Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 71 เรื่องในวันนั้น

บทที่ 71 เรื่องในวันนั้น

เฉินตงไม่ได้คาดคิดเลย

แค่คำคำเดียวของเขา แต่กลับทำให้แม่ของเขาต้องโกรธมาก

กระทั่งตบหน้าเขา!

แม่ไม่ได้ตีเขามานานแล้ว……

“แม่จะยอมให้นายใส่ร้ายเขาไม่ได้อีก เขาคือพ่อของนายและเป็นสามีของแม่ อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย!” น้ำตาไหลรินจากขอบตาของหลี่หลาน สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

“แต่เขาทิ้งพวกเราไปมีความสุขกับความมั่งคั่งของเขานะ!”

หัวใจเฉินตงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “เขาจะรู้บ้างไหมว่าแม่ต้องทนทุกข์ทรมานกี่ปี? ความเจ็บป่วยของแม่ตอนนี้ก็เพราะมาจากความเหนื่อยล้าในการเลี้ยงดูผม เขาจะรู้บ้างไหม หลังจากที่ลูกคนนี้ไม่มีพ่อแล้วต้องถูกคนอื่นดูถูกยังไง?”

“หุบปาก นายหุบปากไปซะ!”

หลี่หลานพูดด้วยความโกรธและเริ่มหายใจกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง “ตงเอ๋อ เมื่อก่อนนายยังเป็นเด็ก หลายๆ อย่างนายยังไม่รู้เรื่อง แม่จึงไม่ได้ตำหนินายที่นายโทษพ่อของนาย แต่ตอนนี้นายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สาเหตุที่ทำให้เราสองคนแม่ลูกต้องเผชิญกับเรื่องแย่ๆ มานานหลายปีนั้น มันไม่ได้เป็นเพราะพ่อนายเลย นายจะโทษเขาไม่ได้” เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่หลานแล้ว เฉินตงก็รู้สึกตื่นตระหนกทันที

เขาโกรธพ่อที่เป็นเหมือนคนแปลกหน้ามากเกินไปจนลืมเป็นห่วงแม่ของตน

เฉินตงจึงรีบปลอบเธอ “แม่ครับ แม่ใจเย็นๆ แม่ใจเย็นๆ ก่อน……”

หลี่หลานพยายามหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ สงบสติลง

จากนั้นเธออ้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของเฉินตงแล้วพูดด้วยน้ำตา “เจ็บไหมลูก?”

เฉินตงส่ายหัวแล้วพยายามระงับความโกรธในใจและพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา “ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมแม่ต้องปกป้องคนแบบนั้นด้วย!”

จากนั้นทั้งสองเงียบไปพักใหญ่

หลี่หลานวางมือลงและก้มหน้าเหมือนกำลังนึกคิดและใคร่ครวญถึงอดีต

จนผ่านไปเกือบสิบนาที

“เฮ้อ……”

หลี่หลานถอนหายใจเสียงดัง “นายเคยถามแม่ว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเราไป แต่ตอนนั้นนายยังเด็ก แม่ก็เลยไม่ได้บอกนาย ตอนนี้นายโตขึ้นและพ่อก็กลับมาแล้ว งั้น……แม่จะบอกให้นายรู้ก็แล้วกัน”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หลี่หลานเช็ดน้ำตาแล้วค่อยๆ พูดขึ้น “เพราะถ้าพ่อของลูกไม่ไปจากเราในวันนั้น เขาจะต้องตาย และลูกกับแม่ก็ต้องตายด้วยเช่นกัน……”

ตูม!

เหมือนมีเสียงระเบิดดังขึ้นในจิตใจของเฉินตง เขาตกใจมาก

แม่หมายความว่าผู้ชายที่ทอดทิ้งครอบครัวไปในวันนั้น เขาเพียงแค่จะหนีความตาย และในขณะเดียวกันก็เพื่อจะปกป้องชีวิตของพวกเขาสองแม่ลูกด้วย?

เป็นไปได้อย่างไร?

แต่ในชั่วขณะนั้น คำพูดของหลี่หลานก็ทำให้เฉินตงนึกขึ้นได้

“ครอบครัวเขา ไม่ได้มองชีวิตของมนุษย์เป็นชีวิตเลย!” หลี่หลานสองมือกุมขมับแล้วพูดด้วยความเศร้า

เฉินตงกัดริมฝีปากไว้แน่นๆ และไม่รู้จะพูดยังไงต่อ

เพราะเขาเคยเห็น

เฉินเทียนหย่างกล้าฆ่าคนจริงๆ!

ในตอนนั้น ถ้าคุนหลุนไม่ปรากฏตัวทันเวลา เขาคงต้องตายด้วยเงื้อมมือของเฉินเทียนหย่างไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ คำพูดของแม่ก็ดูสมเหตุสมผลขึ้น!

ทันใดนั้น หลี่หลานก็กอดเฉินตง

จากนั้นเธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับอ้อนวอนด้วยน้ำตา “ตงเอ๋อ ลูกอย่าโทษพ่อเลยนะ พ่อทำเพื่อเราจริงๆ แม้เราสองคนจะต้องทนทุกข์มามากกว่ายี่สิบปีก็ตาม แต่อย่างน้อยเรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าพ่อไม่จากไปในวันนั้น ครอบครัวเราคงไม่มีวันนี้”

“เขาไม่เคยทอดทิ้งเราเลย เขารักลูกกับแม่มาตลอด วันนั้นเขากลับมาบอกลาแม่กับลูกที่อยู่ในท้องแม่ด้วยบาดแผลที่เต็มตัวด้วยซ้ำ”

“เขาเป็นลูกผู้ชาย เป็นพ่อของลูก เขารับผิดชอบหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่แล้ว แม่ไม่เคยโทษในการจากไปของพ่อเลย ลูกก็อย่าไปโทษเขาเลยนะ”

น้ำตาของแม่เหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของเฉินตง

เขารู้สึกไม่คาดคิดและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ

ตั้งแต่เล็กจนโต เขามีแต่ความเกลียดชัง

ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นๆ เลย

แต่น้ำตาของแม่ในขณะนี้มันทำให้เขาลังเลกับความเคียดแค้นในอดีตที่ผ่านมา

“แล้วหลายปีมานี้ ทำไมเขาไม่ยอมกลับมาหาเราเลย? ทำไมเขาถึงส่งแค่ท่านหลงมาในเวลาที่แม่กำลังจะตายแทนที่เขาจะมาด้วยตนเอง?” เฉินตงถามด้วยเสียงสั่นเครือ

“เขาไม่ใช่ตัวของตัวเองอีกแล้ว แม่รู้ดี แม้เขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัวของเขา แต่ในบ้านนั้น เขาไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจอีก!”

เสียงร้องไห้ของแม่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนความโศกเศร้าที่ค้างคาอยู่ในใจได้ระบายออกมา “วันที่เขาจากไป ท่านหลงก็อยู่ข้างๆ เหมือนกัน แม่รู้จักท่านหลง เขาส่งท่านหลงมาในช่วงวิกฤตของลูก นั้นคือขีดจำกัดของเขาแล้ว ในใจเขายังมีพวกเราอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้ได้ไงว่าแม่กำลังจะตาย?”

เฉินตงถึงกับอึ้ง

จริงเหมือนกัน!

ท่านหลงมาช่วยแม่เขาไว้ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

ถ้าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ มันต้องบังเอิญขนาดไหน?

จากนั้นสักพัก

เฉินตงรอจนกว่าเสียงร้องไห้ของแม่เบาลง เขาจึงจะค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น “เขาเจออะไรที่บ้านนั้นกันแน่?”

หลี่หลานส่ายหัวแล้วพูดด้วยความเศร้า “ไม่รู้เหมือนกัน แม่บอกทั้งหมดเท่าที่แม่รู้แล้ว”

เฉินตงครุ่นคิดอยู่สักพัก

ดวงตาของเขากะพริบ

ในขณะนั้น เขานึกถึงคำพูดของท่านหลงในครั้งแรกที่เจอกับเขา

และหลายๆ ครั้งที่เขาเกลียดพ่อของเขาต่อหน้าท่านหลง แต่ท่านหลงก็ยอมอดกลั้นไว้อย่างเจ็บปวดใจ

แต่ขอเสนอของการรับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวนี้มันหมายถึงอะไรกันแน่?

เฉินตงหายใจเข้าลึกๆ แล้วระงับอารมณ์ที่วุ่นวายของเขา จากนั้นยิ้มพูดต่อ

“แม่ครับ ผมทราบแล้วครับ”

หลี่หลานพยักหน้าและยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา “อย่าโกรธพ่อของลูกเลยนะ ไม่อย่างนั้นแม่คงนอนตายตาไม่หลับแน่”

จู่ ๆ เฉินตงก็ตื่นตระหนก “แม่ครับ แม่อย่าพูดแบบนี้สิ แม่ต้องมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี แม่ต้องรออุ้มหลานก่อนสิครับ”

หลี่หลานยิ้มและลูบหัวเฉินตงเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นลูกก็ต้องเร่งหน่อยสิ”

นี่คือการเร่งให้เขาแต่งงานใช่ไหม?

เฉินตงรู้สึกเขินอายทันที

สองแม่ลูกต่างก็ยิ้มให้กัน

กู้ชิงหยิ่งยังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก เธอไม่รู้ว่าหลี่หลานเรียกเฉินตงไปทำไม แต่เธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเขา ดังนั้นเธอจึงตั้งหน้าตั้งตารออย่างเงียบๆ

แต่สักพักเธอก็เริ่มรู้สึกเบื่อ เธอจึงลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อช่วยงานฟ่านลู่

ส่วนคุนหลุนนั่งปอกเปลือกมันฝรั่งอย่างเงียบๆ คนเดียว

“พี่คุนหลุน พี่ปอกเปลือกให้บางกว่านี้หน่อยสิ ถ้าปอกหนามันจะเปลืองนะ” ฟ่านลู่มองไปที่มันฝรั่งในมือของคุนหลุนแล้วรู้สึกเสียดาย

คุนหลุนเงยหน้ามองไปที่ฟ่านลู่แล้วพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้นก้มหน้าปอกเปลือกต่อ แต่เขาเริ่มพึมพำประโยคที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน “ตอนผมหั่นคนในสนามรบ ไม่มีใครบอกผมว่าสิ้นเปลืองเลยนะ”

กู้ชิงหยิ่งที่เห็นภาพนี้แล้ว เธอก็คลี่แขนเสื้อขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ลู่คะ มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ?”

“หืม?!”

ฟ่านลู่รู้สึกตกใจและรีบพูดกับเธอ “คุณกู้คะ คุณเป็นแฟนของคุณเฉินนะคะ คุณจะทำงานหนักแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ให้ดิฉันกับพี่คุนหลุนทำก็พอค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า หนูอยู่บ้านก็ช่วยแม่ทำกับข้าวเหมือนกัน”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มจางๆ จากนั้นหยิบมีดปอกผลไม้กับมันฝรั่งแล้วนั่งลงข้างๆ คุนหลุน “งั้นหนูช่วยพี่คุนหลุนปอกมันฝรั่งนะคะ”

ฟ่านลู่ได้แต่ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้

หนึ่งนาทีต่อมา

ฟ่านลู่สังเกตเห็นมันฝรั่งขนาดเท่ากำปั้นถูกปอกให้เหลือแค่ขนาดเท่าลูกท้อ เธอจึงรู้สึกเสียดายอย่างที่สุด

จากนั้นมองไปที่กู้ชิงหยิ่งแล้วพูดว่า “คุณกู้เคยทำกับข้าวจริงๆ เหรอคะ?”

กู้ชิงหยิ่งมองไปที่มันฝรั่งขนาดเท่าลูกท้อก็รู้สึกเขินเล็กน้อย จากนั้นแลบลิ้นแล้วพูดอย่างขำขัน “หนูเคยช่วยคุณแม่ต้มน้ำอยู่”

ฟ่านลู่ “.…..”

คุนหลุน “.…..”

ในขณะนี้ เฉินตงกับหลี่หลานก็เดินลงมาพอดี

เมื่อเห็นภาพนี้ แม่ลูกทั้งสองก็ยิ้มให้กัน

นี่มัน……ให้ความรู้สึกของความเป็นครอบครัวแล้วนะ

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset