Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 61 Genting Sky

บทที่61 Genting Sky

ความเด็ดขาดและความห้าวหาญของเฉินตง ทำให้หวางหนันหนันตกตะลึงอยู่ไม่น้อย

มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังปล่อยหมัดไปบนก้อนสำลีที่ไร้ความรู้สึก

เสียงวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วนพุ่งไปที่ตัวเธอ พร้อมกับแสงกดจากแฟลชที่แทบจะกลืนกินเธอ

ในตอนที่เธอได้สติกลับคืนมา กลับพบว่าเฉินตงหายตัวไปตั้งนานแล้ว

และประตูของศูนย์การค้าหลงถิงฮัวหยวนเองก็ได้เปิดทำการแล้วเช่นกัน

กลุ่มฝูงชนผู้ซื้อบ้านเข้าไปในศูนย์การค้าขาย ภาพเหตุการณ์ในตอนนี้มีบรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

และเธอยืนตระหง่านนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม

ราวกับเป็นตัวตลกที่ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย

…….

เมื่อขึ้นรถแท็กซี่ออกจากหลงถิงฮัวหยวน เฉินตงก็ตรงไปที่ Genting Sky

ท่าทางที่โลภมากของตระกูลหวาง ทำให้เขาคลื่นไส้

การปรากฏตัวของหวางหนันหนันในวันนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง

หัวใจของเขาที่มีต่อหวางหนันหนันได้เย็นชาไปหมดแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นที่หวางหนันหนันเอาเงินช่วยชีวิตก้อนสุดท้ายของแม่ไป

หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวท่านหลง ป่านนี้แม่ของเขาได้เข้าไปนอนเหยียดยาวอยู่ในโลงศพที่เย็นเยียบเรียบร้อยแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เขาไม่มีความนับถือต่อหวางหนันหนันและตระกูลหวางเลยแม้แต่น้อย!

สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา

แต่ถ้าคิดจะให้เขายังเก็บรักษาความรักความสัมพันธ์ที่มีต่อหวางหนันหนันและตระกูลหวางอยู่ล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!

เขาถูใบหน้าเพื่อเก็บกดความโกรธที่อยู่ในใจเอาไว้

เฉินตงมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วบิดนิ้วมือไปมา ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไมบางคนจึงมักจะชอบสูบบุหรี่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

ในขณะที่ใจลอย ในหัวของเขาก็ปรากฏเงาของชิงหยิ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน

เขายิ้มนิดๆ บางทีนี้อาจจะเป็นแสงสว่างสุดท้ายในชีวิตรักของเขาตอนนี้

อย่างน้อยในยามที่เขาเหนื่อยล้า เธอเองก็รู้ว่าเขานั้นทำงานหนักและต้องการพักผ่อนอย่างมาก

และไม่ได้ปฏิบัติราวกับเขาเป็นทาสเหมือนกับหวางหนันหนันที่ชอบเรียกร้องจนเกินขีดจำกัด

“เธอไม่น่าจะชอบกลิ่นควัน”

เฉินตงส่ายหัวและมองไปข้างหน้า

มาถึง Genting Sky แล้ว

Genting Sky ตั้งอยู่ในตึกที่สูงที่สุดของเมือง ราวกับกำลังยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา มองเห็นทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก เป็นมูลค่าในการบริโภคที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และปิดประตูกั้นที่ไม่ให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนได้เข้ามา

แน่นอนว่า ถ้าได้รับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารบนปุยเมฆด้วยตนเองแล้วหล่ะก็ การเสียเงินหลักแสนก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองแต่อย่างใด

อย่างน้อยเฉินตงก็มีความคิดเช่นนี้

ขณะที่เขาขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้นบนสุดของ Genting Sky

เพลงเปียโนที่ไพเราะได้รุกล้ำเข้ามาในโสตประสาท การตกแต่งที่หรูหราและสง่างามทำให้สภาพแวดล้อมสวยงามอย่างไร้ที่ติ

หน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานรอบด้าน สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างชัดเจน

และ ชั้นเมฆลอยละล่องอยู่ภายนอกหน้าต่าง

เขาเดินตามพนักงานเสิรฟไปยังตำแหน่งของจุดชมวิวอันยอดเยี่ยมที่ได้กำหนดไว้ โดยมีกู้ชิงหยิ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

เพียงแต่ว่ากู้ชิงหยิ่งนั่งด้วยท่าทีที่ไม่สงบและเต็มไปด้วยความกังวลใจ

“เสี่ยวหยิ่ง กลุ้มใจเรื่องอะไรเหรอ?” เฉินตงยิ้ม

กู้ชิงหยิ่งตกใจในทันใด แล้วเงยหน้ามองเฉินตงพร้อมกับพูดด้วยความประหลาดใจว่า : “ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดคุณก็มาแล้ว ฉันกลัวจริงๆว่าเธอจะทำอะไรกับคุณ”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “ความสัมพันธ์ของเธอกับผมตัดขาดกันไปนานแล้ว เธอยังจะทำอะไรกับผมได้อีก?”

“ฉันกลัวว่าเธอที่อยู่ตรงนั้นจะสร้างความวุ่นวายที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของคุณและบริษัท” กู้ชิงหยิ่งไม่ปิดบังความกังวลใจของตนเองเลยแม้แต่น้อย

เฉินตงยกมือขึ้นขอเมนูกับพนักงานเพื่อให้กู้ชิงหยิ่งสั่งอาหาร

พร้อมกับยิ้มและนั่งลงในเวลาเดียวกัน : “วางใจเถอะ ผมแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว เป็นตัวเธอเองที่จะต้องอับอายขายหน้า ผมจะรั้งเธอไว้ได้อีกเหรอ?”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ

เธอเพียงแค่เจ็บปวดใจกับเฉินตง ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอไม่อยากถามมาก

สิ่งที่หวางหนันหนันและตระกูลหวางได้ทำ เธอรู้ดีอย่างชัดเจน มันไม่ควรค่าแก่การเห็นใจเลยจริงๆ

เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำขึ้น แต่ต้องมาแบกรับผลไว้ทั้งหมด

ใช้เวลาไม่นาน ก็สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย

“วันนี้มีเซอร์ไพรส์ใช่ไหม?”

เฉินตงเปลี่ยนหัวข้อ เขาไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งที่อยู่ข้างบนนี้กังวลใจมากเกินไปนัก

ยิ่งไปกว่านั้น กู้ชิงหยิ่งไม่เคยรังเกียจต่ออดีตที่ผ่านมาของเขา เรื่องของหวางหนันหนันจึงไม่ยุติธรรมต่อกู้ชิงหยิ่งเลย

“คุณยังลำบากใจที่จะพูดสินะ”

กู้ชิงหยิ่งส่งสายตาตำหนิ “ทำไมคุณไม่บอกฉันสักคำว่าคุณกลายเป็นบอสของไท่ติ่งไปแล้ว? คุณรู้หรือเปล่าว่า ตอนที่คุณเกิดอุบัติเหตุ ฉันกังวลใจจนนอนไม่หลับอยู่ที่ต่างประเทศ ฉันรีบกลับประเทศเพื่อมาช่วยคุณอย่างร้อนใจ แต่คุณกลับสบายดีและเก็บเรื่องที่กลายเป็นบอสของไท่ติ่งไว้เงียบกริบ!”

“ขอบคุณนะ”

เฉินตงวางมือบนหลังมือของกู้ชิงหยิ่ง “ขอบคุณที่คุณอยู่เคียงข้างผมในช่วงเวลาที่ผมสิ้นหวังมากที่สุด”

ความตะขิดตะขวงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่ง

เมื่อรู้สึกได้ที่อุณหภูมิบนหลังมือ เธอจึงดึงมือกลับโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าเฉินตงใช้แรงมากเป็นพิเศษ และไม่สามารถที่จะสลัดออกได้เลย

“ทำอะไรเนี่ยอีตาโง่ นี่คือร้านอาหาร คนมองดูเยอะนะ”

“ผมจับมือแฟนของตัวเอง ผิดตรงไหนล่ะ?”

เฉินตงเลิกคิ้ว : “นี่คือคนที่คุณจะต้องอิงแอบแนบชิดด้วย และต่อจากนี้จะหนีไม่ได้แล้วด้วย”

คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่งร้อนผ่าวและแดงเป็นอย่างมาก

กู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนเรื่องอย่างรีบเร่ง : “ใช่แล้วล่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณกลายเป็นบอสของไท่ติงได้ยังไง?”

นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้!

ตามความเข้าใจของเธอเกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวของเฉินตง หลังจากที่เฉินตงถูกหวางหนันหนันเชิดเอาเงินสองแสนเหรียญไปแล้วก็อับจนหนทางไร้ซึ่งทางออก

แต่ในตอนที่เธอกลับไปที่ประเทศจีน ไม่เพียงแต่คุณแม่ของเฉินตงจะพักฟื้นจากอาการป่วยเรียบร้อยแล้ว เขายังเปลี่ยนไปเป็นบอสของไท่ติงอีกด้วย

ภายในใจของเธอ มันคือการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกับเวทมนตร์ ราวกับว่าเฉินตงบินออกจากความอับจนหนทางขึ้นไปบนก้อนเมฆในชั่วพริบตา

เธอไม่เคยคิดถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ

ดังนั้นเธอถึงได้รีบกลับมายังประเทศจีน เพราะต้องการจะใช้ความสามารถของตัวเองในการช่วยเหลือเฉินตงให้เสร็จสมบูรณ์

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงหายไป เปลี่ยนเป็นความเศร้าเล็กน้อย

จะจับมือของกู้ชิงหยิ่ง เธอก็ดึงกลับคืนมา

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว : “ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”

“ไม่หรอก”

เฉินตงแค่นยิ้มออกมาแล้วอธิบายว่า : “อันที่จริงมีคนช่วยเหลือผม เขามอบเงินให้ผมเป็นจำนวนมาก ช่วยผมช่วยชีวิตคุณแม่ ช่วยให้ผมเซ็นสัญญากับไท่ติงในราคาสูงเสียดฟ้าและสามารถเข้าซื้อกิจการไท่ติ่งมาได้

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เฉินตงก็ถอนหายใจ : “มีเพียงแค่เรื่องนี้ ที่ผมยังไม่อยากบอกคุณเป็นการชั่วคราว เป็นเพราะว่าแม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่ได้ปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสถานะของตัวเองเลย ไว้ผมค่อยเล่าให้คุณฟังทีหลังนะ”

สำหรับพ่อที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้น เฉินตงไม่อยากจะที่จะพูดถึงเลย

ผู้ชายที่สามารถละทิ้งครอบครัวไปนานกว่ายี่สิบปี สามารถเรียกว่าพ่อและสามีได้เหรอ?

แต่เขายังคงมีความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่พ่อช่วยแม่ในช่วงเวลาวิกฤตครั้งนี้

เขาไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฉินกันแน่ นอกจากนี้เขายังสงสัยว่าพ่อเป็นคนส่งท่านหลงมาคอยสนับสนุนเขา สุดท้ายแล้วมันคือข้อตกลงซื้อขายใช่หรือเปล่า?

ตอนนี้ในใจของเขายังคงสับสนวนเวียนอยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการจะพูดกับกู้ชิงหยิ่งถึงเรื่องนี้

หลังจากฟังคำพูดของเฉินตงจบแล้ว กู้ชิงหยิ่งยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

แต่หลังจากเหลือบมองท่าทางการแสดงออกของเฉินตงแล้ว เธอก็พยักหน้า ไม่ซักไซ้ถามอะไรต่อไปอีก

เธอเคารพความเป็นส่วนตัวของเฉินตง

และรู้ด้วยว่า หลังจากอยู่กับเฉินตงแล้ว ก็จะสามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างช้าๆ

“ใช่แล้วล่ะ คุณไม่ได้บอกว่ามีเซอร์ไพรส์ให้ผมเหรอ?”

เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งอย่างคาดหวัง

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้าน ในดวงตามีความตื่นตระหนกเกิดขึ้นทันที

จากประสบการณ์การเซอร์ไพรส์มากมายที่เฉินตงมอบให้เธอ ทันใดนั้นเธอรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยว่า หลังจากเปิดเผยตัวตนกับเฉินตงแล้ว สำหรับเขาแล้ว สุดท้ายยังถือว่าเซอร์ไพรส์หรือเปล่า

ถ้าอย่างนั้น…จะบอก…หรือไม่บอก?

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset