ภายในโรงพยาบาล
เฉินตงนั่งอยู่ด้านข้างเตียงผู้ป่วยเงียบๆ
เฝ้ามองเย่หลิงหลงที่ยังคงไม่ได้สติ
เขาพาเธอมาส่งได้ทัน หลังจากหมอทำการรักษาแล้ว เย่หลิงหลงก็พ้นขีดอันตราย
ใบหน้างดงามของเธอยังคงซีดเผือด
เฉินตงยิ้มอย่างหมองหม่นด้วยอารมณ์สงสาร “คุ้มไหมที่ทำแบบนี้เพราะผม”
ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออก
จากนั้นท่านหลงก็เดินเข้ามา
เขามองเย่หลิงหลงที่ยังคงไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วย แล้วเลื่อนสายตามายังขาทั้งสองข้างของเฉินตงด้วยความไม่เข้าใจ
เฉินตงเลิกคิ้ว “ท่านก็รู้มาก่อนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ทำไมต้องมองขาผมแปลกๆ แบบนั้น”
ท่านหลงยิ้มอย่างแข็งกระด้าง
ตอนที่เขาพบเฉินตงที่สมาคมซานเหอนั้น
การจับมือกันครั้งนั้น เฉินตงได้สะกิดที่กลางฝ่ามือของเขา เขาถึงจะเข้าใจเรื่องราว
ในตอนนั้นเอง
เฉินตงเหลือบไปเห็นเปลือกตาของเย่หลิงหลงสั่นเบาๆ
หัวใจของเขาสะท้าน
แล้วปรี่เข้าไปข้างเตียง พร้อมเอ่ยเรียกเบาๆ ว่า “หลิงหลง……”
เย่หลิงหลงลืมตาขึ้นช้าๆ สายตาของเธอจ้องมองเพดานด้านบนด้วยความงุนงง
จมูกของเธอได้กลิ่นยาเข้มข้น
ดวงตาของเธอเริ่มปรับระยะการมองเห็นได้ชัดขึ้น
“ฉันยัง……ไม่ตาย?”
“ผมพาคุณมาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาพอดี”
เฉินตงเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“คุณ?”
เย่หลิงหลงมองไปที่เฉินตงด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันหมดสติไประหว่างทาง คุณพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลได้ยังไง”
เฉินตงยิ้มเกร็ง
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาการจับจ้องอย่างประหลาดใจของเย่หลิงหลง
“ผมเคยบอกไปแล้วว่าช่วยคุณได้……”
เย่หลิงหลงตะลึงงัน ความง่วงงุนจากการหมดสติยาวมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“คุณ ขาของคุณ……”
เฉินตงทำท่าห้ามไม่ให้พูด “นี่เป็นความลับ!”
เย่หลิงหลงนอนอยู่บนเตียงด้วยความงุนงง ประหลาดใจ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความจริง
เธอยิ้มอย่างขมขื่น “เย่หลิงหลง เธอตายไปแล้วจริงๆ ด้วย นี่คงเป็นความฝันครั้งสุดท้ายของเธอก่อนตายสินะ”
เฉินตงชะงักไป แล้วรีบเอ่ยปลอบว่า “คุณยังไม่ตาย และนี่ก็ไม่ใช่ความฝันด้วย”
ดวงตาของเย่หลิงหลงแดงก่ำ รื้นไปด้วยน้ำตา “อย่างนั้นคุณช่วยตอบฉันได้ไหม คุณ……เคยรักฉันบ้างไหม”
เขาสบตากับสายตาที่เป็นประกายวิบวับของเย่หลิงหลง
เฉินตงเงียบงัน
อารมณ์ของเขาปั่นป่วน
คอของเขาตีบตัน ยากที่จะกล่าวคำใดออกมา
เขาไม่ใช่คนไร้ประสบการณ์ ที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดจากความรักของวัยหนุ่มสาว
สิ่งที่เย่หลิงหลงทำให้เขาทั้งหมด การปฏิบัติต่อเขา เขาล้วนรับรู้ได้ทั้งสิ้น
ตื้นตัน ซาบซึ้ง ละอายใจ……ความรู้สึกทุกอย่างรวมเข้าอยู่ด้วยกัน
แต่ในใจของเขา……มีคนที่ครอบครองอยู่แล้ว
คนคนนั้นจองหัวใจของเขาไปทั้งดวง
ไม่เคยลืม และไร้หนทางที่จะลืม
“หือ?”
เย่หลิงหลงร้องขึ้นเบาๆ
เมื่อเฉินตงรู้ตัวก็ยิ้มออกมา “ขอโทษนะ แต่ในเมื่อไม่สามารถอยู่ช่วยกันได้ยามยากลำบาก ไม่สู้แยกกันไปใช้ชีวิตอย่างอิสระดีกว่า”
คำพูดที่เด็ดขาดนี้ ไม่หลงเหลือช่องว่างให้เธอแม้แต่น้อย
เมื่อเอ่ยออกไปเช่นนั้น เฉินตงเองก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
เขารู้ดีว่าคำพูดนี้สร้างความเจ็บปวดให้เย่หลิงหลงมากขนาดไหน
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อเขา คำพูดประโยคนั้น คงไม่ต่างอะไรกับการโดนลูกธนูปักเข้าไปในหัวใจ
ทว่า
ริมฝีปากของเย่หลิงหลงเริ่มกระตุกแล้วยิ้มปลอบใจ “โธ่เอ๊ย ไม่ได้ฝันจริงๆ ด้วย เพราะถ้าฝัน คุณคงตอบว่าคุณรักฉัน”
เฉินตงชะงักก่อนจะหัวเราะออกมา
จากนั้น เย่หลิงหลงจึงหันไปมองเฉินตง “แต่คุณจำไว้ละกัน วันนี้คุณช่วยชีวิตฉันไว้ ก่อนหน้านี้ฉันก็ช่วยชีวิตคุณไว้ครั้งหนึ่ง เราสองคนถือว่าเสมอกัน ไม่ติดค้างอะไรกันอีก”
“โอเค”
เฉินตงพยักหน้า “คุณพักผ่อนเยอะๆ นะ เดี๋ยวผมจะไปดูปู่ของคุณและหลงโถวสักหน่อย”
ท่านหลงเข็นวีลแชร์เข้ามาด้วยสีหน้าสับสน แล้วออกจากห้องไปพร้อมกับเฉินตง
เมื่อประตูถูกปิดลง
น้ำตาพลันไหลพรากออกมาจากดวงตาของเย่หลิงหลง
ความรักของเธอได้จบลงเพียงเท่านี้
เมื่อเฉินตงจากมาแล้ว เขาคิดแต่ว่าจะต้องรีบกลับไปหาชิงหยิ่งและลูกของตัวเองให้เร็วที่สุด เขาหายไปนานแล้ว กู้ชิงหยิ่งจะต้องเป็นห่วงเขามากแน่ๆ
บนถนนที่มุ่งหน้าไปยังวิลล่าตระกูลกู้ เฉินตงนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนรถด้วยอารมณ์ที่วุ่นวาย
ไม่นานนัก รถก็ขับเข้ามาถึงสวนดอกไม้ที่วิลล่า
หลังจากรถจอดแล้ว เฉินตงจึงลงรถ ท่านหลงเดินตามไปด้านหลัง
ก๊อกๆๆๆ……
ท่านหลงเคาะประตู
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าก่อนหน้านี้ท่านหลงจะแจ้งไว้แต่แรกแล้วว่าให้รถผ่านเข้าไปในวิลล่าได้เลยโดยไม่ต้องตรวจ
แต่เมื่อกู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงได้เห็นเฉินตง พวกเขาก็ยังคงตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาคลอ
“ตงเอ๋อกลับมาซะที”
“ผมทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง”
เฉินตงเอ่ยอย่างนิ่งสงบแล้วมองผ่านคนทั้งสองไปด้านหลัง “เสี่ยวหยิ่งล่ะครับ ผมอยากเจอเธอ”
“เธออยู่ในห้องนอนด้านบนน่ะ”
กู้โก๋ฮั๋วเอ่ยอย่างลึกลับว่า “พวกเรายังไม่ได้บอกว่าลูกกลับมาแล้ว เพราะอยากให้เธอเซอร์ไพรส์
เฉินตงพยักหน้าแล้วเดินขึ้นด้านบนไป
กู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงไม่ได้เดินตามไป แต่ยืนอยู่เคียงข้างกับท่านหลง
ท่านหลงกล่าวกับหลี่หวั่นชิงว่า “รบกวนคุณนายช่วยเตรียมอาหารมื้อเย็นได้ไหมครับ คืนนี้พวกเราจะได้กินเลี้ยงฉลองกันสักหน่อย”
ในเวลาเดียวกันนั้น
ด้านหน้าห้องนอนของกู้ชิงหยิ่ง
ก๊อกๆๆๆ
เฉินตงเคาะประตูสามทีแล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “ที่รัก ผมกลับมาแล้ว”
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว คู่รักที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานสบตาซึ่งกันและกัน ความผูกพันได้ส่งผ่านออกมาจากคนทั้งสองอย่างไม่สามารถใช้คำพูดบรรยายได้
“เฉินตง!” ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็รอจนถึงวันที่เขากลับมาหาตัวเป็นๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ นี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด
“ชิงหยิ่ง!” ดวงตาของเฉินตงก็มีน้ำตาคลอเช่นกัน เขาคิดถึงเธอมาก
ทั้งสองกอดกัน จากนั้นเฉินตงจึงถามว่า “ตอนนี้ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง ลูกสบายดีไหม”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มแล้วเอามือเขามาวางไว้บนท้องของเธอ “คุณลองลูบดูสิคะ บางทีลูกก็ดิ้น ลูกแข็งแรงมาก ส่วนฉันก็สบายดี พวกเรารอคุณกลับมา”
เฉินตงโล่งใจขึ้น เขามองกู้ชิงหยิ่งอย่างจริงจัง “ทุกอย่างจบลงแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือ เฉินเทียนฟ่าง ผมให้เขาได้รับบทลงโทษเรียบร้อยแล้ว ตระกูลเฉินจะทำร้ายพวกเราไม่ได้อีกแล้ว”
เมื่อกู้ชิงหยิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้า “เฮ้อ ดูไม่ออกเลยนะคะว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้”
เฉินตง “ตระกูลเฉินมีอำนาจแข็งแกร่ง พอคนเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมอย่างนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ปรารถนาในอำนาจและตำแหน่ง”
กู้ชิงหยิ่งตอบรับคำหนึ่ง จากนั้นจึงจูงมือเฉินตง “แต่คุณไม่ได้เป็นแบบนั้นนี่ ต่อให้คุณเป็นแบบนั้น คุณก็คงไม่ทำร้ายคนอื่น คุณกับพวกเขามีนิสัยที่แตกต่างกัน”
เมื่อเฉินตงได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้สึกซาบซึ้ง เขาขอบคุณที่กู้ชิงหยิ่งเข้าใจในตัวเขา เขาคนพบเนื้อคู่ของตัวเองแล้วจริงๆ
“ชิงหยิ่ง ชีวิตนี้ผมจะมีคุณเพียงคนเดียว ผมจะไม่จากคุณไปไหน ผมจะปกป้องคุณอย่างดี” เฉินตงสาบาน
เมื่อเห็นสายตาจริงจังของเขา กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกชุ่มฉ่ำในหัวใจ เธอกอดเฉินตงเอาไว้ “ฉันรู้ค่ะ ฉันเข้าใจทุกอย่าง”
พวกเขาทั้งสองผ่านเหตุการณ์ด้วยกันมาหลายอย่างกว่าจะเดินมาถึงทุกวันนี้ จนเชื่อใจกันได้มากขนาดนี้ ดังนั้นกู้ชิงหยิ่งไม่มีทางสงสัยในความรู้สึกที่เฉินตงมีต่อตัวเอง
ภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวล คนทั้งสองจูบกัน บนพื้นสะท้อนเงาของพวกเขาที่เข้ากันเป็นหนึ่งเดียว
จบบริบูรณ์