร่งขรึม

หยวนเทียนกางรีบหยิบวอขึ้นมาสอบถาม “ด้านหน้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“รถนำด้านหน้าชนผู้หญิงในสลัมคนหนึ่งครับ ตอนนี้คนเริ่มเข้ามามุงกันแล้ว กระผมกำลังส่งคนไปจัดการอยู่ครับ”

เสียงเคร่งเครียดของเย่หยวนชิวดังออกมาจากวอ

เนื่องจากชนคนทำให้ถนนด้านหน้าถูกขวางเอาไว้ ขบวนรถทั้งขบวนจึงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไม่ได้

เสียงเอะอะวุ่นวายที่ดังมาจากด้านหน้าเริ่มดังขึ้น และเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ

ฝูงชนเริ่มเดินเข้ามามุงดูมากขึ้น

สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นสมาชิกของหงหุ้ยก็ยังต้องรู้สึกปวดหัว

คำที่ใช้บรรยายสถานการณ์ตอนนี้ได้ใกล้เคียงมากที่สุดก็คือ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีอะไรจะเสีย

เฉินตงกับหยวนเทียนกางที่นั่งอยู่ในรถต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด

เพราะพวกเขาค้นพบแล้วว่า ตั้งแต่ตอนที่ขบวนรถหยุดลงและเวลาเดินไปเรื่อยๆ

รอบด้านมีฝูงชนเข้ามารวมตัวกันเป็นจำนวนมากขึ้น โดยไม่ได้ไปรวมตัวกันอยู่ด้านหน้า แต่กลับแอบมายืนจดจ้องอยู่ด้านข้างด้วยสายตาราวนักล่าที่เฝ้ามองรถแต่ละคันอย่างมาดร้าย

“ผมรู้สึกเหมือนเข้ามาอยู่ในรังโจรเลย” เฉินตงขยี้จมูก

“รอไม่ได้แล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่เบื้องหลังหรอก คนแถวนี้ต่างหากที่น่าจะเริ่มทนไม่ไหว”

หยวนเทียนกางเอ่ยเสียงทุ้มลึกแล้วยกวอขึ้นมา “ท่านเย่ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คนในสลัมจะต้องก่อเรื่องวุ่นแน่ๆ”

คำพูดประโยคนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริง

ขบวนรถหรูหลายสิบคัน เข้ามาในย่านชุมชนแออัดเช่นนี้

ในสายตาของผู้คนที่ไร้ความหวัง นี่เปรียบเหมือนขุมสมบัติเล็กๆ ที่เคลื่อนที่ได้

คนที่ใช้ชีวิตอยู่โดยมีความเชื่อว่าผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้เข้มแข็ง พอได้เจอกับขุมสมบัติเล็กๆ เช่นนี้จะควบคุมความโลภของตัวเองได้อย่างไร

“กำลังให้เงินครับ”

เสียงดุดันของเย่หยวนชิวดังออกมาจากในวอ

ทว่า

ปั้ง!

เสียงปืนดังขึ้นราวกับเสียงสายฟ้าที่ก้องกังวานไปทั่วชุมชนแออัด

ทันใดนั้น ชุมชนแออัดตกอยู่ในความเงียบสงัด

วินาทีถัดมา

ฝูงชนในชุมชนแออัดเริ่มแตกตื่น

ฝูงชนที่ล้อมรถอยู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียงปืนที่ดังขึ้นเปรียบดังสัญญาณสั่งการให้พวกเขาพุ่งเข้าใส่รถอย่างหิวกระหาย

“ทุกคันเตรียมตัวให้พร้อมแล้วฝ่าออกไป!”

สีหน้าของหยวนเทียนกางเปลี่ยนไประหว่างที่ออกคำสั่ง

ขบวนรถที่หยุดนิ่งกลับมาเคลื่อนตัวอีกครั้ง

ปั้งๆๆๆ……

เสียงปืนดังขึ้นมาจากทุกทิศทุกทางไม่ขาดสาย

ชุมชนแออัดแตกตื่นราวนกแตกรัง

กลุ่มคนที่พุ่งตัวเข้ามาประชิดรถ ต่างพยายามกระชากประตูรถให้เปิดออกอย่างหน้ามืดตามัว

แม้ว่าขบวนรถจะเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง แต่ก็ยังเคลื่อนที่ไปได้อย่างช้าๆ จึงไม่สามารถสลัดฝูงชนที่อยู่รอบๆ ออกไปได้

สถานการณ์ดำเนินไปด้วยความวุ่นวายอย่างถึงที่สุด

เสียงร้องโวยวาย เสียงทุบตี เสียงปืนดังสะท้อนก้องวนเวียน

เฉินตงกับหยวนเทียนกางนั่งหน้าเครียดอยู่ภายในรถ

ทันใดนั้น เสียงของเย่หยวนชิวตะโกนดังออกมาจากวอ

“ทุกคนเตรียมรับมือ มีขบวนรถพุ่งเข้ามาปะทะ!”

เปรี้ยง!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ควันหนาๆ ลอยตัวสูงขึ้น

จากนั้นเสียงตะโกนของเย่หยวนชิวก็ดังเข้ามาในวออีก

“เตรียมโจมตี เตรียมโจมตี ขบวนรถถูกชน ถนนด้านหน้าถูกขวางเอาไว้ รีบคุ้มกันเฉินตงหนีออกไป!”

เสียงปืนลูกซองดังรัวมาจากทิศทางด้านหน้า

ปลายหางตาของเฉินตงเต้นตุบๆ

หยวนเทียนกางกำหมัดทุบลงบนเบาะรถ “แม่งเอ๊ย มันเอาอาวุธสงครามมาใช้!”

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป คนทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด ตอนนี้ฝ่ายของเฉินตงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ

การต่อสู้ดำเนินไปได้พักใหญ่ สุดท้ายจึงไล่ฝูงชนไปได้ พวกเขาตัดสินใจแยกเป็นสองกลุ่ม ทว่าท่ามกลางความวุ่นวายนี้ เกิดเสียงปืนดังทะลุผ่านหน้าอกของเย่หลิงหลง เฉินตงรู้สึกโหวงในใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องนั่งอยู่บนรถแล้วเหยียบคันเร่งจนมิดฝ่าฝูงชนที่ไม่หวงชีวิตตนเองออกไป ฝูงชนในสลัมเห็นดังนั้นจึงพากันวิ่งหนีเปิดทางออก

หลังจากนั้นไม่นาน เฉินตงได้พาเย่หลิงหลงขับผ่านไปยังสี่แยกหนึ่ง

ขณะที่รถแฮมเมอร์เคลื่อนผ่านสี่แยกที่ล้อมรอบไปด้วยบ้านเรือนนั้น

เปรี้ยง!

รถ SUV สีดำคันหนึ่งได้พุ่งเข้ามาชนราวกับสัตว์ที่กำลังบ้าคลั่ง

รถแฮมเมอร์ด้านหน้าถูกชน

แรงปะทะอย่างรุนแรง ทำให้รถแฮมเมอร์ลอยกระเด็น ตัวรถที่โดนกระสุนยิงใส่นับไม่ถ้วนได้บุบงอเสียทรงราวกับยุบหายลงไปครึ่งหนึ่ง

โครม!

หลังจากรถแฮมเมอร์กระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงแล้วก็ร่วงลงกระแทกพื้น ควันลอยโขมง

แรงชนอย่างรุนแรงทำเอาเฉินตงกระเด็นออกจากรถแฮมเมอร์

เมื่อหล่นลงด้านล่างแล้ว เฉินตงนอนแผ่อยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างแตกสลาย

เลือดสดไหลซึมออกมาจากมุมปากของเขา

จมูกของเขาก็รู้สึกถึงเลือดที่กำลังเคลื่อนไหว

แต่เฉินตงกลับไม่ได้สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง เมื่อตั้งสติได้ เขาก็บังคับตัวเองให้ค่อยๆ คลานกลับไปที่รถแฮมเมอร์

เนื่องจากตำแหน่งที่นั่งที่แตกต่างกัน ทำให้เย่หลิงหลงไม่ได้กระเด็นออกมาจากรถด้วยแรงกระแทก เธอยังคงติดอยู่ด้านในรถ

“หลิงหลง……หลิงหลง……”

ใบหน้าของเฉินตงเต็มไปด้วยเลือด มือของเขาที่คืบคลานไปตามพื้นยังทิ้งรอยเลือดสีแดงสดเอาไว้เป็นทาง

แต่เนื่องจากขาทั้งสองของเขาไร้ความรู้สึก มีเพียงมือสองข้างเท่านั้นที่พาเขาเคลื่อนกายไปตามพื้น ทำให้ระยะทางห้าเมตรนี้เป็นหนทางที่ยาวไกลกว่าเดิม

ส่วนอีกฟากหนึ่ง หลังจากผ่านการปะทะเรียบร้อยแล้ว

รถ SUV สีดำก็จอดนิ่ง ด้านหน้ารถบุบจนเสียรูปเพราะแรงชน ฝากระโปรงหน้ารถเผยอเปิดออกทำให้ควันลอยโขมงออกมา

ภายในห้องโดยสาร ถุงลมนิรภัยทุกลูกระเบิดออก

เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าการชนปะทะกันเมื่อครู่นี้รุนแรงมากขนาดไหน

ปั้ง!

ประตูรถที่บิดงอถูกถีบอย่างแรงจนเปิดออก

รองเท้าหนังสีดำมันวาวคู่หนึ่ง ค่อยๆ ก้าวออกมาจากรถ

แก๊ก……แก๊ก……

รองเท้าหนังสีดำก้าวเดินมาข้างหน้าด้วยจังหวะการเดินที่ไม่ช้าไม่เร็ว กางเกงขายาวทรงกระบอกตรงจึงพลิ้วไหวเบาๆ

คนขับรถก็ไม่ได้ลนลานแต่อย่างใด เขาค่อยๆ เคลื่อนที่มาข้างหน้า พร้อมเสียงดัง “กริ๊ก” ที่ดังสะท้อนทั่วทั้งถนน

เฉินตงที่คืบคลานมาถึงด้านข้างรถแฮมเมอร์พลันหวาดผวา

เขาได้ยินเสียง “กริ๊ก” อย่างชัดเจน และแน่ใจว่าเสียงนั้นคือ……เสียงใส่แม็กกาซีนปืน

“ที่นี่อยู่ในแผนของพวกแกด้วยหรือ”

ดวงตาของเฉินตงแดงก่ำ แม้ว่าเขาจะควบคุมสติและความอ่อนแอเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทว่าความพรั่นพรึงในดวงตาของเขาไม่สามารถเก็บซ่อนได้

“ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ไม่ได้วางแผน”

เสียงกล่าวตอบเต็มไปด้วยความเย้ยหยันถากถาง “แต่เป็นเพราะก่อนที่จะตามฆ่าหมาตัวหนึ่ง ฉันมีความสามารถเพียงพอที่จะรับมือกับหมาจนตรอกตัวนี้ได้ทุกเมื่อ ดังนั้นแกคิดว่าแกหนีได้แล้ว แต่จริงๆ ฉันยังแอบตามแกอยู่ จนกว่าจะลากตัวแกไปลงนรกได้……”

น้ำเสียงนี้……

เฉินตงตัวสั่นแล้วเงยหน้าขวับขึ้นด้านบน

แม้ว่าจะเคยพบหน้ากันเพียงครั้งเดียว แต่ใบหน้าที่ดวงตาของเขาเห็นในตอนนี้ ยังทำให้ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงดังเดิม

ความหนาวสะท้านได้แล่นผ่านตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

เฉินตงเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เฉินเทียนฟ่าง?!”

เขายังจำช่วงเวลาครั้งแรกที่เขาไปเหยียบบ้านตระกูลเฉินได้

ตอนที่เขากำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงตั้งท่าจะลงมือกับคุณนายใหญ่เฉินอยู่นั้น คนผู้นี้เป็นคนที่ขวางเขาเอาไว้

เขาจึงจดจำคนผู้นี้ได้เป็นอย่างดี!

“ทำไมถึงเป็นแก” เฉินตงมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง

ตอนนี้ เฉินเทียนฟ่างกำลังมองเฉินตงจากมุมด้านบน

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโอหังสะใจ

รอยยิ้มก็เต็มไปด้วยความดูแคลนอย่างเข้มข้น ราวกับกำลังยิ้มเย้ยมดตัวหนึ่ง

“เห็นสภาพของแกตอนนี้ ฉันรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย”

เฉินเทียนฟ่างแสร้งถอนหายใจ “ตอนที่แกอยู่บ้านตระกูลเฉินน่าเกรงขามขนาดไหนกันนะ แม้แต่คุณนายใหญ่ยังถูกแกกดขี่ซะจนไม่เหลือท่า แล้วดูตอนนี้สิ แกคลานอยู่บนพื้น ขนาดจะยืนยังยืนไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับหมาตัวหนึ่ง”

สีหน้าของเฉินตงหมองหม่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอัดอั้นใจ

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset