Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 43 ผู้ช่วยเหลือ

บทที่ 43 ผู้ช่วยเหลือ

หลังจากเฉินตงออกจากบริษัท

เสี่ยวหม่าปรบมือก่อน“ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม?พี่ตงต้องสะสางได้แน่ๆ ครั้งก่อนพี่ตงบอกว่าโครงการเปลี่ยนโฉมเมืองทางตะวันตกไม่ขาดทุนแน่ ผลสุดท้ายทุกคนก็ย่อมรู้ดีใช่ไหม?ทุกคนต้องเชื่อมั่นในตัวพี่ตงนะ พวกเรารีบรวบรวมพลังทำงานกันเถอะ!”

ได้ยินดังนั้น เหล่าพนักงานที่กระวนกระวายใจก็เผยรอยยิ้มออกมา

หลังจากผ่านเรื่องเฉินตงกวาดซื้อไท่ติ่ง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเขตตะวันตกก็พุ่งขึ้นมา

พนักงานทุกคนจึงนับถือเฉินตงขึ้นขั้นที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

มีรถแท็กซี่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่

เฉินตงลงจากรถมองคฤหาสน์ตรงหน้า ก่อนจะมองคฤหาสน์อีกหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

เขาจำได้ว่าคฤหาสน์อีกหลังหนึ่งเขาเป็นคนซื้อไว้เอง

ยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง“เฉินเทียนหย่าง มังกรแกร่งไม่อาจกดขี่งูเจ้าถิ่นได้หรอก คุณคิดจะบ่งการทุกที่ แต่บางคนไม่ใช่คุณจะสั่งให้ทำตามได้!”

ตั้งแต่เรื่องที่คุนหลุนพูดเมื่อคนกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเที่ยงวันนี้

เฉินตงทายได้คร่าวๆแล้วว่าเป็นเฉินเทียนหย่างล่อกัดอยู่ด้านหลัง

เขาไม่รู้เบื้องหลังของตระกูลเฉินว่าจะใหญ่เพียงใด

แต่สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในบัตรเอทีเอ็มลายดอกชงโค เศรษฐีในเมืองไม่อาจเทียบเทียมได้เลย

เฉินเทียนหย่างอยู่ในเมืองนี้ เพียงแค่กล้าใช้เงินก้อนใหญ่ก็เรื่องง่ายที่จะให้ธุรกิจด้านการค้าขายวัสดุก่อสร้างต่อต้านไท่ติ่งได้เลย

แต่เขาคิดว่าเฉินเทียนหย่างคงไม่อาจซื้อตัวเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ได้

จัดเสื้อสูทให้เป็นระเบียน เฉินตงก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป

เพราะได้โทรมานัดหมายไว้แล้ว ฉะนั้นพ่อบ้านในคฤหาสน์จึงไม่ได้ถามอะไร เมื่อเห็นเฉินตงก็เชิญเข้าห้องรับแขกด้วยความนอบน้อม

เพลงคลาสสิคอันไพเราะได้กระจายทั่วทั้งมุมห้อง

ทำให้คฤหาสน์สไตล์โบราณยิ่งครึกครื้นเก่าเดิม เพียงพอต่อการแสดงวิสัยทัศน์ทางวัฒนธรรมได้เลย

“นายท่านครับ คุณเฉินตงมาถึงแล้วครับ”

พ่อบ้านกล่าวอย่างนอบน้อมต่อผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟา

ผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้า

ดวงตาที่อยู่ใต้แว่นตาสีทองเปล่งประกายระยิบระยับ

ซึ่งก็คือโจวเย่นชิว

“ประธานโจว”เฉินตงเรียก

โจวเย่นชิวไม่มีทีท่าหยิ่งยโสเลย สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางลากเฉินตงมา“เฉินตงมานั่งสิ มาถึงที่นี่ก็ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ เมื่อก่อนผมก็คิดว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ และวันนี้คุณก็ประสบผลสำเร็จแล้ว ทำไมยังเกรงใจอยู่ล่ะ?”

คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาเรื่องของหลี่ต้าเป่ามาใส่ใจ

ใบหน้าเฉินตงประดับรอยยิ้มตามโจวเย่นชิวไปที่ห้องรับแขก แล้วนั่งลงที่โซฟา

แวบแรกที่ถูกต่อต้านเขาก็นึกถึงโจวเย่นชิวเป็นอันดับแรก

โจวเย่นชิวเป็นเศรษฐีประจำเมือง อำนาจและกลอุบายนั้นมีมากมาย

อีกทั้งโจวเย่นชิวก็มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารด้วยตัวเองอยู่หนึ่งแห่ง

แม้กระทั่งเฉินตงก็ไม่รู้ว่าโจวเย่นชิวมีอำนาจสูงใหญ่เท่าไหร่ จึงได้แต่เอาประสบการณ์ที่เคยพบเจออันน้อยนิดประดิษฐ์ประต่อเพื่ออ้างอิงในการคาดเดาเท่านั้น

เฉินเทียนหย่างคิดว่ากว้างซื้อวัสดุทั่วทั้งเมืองแล้วสามารถกดหัวงูเจ้าถิ่นอย่างเขาได้

แต่ทว่าเฉินเทียนหย่างไม่อาจกวาดซื้อโจวเย่นชิวผู้เป็นมังกรแกร่งประจำเมืองนี้ได้!

ถึงแม้ท่านหลงจะไม่อยู่แล้ว แต่บารมีที่ท่านหลงมีต่อโจวเย่นชิวนั้นยังไม่จางหายไปไหน

ใช้อำนาจผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือตน เฉินตงก็รู้จักใช้เป็นอย่างดี!

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งก่อนให้หลี่ต้าเป่าเลี้ยงข้าวของขมา เขาก็ไว้หน้าโจวเย่นชิวไม่ได้ทำเกินเลยอะไร อันนี้ชาผู่เอ๋อชั้นดีที่ผมไหว้วางเพื่อนให้ซื้อมา ชาก้อนหนึ่งราคาห้าแสน รสชาติไม่เลวทีเดียว”โจวเย่นชิวรินชาให้เฉินตงอย่างยิ้มแย้ม

“ขอบคุณประธานโจวมากครับ”

เฉินตงยิ้มขอบคุณ หันไปพูดว่า“ประธานโจวครับ มีเคยเรียนท่านตอนคุยสายแล้วนะครับ ขอให้ประธานโจวช่วยครั้งนี้ด้วยครับ ไม่เช่นนั้นไท่ติ่งก็ต้องเจอมรสุมใหญ่แน่ๆเลยครับ”

ไม่ได้กล่าวทักทายอะไรมากมาย เพียงแต่พูดใจความสำคัญทันที

แต่น้ำเสียงของเฉินตงนั้นเหมาะสมไม่ขาดไม่มากจนเกินไป

เพราะเขารู้ดีว่าการใช้อำนาจบารมีคนอื่นกอบโกยผลประโยชน์นั้นไม่ควรลดตัวเองให้ต่ำมากนัก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการย้อนกลับมาทำร้ายตนได้

อย่างไงเสียโจวเย่นชิว……ก็เป็นนักธุรกิจหัวหม้อ

เป็นไปดังคาด

โจวเย่นชิวลิ้นรสได้อึกหนึ่ง ถามว่า“ท่านหลงล่ะ?”

เฉินตงยิ้ม“ท่านหลงเป็นเพียงผู้มีพระคุณกับผมเท่านั้น หากผมมีปัญหาอะไรก็ไปเชิญให้ท่านอาวุโสออกตัวช่วยเหลือ ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่เขาอุตส่าห์ฝึกฝนผมมาก็เท่ากับสูญเปล่าซิครับ”

“ฮ่าๆๆ……พูดถูก”

โจวเย่นชิวหัวเราะ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ“เหมือนกับตอนนั้นที่ผมเคยช่วยดันคุณนั่นแหละ ถ้าไม่ให้โอกาสคุณแสดงความสามารถ ไหนเลยจะทำให้คุณกลายเป็นรองประธานภายในสามปีได้ล่ะ”

วางถ้วยน้ำชาลง โจวเย่นชิวโบกมือไปมา“ความจริงแล้วตอนที่คุณกำลังเดินทางมา ผมได้ติดต่อบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างนอกพื้นที่มาสามบริษัทแล้ว ด้วยความสามารถของพวกเขา ขายวัสดุให้กับโครงการก่อสร้างของคุณนั้นไม่ยากหรอก เพียงแต่การจ่ายเงินและการเสนอราคาอาจจะแพงกว่าในเมืองเล็กน้อย”

“ผมเข้าใจครับ ช่วยคนเวลาคับขัน เงินไม่ใช่ปัญหาเลยครับ”

เฉินตงพยักหน้า กำมือแสดงความขอบคุณให้แก่โจวเย่นชิว“ครั้งนี้ต้องขอบคุณประธานโจวที่เข้าช่วยเหลือในยามคับขันเช่นนี้ครับ

น้ำใจครั้งนี้ เฉินตงจะจดจำไว้ครับ”

“ทำไมพูดอย่างนั้น ผมเป็นคนค้ำจุนเจ้าหนุ่มน้อยอย่างคุณมากับมือ จะทนมองดูคุณพินาศได้อย่างไรกัน?สนามการค้าคล้ายกับสนามรบ ต้องมีเวลาที่ถูกคนขุดหลุมให้จมดินนั่นแหละ?ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเอง”

โจวเย่นชิวพูดว่าไม่เป็นอะไร แสดงท่าทางให้เฉินตงชิมชาต่อ

เฉินตงกลับดื่มชาในแก้วจนหมด ลุกขึ้นพลางกล่าวว่า“ในเมื่อประธานโจวรับปากจะช่วยเหลือแล้ว ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวกลับไปที่ไท่ติ่งก่อนนะครับ ยังมีเรื่องให้ผมไปสะสางอีกมากมาย ไม่อาจชะล่าใจได้เลยครับ”

“ได้ เดี๋ยวผมจะส่งใบเสนอราคาจากกลุ่มค้าวัสดุก่อสร้างให้คุณทางอีเมลนะ คุณลองเลือกดูสักบริษัท จากนั้นก็เซ็นสัญญากับพวกเขา”

ออกจากคฤหาสน์

แสงแดดสาดส่องบนตัว ทำให้เฉินตงรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน

แต่แผ่นหลังของเขามีเหงื่อเย็นออกจนเปียกแฉะไปหมดแล้ว

เขาหันหน้าไปมองคฤหาสน์แวบหนึ่ง ก้นบึ้งของใต้ดวงตาก็คลี่ยิ้ม

เมื่อสักครู่หากแสดงอาการตื่นเต้นออกมาสักนิด หรือคุยกับโจวเย่นชิวมากกว่านี้ อาจจะเผยพิรุธเรื่องท่านหลงไปแล้วก็เป็นได้

ครั้งก่อนหลี่ต้าเป่าแค่ก่อนเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้ท่านหลงออกตัวได้แล้ว ส่วนครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่ แต่ท่านหลงกลับไม่มาพบหน้าโจวเย่นชิวเลย

หากไตร่ตรองให้ละเอียดก็จะพบว่าเรื่องมันลุ่มลึกน่าดู

โจวเย่นชิวเป็นนักธุรกิจ จึงเห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลัก หากรู้ว่าท่านหลงไม่อยู่แล้ว เรื่องจะช่วยเหลือหรือไม่คงต้องดูว่าเขาจะคำนวณหาผลประโยชน์ยังไงบ้างแล้วล่ะ

การที่ท่านหลงอยู่หรือไม่อยู่มีผลกระทบท่าทีโจวเย่นชิวที่มีต่อเขา

ณ ขณะที่เฉินตงออกจากคฤหาสน์นั้น

โจวเย่นชิววางถ้วยน้ำชาลง ดึงแว่นตาสีทองบริเวณจมูกขึ้นมา กล่าวอย่างลึกล้ำขึ้นมาว่า “เฉินตงเอ๋ย ผมพนันมาชั่วชีวิต ครั้งนี้ก็เหมือนกัน หวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะถูกต้องนะ ท่านหลงไม่อยู่ในเมืองนี้แล้ว ผมพนันกับคุณสักตาหนึ่ง หวังว่าเมื่อเขากลับมาจะรู้น้ำใจของผมนะ?”

ใต้ตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

พอร์เชอ911ขับเข้ามา เมื่อเหยียบแบร์รถก็จอดเทียบตำแหน่งของลานจอดรถได้อย่างพอดิบพอดี

กู้ชิงหยิ่งลงจากรถด้วยความเร่งรีบ ร่างเงาที่งดงามทำให้ดึงดูดสายตาตกตะลึงไม่น้อย

แต่เธอกลับไม่เอามาใส่ใจ รีบวิ่งเข้าไปภายในตึก

กดลิฟต์เสร็จ กู้ชิงหยิ่งก็เหนื่อยหอบ แก้มมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

เพราะเมื่อสักครู่วิ่งเป็นเหตุ

เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จางเห้อหมิงก็แอบต่อต้านไท่ติ่งลับหลังอีก เธอจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เฉินตงเข้าใจ สิ่งสำคัญก็คืออธิบายให้หัวหน้าของเฉินตงทราบ อีกทั้งคิดหาทางออกกับเฉินตงด้วยกัน

ฉะนั้นเธอจึงมาที่ไท่ติ่งด้วยตัวเอง

ติ๊ง!

ลิฟต์ขึ้นมาถึงแล้ว

กู้ชิงหยิ่งวิ่งออกมาจากลิฟต์ ซักถามหน้าเคาน์เตอร์ว่า“สวัสดีค่ะ ฉันคือกู้ชิงหยิ่ง ประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ค่ะ ฉันอยากพบประธานหลี่ของพวกคุณ”

เธอคิดแต่อยากจะช่วยเฉินตง แต่ไม่ค่อยรู้ข้อมูลไท่ติ่งมากนัก เพียงแต่เคยเห็นชื่อประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งว่าชื่อหลี่ต้าเป่าในเอกสารฉบับหนึ่ง

“ประธานหลี่?”พนักงานเคาน์เตอร์รู้สึกมึนงง

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกร้อนใจ“ก็คือหลี่ต้าเป่าเขาไม่อยู่เหรอคะ?ถ้าเช่นนั้นฉันอยากพบรองประธานเฉินของพวกคุณ”

“รองประธานเฉิน?”

พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เผยสีหน้าแปลกใจ“ตอนนี้รองประธานเฉินเป็นประธานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของพวกเราค่ะ”

โครมโรม!

ร่างบางของกู้ชิงหยิ่งสั่น ตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset