Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 69 แม่ พวกเรากลับมาที่บ้านใหม่แล้ว

บทที่ 69 แม่ พวกเรากลับมาบ้านใหม่แล้ว

เสียงตะโกนอื้ออึงที่ทำให้หูแทบหนวก

แสงเจิดจ้าที่บาดตา

ในขณะนี้ เฉินตงกลับสงบนิ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เขายืนอยู่ที่เดิม จ้องมองผีร้ายนรกที่อยู่ตรงข้าม ไม่ขยับเขยื้อน

เขาไม่ได้เติบโตมาโดยได้รับการอุ้มชูทะนุถนอม เปรียบเทียบกับคนทั้งหลายแล้วยังมีประสบการณ์เยอะกว่ามาก

มีชีวิตหรือตายเพียงแค่ในชั่วพริบตา

ตายเสียยังดีกว่าอยู่กลับเป็นการรอคอยที่ยาวนาน

หวาดกลัวชีวิตและความตาย มันคือสัญชาตญาณ

แต่หลังจากได้พบกับประสบการณ์อยู่อย่างสู้ตายมาแล้ว ทุกคนย่อมล้วนที่จะมีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความตาย

“เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้? มันไม่ควรจะอยู่ในสภาพนี้สิ…”

ผีร้ายนรกได้พัดกระพือคลื่นขนาดใหญ่ในใจของเขา เขาเคยชินกับการบีบคู่ต่อสู้ไปสู่ความหมดหวัง จากนั้นใช้กระบวนท่าสุดท้ายอีกครั้งก็เพื่อความรู้สึกพึงพอใจในชัยชนะที่เหนือกว่าของตนเอง

แต่ว่าตอนนี้ ปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินตง กลับทำให้เขารู้สึกเกินความคาดหมาย

โธ่เว้ย!

มือขวาของเขาสั่น

กริชที่เย็นเยียบดีดออกจากวงแหวนอีกครั้ง

“ตาย!”

เขาคำรามออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ผีร้ายนรกพุ่งมาทางเฉินตง

การโจมตีของเขาก่อนหน้านี้ยังคงพยายามปกปิดเอาไว้

แต่ว่าครั้งนี้ กริชของเขาส่องสว่างภายใต้แสงไฟ ทุกคนต่างให้ความสนใจ

“แกเสียขวัญแล้ว”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย

เสียงกระซิบแผ่วเบาดังเข้าหูของผีร้ายนรก แต่กลับเหมือนฟ้าร้องระเบิดเสียงออกมา

และในตอนที่ผีร้ายนรกได้เสียสมาธิไปเล็กน้อยเช่นนี้

เฉินตงขยับตัวในทันทีทันใด ร่างนั้นวูบไหวในชั่วพริบตา แล้วหลบกริชวงแหวนที่แทงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือมีดข้างขวายกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเงาซ้อน แล้วตกลงไปบนลำคอของผีร้ายนรกอย่างอุกอาจ

ปึ้ก!

เสียงอู้อี้ดังขึ้น

ในเวลาเดียวกันก็มาพร้อมกับเสียงครวญครางที่เจ็บปวดลึกล้ำจากคอของผีร้ายนรก

ตูม!

ผีร้ายนรกล้มลงไปบนพื้น!

ในความมืดมิด เสียงตะโกนอื้ออึงที่ทำให้หนวกหู

เงียบกริบไปโดยฉับพลัน

ทุกสายตามองไปบนตัวเฉินตงจนเหมือนกับถูกปกคลุมด้วยดาบแหลม

“ฟู่ว…”

เฉินตงถอนหายใจออกมาโดยไม่ได้เหลือบมองไปที่ผีร้ายนรกสักแว้บเดียวแล้วเขาก็หมุนตัวเดินไปยังทิศทางของประตูกรงเหล็ก ฝ่ามือมีดตีเข้าไปที่ลำคอ ถึงแม้ไม่ตาย แต่ก็ไม่ไกลจากความตาย!

ตึงตึง….

เสียงกระแทกประตูกรงเหล็กได้ปลุกผู้ตัดสินที่เฉื่อยชา

ผู้ตัดสินกระวีกระวาดเปิดประตู เฉินตงค่อยๆเดินออกจากกรงเหล็กอย่างช้าๆ

เขาจับแขนซ้ายด้วยมือขวาและเดินไปถึงด้านหน้าคุนหลุน

หลังจากนั้นนิ้วกลางของมือขวาก็ยกขึ้น : “เชี่ยเอ๊ย!”

ก่อนเข้าไปในกรงเหล็ก คุนหลุนสัญญาว่าหากมีสิ่งผิดปกติเขาจะยื่นมือออกมา แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ คุนหลุนก็แค่ยืนดูอยู่ด้านข้าง

หลอกกันทั้งนั้น!

คุนหลุนยิ้มออกมา : “คุณชาย คุณก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมากเลยนะครับ”

“ไปโรงพยาบาลได้แล้ว” เฉินตงพูดอย่างไม่มีทางเลือก

หลังจากที่คนทั้งสองจากไป กูหลังเป็นคนแรกสุดที่มีปฏิกิริยาตอบสนองคืนกลับมา

เขามองย้อนกลับไปที่เงาร่างของคนทั้งสองกำลังค่อยๆเลือนหายไปในความมืด มือทั้งสองของเขากำแน่นเป็นหมัด มีประกายแน่วแน่สว่างวาบอยู่ในดวงตาของเขา

และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที โรงยิมมวยใต้ดินที่เงียบสงัดก็เดือดพล่านขึ้นมาในที่สุด

“แม่งเอ๊ย…ทำไมเหมือนกับคราวก่อนอีกแล้ว ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่?”

“แพ้แล้ว กูเสียเงินหนึ่งแสนเหรียญอีกแล้วสินะ!”

“เห็นอยู่ชัดๆว่าเกือบตายไปแล้ว ทำไมถึงยังพลิกกลับมาได้ล่ะ?”

…….

เสียงนั้นดังสนั่น จนแทบจะยกหลังคาโรงยิมมวยใต้ดินให้เปิดออก

มันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเจ็บแค้น

และผู้ชมทุกคนล้วนแต่ไม่รู้ว่า ที่ชั้นบนของโรงยิมมวยใต้ดิน ยังมีห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง

ห้องส่วนตัวนี้มีจำนวนไม่มาก ทุกห้องล้วนแต่เป็นสถานที่รับรองบุคคลที่มีชื่อเสียงและเกียรติยศของเมืองนี้

สิ่งนี้เป็นเหตุผลว่าทำไม กูหลังต่อสู้อยู่ที่โรงยิมมวยใต้ดิน แต่ยังสามารถได้รับข้อเสนอจากพวกเศรษฐี

หนึ่งในห้องส่วนตัวนั้นมีแสงไฟสลัว

ด้านหน้าของกระจกขนาดใหญ่มีเงาของคนๆหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ

มองออกไปที่ทางของโรงยิมมวยใต้ดิน จากนั้นไม่นาน มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น “คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า นายจะยอดเยี่ยมขนาดนี้…”

……..

ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เฉินตงเงียบเสียงไม่พูดไม่จาและมองออกไปนอกหน้าต่าง

คุนหลุนที่ด้านข้างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง เรื่องเมื่อสักครู่นี้ เขารู้ว่าอย่างน้อยที่สุดในใจของเฉินตงคิดว่าเขาหลอกหลวงตนเอง

คนขับรถแท็กซี่มองดูสภาพน่าอนาถของเฉินตงก็ยังตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร

บรรยากาศนั้นราวกับจะจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง

เป็นเวลานาน

ในที่สุดคุนหลุนก็เปิดปากกล่าวอธิบายว่า : “คุณชายครับ เมื่อกี๊นี้ผมไม่ได้หลอกคุณนะครับ ผมต้องการทำให้คุณเดินออกมาจากนรกและส่งคู่ต่อสู้ของคุณไปที่นรก”

“ความตายที่เหมือนกับสายลมนี้ต้องอยู่กับตัวฉันตลอดเลยเหรอ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วหัวเราะเยาะและมองนอกหน้าต่างต่อ แสงในดวงตาค่อยๆล้ำลึก

เขาพึมพำด้วยเสียงกระซิบเบาๆ

“ที่จริงแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันกับแม่ก็ตกนรกมาตลอด”

คุนหลุนตกตะลึง

ในการต่อสู้ คำว่าลูกสวะกลับขุดความทรงจำที่เฉินตงไม่อยากแสดงให้ใครเห็นมาโดยตลอดออกมา

เขาหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง

“นายเคยเห็นเด็กอายุสี่ขวบไปเคาะประตูบ้านและคุกเข่าขอเงินเพื่อช่วยชีวิตแม่ของเขาท่ามกลางสายลมและหิมะในวันส่งท้ายปีเก่าที่ทุกคนมารวมตัวกัน และสุดท้ายภายใต้เสียงหัวเราะเยาะเย้ยว่าลูกสวะก็เจียดเงินเล็กน้อยเพื่อการกุศลมาช่วยแม่ของเขาจนได้ไหมล่ะ?

“นายเคยเห็นแม่คนหนึ่งที่อายุสามสิบผมก็เปลี่ยนสีขาวแล้ว ต้องอดทนกับความคับแค้นใจต่อการถูกดุด่าและการเฆี่ยนตีทุกประเภท ทุกข์ทนครึ่งชีวิตเพียงแค่ต้องการเลี้ยงดูลูกคนหนึ่งหรือเปล่า?

ตงเฉินหันศรีษะช้าๆ ดวงตาเป็นสีแดงนานแล้ว

มองดูคุนหลุนที่งุนงงแล้วเขาก็ยิ้ม: “ฉันเคยเห็น…ยี่สิบกว่าปี!”

ริมฝีปากของคุนหลุนขยับกำลังจะพูด

เฉินตงกลับลูบหน้าแล้วสีหน้าท่าทางก็กลับสู่ความสงบ : “ฉันรู้ว่านายปีนออกมาจากกองซากศพ แต่นายไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างความตายกับตายเสียยังดีกว่าอยู่ นายต้องการให้ฉันเดินออกมาจากนรก แต่ไม่รู้ว่าฉันมีชีวิตอยู่เลวร้ายยิ่งกว่าตายในขุมนรกมานานกว่า 20 ปี”

“ขอโทษครับ…” เมื่อคุนหลุนรู้ว่าได้ทิ่มแทงเรื่องเจ็บปวดใจของเฉินตงก็รีบกล่าวขอโทษ

เฉินตงโบกมือและหัวเราะขึ้นมา

ในตอนนี้ ไม่มีความเศร้าซึมและความเศร้าสลดอย่างเมื่อครู่นี้อีกแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างและความอุตสาหะ

“ฉันไม่เคยยอมแพ้ และไม่รู้ว่าการยอมแพ้คืออะไร ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ก้าวเดินเป็นขั้นตอนอย่างนี้ ต่อจากนี้ก็จะเดินไปไกลมากขึ้นและสูงยิ่งขึ้น”

พูดแล้ว เฉินตงก็ตบไหล่คุนหลุนพร้อมกับยิ้มและพูดว่า: “ขอบคุณนะ พอคิดดูดีๆ ถ้าหากเมื่อกี้นี้นายยื่นมืออออกมา ฉันคงไม่มีทางคาดเดาได้อย่างทะลุทะลวง”

ช่วงเวลาสองสามวันหลังจากนั้น เฉินตงต้องอยู่ที่โรงพยาบาลโดยตลอด

การต่อสู้ที่โรงยิมมวยใต้ดินทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส

แต่ยังดีที่ในวันที่เปิดขายพรีเซลส์หลงถิงฮัวหยวน บ้านทุกหลังถูกขายออกไปจนหมดแล้ว สำหรับเรื่องที่ตามมาทีหลัง มีพวกของเสี่ยวหม่าคอยรับผิดชอบจัดการก็โอเคแล้ว

การเตรียมพร้อมสำหรับการขายพรีเซลส์ของอสังหาริมทรัพย์ครั้งที่สอง คนในบริษัทก็ทำได้ดีเช่นกัน

เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บยังคงปิดบังแม่เอาไว้แล้วก็ยังไม่บอกกับกู้ชิงหยิ่งด้วยเช่นกัน

เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากที่จะทำให้ผู้หญิงสองคนที่สำคัญที่สุดของเขาต้องกังวลใจ

เพียงชั่วพริบตา เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

ในวันนี้ เฉินตงให้คุนหลุนช่วยดำเนินการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่

ถึงแม้จะได้คำสั่งเด็ดขาดจากแพทย์และพยาบาล เขาก็ยังคงเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างแน่วแน่

เป็นเพราะว่า วันนี้คือวันที่แม่ออกจากโรงพยาบาล

แล้วก็เป็นวันที่เขาจะพาแม่ไปดูบ้านใหม่อีกด้วย

ขณะที่เขาและคุนหลุนรีบไปที่ห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลลี่จิง

ก็มองเห็นกู้ชิงหยิ่งและฟ่านลู่ที่มาถึงก่อนนานแล้วกำลังช่วยกันจัดเก็บข้าวของ

และหลี่หลานกำลังนั่งรออยู่ข้างๆ

ถึงแม้ว่าจะยังอ่อนแอ แต่เทียบกับเมื่อก่อนแล้วหลี่หลานมีสภาพที่ดีขึ้นมาก และเป็นไปตามมาตรฐานของการออกจากโรงพยาบาลด้วย

และขณะที่เฉินตงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยนั้น ผลไม้และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพกองใหญ่ตรงมุมห้องได้ดึงดูดความสนใจของเขาทันที

ผลไม้และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่กองพะเนินอยู่ตรงมุมห้องแทบจะครองพื้นที่เกือบหนึ่งในสามของห้องผู้ป่วยอยู่แล้ว

“นี่ใครส่งมาให้เหรอ?”

เฉินตงถามด้วยความประหลาดใจ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของกู้ชิงหยิ่งก็มีประกายวาบขึ้นมาทันที ส่วนหลี่หลานก็ก้มหน้าลง

ฟ่านลู่พูดว่า : “คนของตระกูลหวางส่งมาก่อนหน้านี้น่ะ”

ทันใดนั้นเฉินคงรู้สึกขบขันเล็กน้อย

ความโลภนี่ยังน่าเกลียดได้อีกหน่อยงั้นเหรอ?

เสียงพูดเพิ่งจะจบลง จู่ๆหลี่หลานก็พูดขึ้นว่า : “เสี่ยวลู่ ฉันจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว เอาของเหล่านี้ส่งต่อให้ที่เคาท์เตอร์พยาบาลเถอะนะ ให้พวกเขาช่วยแจกจ่ายกับเพื่อนผู้ป่วยเหล่านั้น ฉันไม่อยากกินของตระกูลหวาง มันน่าขยะแขยง”

เฉินตงตะลึงทันที

แม่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโตและเขายังติดนิสัยนุ่มนวลและอดกลั้นของแม่มาด้วย โดยปกติแล้วแม้แต่คำพูดแรงๆล้วนแต่ได้ยินจากปากของแม่น้อยมาก”

“อ๊ะ คุณป้า อยากจะแจกจริงๆเหรอคะ?”

ฟ่านลู่ที่มีนิสัยขยันและประหยัดเกิดความรู้สึกทนไม่ได้ ข้างของในที่นี้อย่างน้อยๆก็มีมูลค่าหลายพันเหรียญแล้วนะ ยกให้ฟรีๆก็น่าเสียดาย

“ลูกชายของฉันไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะมาล่อหลอกได้ตามใจหรอกนะ ตระกูลหวางทำกับลูกชายของฉันขนาดนั้น ฉันยังต้องรักษาหน้าด้วยหรือไง?”

สีหน้าของหลี่หลานบูดบึ้ง ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ถุงผลไม้ตรงหัวเตียง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า : “เอาของที่เสี่ยวหยิ่งมอบให้กลับที่บ้าน ก็อร่อยพอแล้ว”

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว

ท่าทีที่สับสนของกู้ชิงหยิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที

เฉินตงเองก็แสดงรอยยิ้มออกมาและเหลือบมองแม่ของเขาอย่างซาบซึ้ง

“แม่ครับ พวกเราออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปที่บ้านใหม่กันนะครับ”

“บ้านใหม่?” หลี่หลานตกตะลึงในทันที “ตงเอ๋อ พวกเรามีบ้านใหม่เมื่อไหร่กัน?”

“คุณป้าคะ ไปเถอะ นี่เป็นเซอร์ไพร์ที่เฉินตงอยากจะมอบให้คุณป้านะคะ” กู้ชิงหยิ่งจับแขนของหลี่หลานอย่างมีความสุข

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset