Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 64 หน้าของคนตระกูลหวาง

บทที่64 หน้าของคนตระกูลหวาง

ภายใต้การปกคลุมของพระอาทิตย์ตก

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งค่อยๆเข้าใกล้กันอย่างช้าๆ พระอาทิตย์ตกปกคลุมบนตัวพวกเขาทั้งสอง

ทำให้ฉากนี้ราวกับเป็นภาพม้วน

ในเวลานั้นเอง

มีเสียงที่ไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาดังขึ้น

“ผม…ต้องหลบไปก่อนหรือเปล่า?”

ภาพที่สวยงามถูกทำลายไปในชั่วพริบตา

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้านและกระโดดลุกขึ้นราวกับกวางน้อยที่ตื่นตกใจ เธอก้มใบหน้าแดงก่ำลงแล้วรีบเดินกลับไปที่ชิงช้า หลังจากที่นั่งลงไปแล้ว ลมหายใจยังคงดังกระชั้น ไม่กล้ามองไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น

นี่มัน…น่าอายจริงๆเลย

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วหันไปมองคุนหลุนที่ยืนอยู่ตรงหัวบันไดอย่างไม่พอใจ

เมื่อกี้นี้เดินรอบวิลล่าอยู่เป็นนานก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเจ้าหมอนี่

ทำไมตอนนี้ถึงได้โผล่ออกมาแล้ว?

“นายทายสิ?”

คุนหลุนเกาหัวอย่างขวยเขินและพูดอย่างอ่อนแรงว่า : “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณทำต่อไปเลยครับ ผมจะหลบไปก่อน”

พูดจบก็หันหลังกลับจะเดินไป

“กลับมา!”

เฉินตงเรียกคุนหลุนให้หยุด ไม่ง่ายเลยที่จะสะสมบรรยากาศทางอารมณ์ขึ้นมาได้แต่กลับถูกเขาทำลายด้วยคำพูดประโยคเดียว

หลบไปตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?

ถึงแม้ว่าเขาเต็มใจจะสานต่อ กู้ชิงหยิ่งก็ไม่เต็มใจแล้ว

เฉินตงถามด้วยจิตใจที่แห้งเหี่ยวว่า : “เมื่อกี้นี้นายไปที่ไหนมา?”

ใบหน้าของคุนหลุนแดงขึ้นมาเล็กน้อย เกิดความรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าจะทำลายเรื่องดีๆของคุณชาย ถ้ารู้ว่าคุณชายกำลังมีเรื่องดีๆอยู่ล่ะก็ ตีเขาให้ตายก็ไม่มีทางรีบขึ้นมา

ไม่ว่ายังไงก็จะรออีกครึ่งชั่วโมง

แต่ทว่า เนื่องจากเขาถูกเฉินตงเรียกให้หยุดเอาไว้ เขายังเอ่ยตอบกลับไปว่า : “ยังขาดเก้าอี้นวดอีกหนึ่งตัวครับ เมื่อกี้นี้ผมออกไปซื้อมาแล้ว”

เขาจดจำคำสั่งของเฉินตงได้ ว่าตอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่ต้องเรียกเขาว่าคุณชาย โทนเสียงที่พูดให้เป็นวิธีที่เข้ากับการพูดกับเพื่อน

“เก้า อี้ นวด!”

เฉินตงหรี่ตาแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนแทบแหลก เป็นเพราะเก้าอี้นวดตัวเดียวทิ่มแทงเรื่องดีๆจนไม่เหลือแล้ว?

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเย็นชาขึ้นมา : “เมื่อกี๊นี้ฉันเห็นในสวนดอกไม้ยังมีอิฐอยู่หลายก้อน นายว่างขนาดนี้ ไปย้ายหน่อยไหม?”

“ไม่มีนี่ครับ” คุนหลุนส่ายหัวอย่างงงงวย ทั้งด้านหน้าและด้านหลังสวนดอกไม้ของวิลล่าได้รับการจัดวางตำแหน่งอย่างพิถีพิถันจากนักตกแต่งภายใน แล้วยังมีก้อนอิฐอยู่ได้ยังไง

เฉินตงกลอกตา : “ฉันบอกว่ามีไง!”

คุนหลุน “….”

หลังจากที่คุนหลุนไปแล้ว

บรรยากาศบนระเบียงเปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาด และอากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ

โดยแรกเริ่มพระอาทิตย์ตกพอดี วิวก็สวยคนก็งาม ทุกอย่างพอเหมาะพอดีเพียงแค่รอให้มันเกิดขึ้น

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าคุนหลุนจะมาอย่างกะทันหัน

เฉินตงลูบขมับอย่างจนปัญญา รู้สึกปวดกะโหลกขึ้นมาจริงๆ

สายตาเฉมองไปที่กู้ชิงหยิ่งที่ระเบิดความอับอายออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน

ในเวลานี้กู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่บนชิงช้าก้มศรีษะลงด้วยความละอายและมองดูพระอาทิตย์ตกที่อยู่ไกลออกไป แล้วแกว่งชิงช้าเบาๆและเท้าก็แกว่งไปมาด้วยในเวลาเดียวกัน

“แค่กแค่ก…” เฉินตงไอออกมาเบาๆสองครั้งเพื่อทำลายความเงียบงัน “ไม่งั้นก็…ต่อมั๊ย?”

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้านราวกับถูกฟ้าผ่า

เธอหันศรีษะไปทันทีแล้วจ้องมองเฉินตงอย่างโกรธเคือง : “คุณมันร้ายกาจ!”

หลังจากพูดจบก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง

เฉินตงยิ้มอย่างจนใจ คุนหลุนนายมันโง่ชะมัดเลย!

เพราะว่าความอับอายเมื่อกี้นี้ หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งวิ่งลงมาชั้นล่างอายเกินกว่าที่จะอยู่จึงขับรถปอร์เช่911จากไปเลย

สิ่งนี้ทำให้เฉินตงหมดอาลัยตายอยากจากการสูญเสีย

คุนหลุนพูดด้วยความละอายใจเล็กน้อยว่า : “คุณชาย ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะครับ”

“ดีร้ายยังไงก็ควรจะกินมื้อเย็นก่อนไปนะ” เฉินตงพูดอย่างไม่มีทางเลือก แต่เขาก็ไม่ได้โทษคุนหลุน ทำได้เพียงแค่โทษตัวเขาและกู้ชิงหยิ่งที่เดินไปไม่ถึงขั้นตอนแห่งพรหมลิขิต

เฉินตงถูหน้าของเขาแล้วพูดว่า : “คุนหลุน วันนี้จะไปที่โรงยิมมวยใต้ดินหรือเปล่า?”

“คุณชาย วันนี้เฉินเทียนหย่างกลับบ้านไปแล้ว เขาถูกผมทำลายขาไปข้างหนึ่ง ไม่หนึ่งก็สองเดือนถึงจะฟื้นฟูแล้วกลับมาได้” คุนหลุนกล่าว

เขารู้อย่างชัดแจ้งว่าก่อนหน้านี้ที่เฉินตงฝึกฝนอย่างกับปีศาจสุดชีวิตนั้น ที่จริงแล้วเป็นเพราะได้รับการกระตุ้นจากเฉินเทียนหย่าง เพราะฉะนั้นถึงได้มุมานะต่อสู้เพื่อความแข็งแกร่งเพื่อเสริมช่องว่างที่ห่างจากเฉินเทียนหย่าง

ท่าทางการแสดงออกของเฉินตงเปลี่ยนไป เขายิ้มอย่างดื้อรั้น : “ฉันฝึกฝนเพราะต้องการให้ตนเองดียิ่งขึ้น และไม่ใช่เพราะต้องการที่จะแข่งขันกับเฉินเทียนหย่าง เขาไม่คุ้มค่าต่อความพยายามของฉัน”

คำพูดที่ดังกังวานเผยให้เห็นพลังงงานแห่งการดูหมิ่น

ทำให้คุนหลุนมองด้วยรูม่านตาที่หดตัวลงแน่นขึ้น หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงได้พยักหน้า “งั้นก็ดีครับ”

…….

ในเวลาเดียวกัน

หวางหนันหนันที่เดินกลับไปที่บ้านอย่างสิ้นหวัง

ดวงตาของเธอร้องไห้จนบวมแดงมาเป็นเวลานาน จนน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว

เธอในตอนนี้ล่มสลายแล้วอย่างสมบูรณ์

เธอจะคิดได้อย่างไรว่า จากตอนแรกที่คาดหวังว่าจะทำให้เฉินตงต้องสูญเสียชื่อเสียงและเกียรติภูมิในความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้ กลับเป็นเพราะคำพูดของเฉินตงทำให้เธอตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชน

“ฉันทำอะไรผิดตรงไหนกัน? ฉันเอาเงินแม่ของเขามาสองแสนเหรียญเพื่อช่วยน้องชายของฉัน ผิดตรงไหนกัน? เขาจงใจวางแผนใส่ฉัน ฉันเลยตกเป็นเหยื่อ ทำไมทุกคนถึงได้กล่าวหาฉันแบบนี้?”

ตลอดทางที่เดินกลับบ้าน ความคับแค้นใจดังกล่าวยังคงหลอกหลอนอยู่ในใจของหวางหนันหนันตลอดเวลา

ท้องฟ้ามืดแล้ว

ในที่สุดเธอก็เดินมาถึงหน้าประตูบ้าน

เธอเอนตัวพิงบนประตูอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอไม่มีแรงแม้แต่จะหยิบกุญแจขึ้นมาเปิดประตู เธอจึงใช้ศรีษะกระแทกประตูเบาๆ

ในไม่ช้า ประตูก็เปิดออก

“พี่…”

หวางเห้ามองหวางหนันหนันอย่างทุกข์ใจ ท่าทางผิดปกติไปเล็กน้อย

แม้แต่หวางหนันหนันก็ยังมองเห็นประกายความโกรธในดวงตาของหวางเห้าได้อย่างชัดเจน

เธอเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง : “เป็นอะไรไป?”

ขณะที่ถามเธอก็ลากตัวเองเข้าไปภายในบ้านอย่างอ่อนเพลีย

แต่ทว่า

“หวางหนันหนัน แกทำให้ตระกูลของเราต้องอับอายขายหน้าจริงๆ!”

เสียงกรีดร้องของจาวซิ่วจือราวกับค้อนอันหนักหน่วง กระแทกแก้วหูของหวางหนันหนันอย่างดุร้าย

หวางหนันหนันนิ่งอึ้งตะลึงอยู่กับที่

ทันใดนั้นเองก็มองเห็นข่าวที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ ในภาพเป็นเธอกำลังส่งเสียงเอะอะในการเปิดขายพรีเซลส์ของหลงถิงฮัวหยวน!

และในเวลานี้เอง เพราะคำพูดของเฉินตง ทุกคนในภาพล้วนแต่แย่งกันกล่าวโทษเธอ

ภายใต้การใช้คำพูดเกินจริงของสื่อ มีตัวอักษรตัวโตหลายคำปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“เพื่อน้องชายแล้วแม้แต่ชีวิตของแม่สามีก็ไม่แยแส ช่วยเหลือน้องชายอย่างชั่วช้า!”

เรียบง่ายและโหดร้าย แต่ก็มากพอที่จะสะดุดสายตาผู้คน

ข่าวนี้เพียงข่าวเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะตอกเสาแห่งความอัปยศลงไปบนตระกูลหวาง กลายเป็นเป้าโจมตีของประชาชนทั่วไป คนทั้งเมืองทิ้งลงไปสู่ก้นเหวไปแล้ว!

ร่างบอบบางของหวางหนันหนันสั่นสะท้าน ภายในสมองว่างเปล่าจนโหวงเหวง ถ้าไม่ใช่หวางเห้าพยุงเอาไว้ เธอแทบจะล้มลงไปบนพื้น

ใบหน้าของจางซิ่วจือและหวางเต๋อซีดจนน่ากลัวเป็นอย่างมากในเวลานี้

หวางเต๋อเอามือปิดหน้าและถอนหายใจไม่หยุด : “ตระกูลช่างโชคร้าย…ตะกูลช่างโชคร้ายจริงๆ…”

ในตอนนี้จางซิ่วจือผู้รักหน้าตาของตนเองได้ระเบิดขึ้นมาทันที

หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงและหอบหายใจอย่างหนักพร้อมกับจ้องมองไปที่หวางหนันหนันด้วยความโกรธ : “แกดูความดีที่แกทำสิ แกทำให้ครอบครัวของเราต้องอับอายขายหน้า หวางหนันหนัน ทำไมฉัน…นี่ฉันคลอดสิ่งที่เป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างแกออกมาได้ยังไง?”

“แม่…”

หวางหนันหนันวิงเวียนศรีษะ ขีดจำกัดของเธอได้พังทลายลง แล้วเปล่งเสียงที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างมากออกมา : “ฉัน…ฉันสร้างปัญหาเพราะต้องการหาเงินให้หวางเห้า…นี่คือสิ่งที่แม่บอกฉันไง…”

“พี่ ถึงหาเงินก็ไม่ต้องทำแบบนี้สิ”

หวางเห้าพูดอย่างโศกเศร้าว่า : “พี่รู้หรือเปล่า ผมเพิ่งจะเล่นเกมส์กับเพื่อน พวกเขารู้เรื่องนี้กันหมดแล้วทุกคนก็พากันหัวเราะเยาะผมกันหมด”

“ฉัน…” หวางหนันหนันยังคิดที่จะพูดอะไรอีก

แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก ทันใดนั้นการกระทำของจาวซิ่วจือทำให้เธอเวียนหัวตาลาย ราวกับถูกฟ้าผ่า

แล้วก็มองเห็นจาวซิ่วจือหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นจึงกดโทรออกอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเหมือนกับว่าใบหน้าได้เปลี่ยนไปและมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเต็มใบหน้า

และพูดอย่างอ่อนโยนว่า : “ลูกเขยที่แสนดี เพราะว่าลูกสาวของฉันหวางหนันหนันขอโทษคุณ คุณต้องยกโทษให้เธอนะ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset