บทที่ 73 ฉันมาดูลูกเขยที่รักของฉัน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง
เฉินตงตื่นแต่เช้าเพื่อไปออกกำลังกายพร้อมกับคุนหลุน
เพราะอาการบาดเจ็บของร่างกาย เขาทำให้เพียงฝึกร่างกายขั้นพื้นฐานและการฝึกระบบฝึกปีศาจก็ต้องหยุดพักไปก่อน
หลังจากออกกำลังกายเสร็จ
เฉินตงก็เหงื่อท่วมตัวเช่นกัน
เมื่อเห็นคุนหลุนถอดเสื้อด้วยร่างกายที่ท่วมด้วยเหงื่อ เฉินตงปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดกับเขาว่า “คุนหลุน นายจะโหดร้ายกับตัวเองเกินไปหรือเปล่า?”
แม้การฝึกฝนวิชาของคุนหลุนอาจไม่เข้มข้นเท่าการฝึกระบบฝึกปีศาจของเขา
แต่ที่น่ากลัวคือเขาฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ
การฝึกฝนเช่นนี้มันไม่ง่ายอย่างที่พูด
ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่างที่ทำให้เฉินตงรู้สึกถึงภัยคุกคามแห่งความเป็นความตายแล้ว เขาคงไม่เข้มงวดกับตัวเองขนาดนี้
คุนหลุนที่มีกล้ามเนื้อสีบรอนซ์ ในขณะที่เหงื่อออกภายใต้แสงอาทิตย์ จึงทำให้ผิวทุกตารางนิ้วของเขาเจิดจรัสดั่งทองสัมฤทธิ์
คุนหลุนเช็ดเหงื่อกลางอกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “การฝึกวิชาก็เหมือนการแล่นเรือไปตามกระแสน้ำ ถ้าเราหยุดก็คือถอยนะครับ”
ทั้งสองพูดคุยหัวเราะจนกระทั่งกลับถึงบ้าน
บังเอิญว่าฟ่านลู่กำลังทำความสะอาดห้องรับแขกอยู่
ทันทีที่เห็นคุนหลุนเปลือยกายท่อนบนอยู่ ฟ่านลู่ก็ต้องกรีดร้องด้วยความเขินอายและก้มหน้าลงทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
คุนหลุนรู้สึกงงงวย
จากนั้นเฉินตงเลิกคิ้วแล้วตบไปที่กลางหน้าอกของคุนหลุนเบาๆ แล้วกระซิบพูดว่า “เขาเป็นผู้หญิงนะ หัดเกรงใจบ้างสิ”
คุนหลุนเหมือนตื่นขึ้นมาจากความฝันทันที จากนั้นก็รีบหยิบเสื้อมาคลุมตัวแล้วอธิบายว่า “เสี่ยวลู่ ผมขอโทษครับ ผม ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ”
แม้ฟ่านลู่จะทำตัวลำบาก แต่เธอก็ยังพูดอย่างใจเย็น “ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ พี่คุนหลุน แต่ แต่หน้าอกพี่ใหญ่มากเลยนะคะ……”
คุนหลุนเลิกคิ้วแล้วเกาหัวด้วยรอยยิ้ม “ก็ปกตินะครับ แต่ของคุณก็เช่นกันนะ”
เฉินตงหมดคำบรรยาย
คุนหลุนจะซื่อเกินไปแล้ว หน้าอกของผู้ชายกับผู้หญิงจะเทียบกันได้ไง?
ฟ่านลู่เขินจนหน้าแดงก่ำ จากนั้นเฉินตงเตะตูดคุนหลุนแล้วพูดกับเขาว่า “ยังไม่รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดอีก?”
ใบหน้าของคุนหลุนมีเพียงความสับสน แม้เขาจะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของเฉินตง เขาจึงกลับไปที่หห้องด้วยความมึนงง
เฉินตงเดินเข้าไปปลอบฟ่านลู่ว่า “เสี่ยวลู่ เธออย่าถือสาคุนหลุนนะ เขาเป็นผู้ชายใสซื่อ ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก”
“ค่ะ คุณเฉิน”
ฟ่านลู่ได้แต่ก้มหน้าตอบด้วยเสียงเบาๆ
เมื่อเห็นเฉินตงกำลังจะเดินจากไป ฟ่านลู่ก็รีบพูดกับเขาว่า “เออ คือว่า คุณเฉินคะ วันนี้หนูขอหยุดสักวันได้ไหมคะ?”
“หยุด? มีเรื่องสำคัญเหรอ?”
เฉินตงขมวดคิ้วถาม เขายังไม่อยากให้ฟ่านลู่ลา เพราะแม่ของเขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน
สำหรับคุนหลุนแล้ว เขาไม่มีความละเอียดอ่อนที่จะดูแลแม่ของเขาได้
“ค่ะ ค่อนข้างสำคัญเลยค่ะ”
ฟ่านลู่ก็รู้สถานการณ์ปัจจุบันดี แต่เธอได้แต่กำมือแน่นๆ แล้วกัดฟันพูดกับเขา “แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ”
เพราะงานที่นี่สำหรับเธอแล้วมันดีมาก อีกอย่างหลี่หลานก็ดีกับเธอมากด้วยเช่นกัน
ดังนั้นฟ่านลู่จึงให้ความสำคัญกับงานนี้มาก
เมื่อเฉินตงสังเกตเห็นความตั้งใจของเธอ
เฉินตงก็ยิ้มพูดกับเธอ “ไปสิ รีบไปรีบกลับนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกผมล่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณเฉิน” ฟ่านลู่รู้สึกดีใจมาก
……
ช่วงเช้าสิบโมงกว่า
รถแท็กซี่คันหนึ่งจอดอยู่หน้าวิลล่าเขาเทียนซาน
จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อลงจากรถแล้วหยิบของฝากมากมายออกมาจากท้ายรถ
หวางเต๋อรู้สึกทำตัวลำบาก เขามองไปรอบๆ แล้วกระซิบพูดกับว่า “คุณดูรอบๆ หน่อยได้ไหม? ที่นี่คือเขตวิลล่าเขาเทียนซานเชียวนะ ไม่ใช่เขตชุมชนเก่าของเรา ที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก เราคงเข้าไปไม่ได้หรอก”
“คุณจะไปรู้อะไร?”
จาวซิ่วจือพูดอย่างดื้อดึง “ฉันเป็นแม่ยายของเฉินตงนะ เขาซื้อบ้านที่นี่ไปครึ่งภูเขาแล้ว จะให้ฉันกลัวอะไรอีก?”
“คุณ……” หวางเต๋อได้แต่ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้
ทั้งสองจึงถือของมากมายแล้วเดินไปที่หน้าประตูทางเข้าวิลล่า
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูมองหน้ากันอย่างสงสัย
คนที่สามารถทำงานในวิลล่าเขาเทียนซานนั้นต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ไม่ต้องพูดถึงปัจจัยอื่น แค่เงินเดือน 1 หมื่นหยวนก็สามารถจัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นมืออาชีพที่สุดได้แล้ว
จากสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกเขาก็สามารถมองออกว่าสองคนนี้ไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยในวิลล่านี้อย่างแน่นอน
ในไม่ช้า จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อก็เดินไปถึงหน้าประตูทางเข้าวิลล่า
จาวซิ่วจือเงยหน้าแล้วชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสอง “นี่ พวกนายยังไม่รีบเปิดประตูให้เราอีก?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่โดนดุไม่ได้แสดงอาการโกรธใดๆ
เพราะที่นี่เคยมีกรณีญาติที่ค่อนข้างยากจนมาติดต่อหลายครั้ง
ถ้าพูดจาหยาบคายแบบนี้ ต้องเป็นพวกไร้มารยาทอย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเดินเข้าไปพูดกับจาวซิ่วจือด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับ คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ตามกฎของวิลล่าเรา เจ้าของบ้านต้องใช้คีย์การ์ดสแกนถึงจะเข้าออกหน้าหมู่บ้านได้นะครับ หากต้องการเยี่ยมญาติ ต้องรบกวนให้ทางญาติติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก่อน เราถึงจะเปิดประตูให้ได้นะครับ” ด้วยคำพูดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทำให้จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อต่างก็มองหน้ากัน
หวางเต๋อพยายามดึงเสื้อของจาวซิ่วจือเพื่อเตือนเธอ
แต่จาวซิ่วจือกลับตบมือของเขาออกแล้วพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “อย่าทำให้ฉันต้องเสียเวลา พวกคุณไม่เห็นฉันถือของหนักอยู่เหรอ? ลูกเขยฉันอยู่ข้างใน ฉันจะมาเยี่ยมลูกเขยของฉัน!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบเธอ “ไม่ทราบว่าลูกเคยของคุณผู้หญิงพักอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ครับ ทางเราติดต่อให้ได้นะครับ หรือว่าคุณผู้หญิงลองติดต่อแกก่อนก็ได้นะครับ”
ติดต่อ?
ติดต่อบ้าอะไร!
จาวซิ่วจือรู้สึกโกรธมาก เธอรู้แค่ว่าเฉินตงพักอยู่ในวิลล่าระดับไฮเอนด์ที่สุดในนี้ แต่เธอไม่รู้ที่อยู่ของเขาเลย
จะให้เธอติดต่อเขาก็ไม่ได้ เพราะเฉินตงบล็อกเบอร์ของเธอไปนานแล้ว!
แต่ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอเฉินตงและไม่ได้เอาของฝากให้เขา แล้วเธอจะคืนดีกับลูกเขยที่รักของเธอได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ จาวซิ่วจือก็โอนของในมือทิ้ง
จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ผัวะ!
เธอตบหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นแล้วตะโกนด่าเขา “นายคิดว่านายเป็นใคร? เป็นแค่หมาเฝ้าบ้านกล้ามาขวางทางฉันเหรอ? ไปเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจหมาเฝ้าบ้านอย่างพวกนายนะ!”
เป็นคำพูดที่แข็งกร้าวและไร้เหตุผล
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนทำให้หวางเต๋อรู้สึกตกใจมาก
แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็อึ้งไปเช่นกัน
ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนรีบประสานไปที่สำนักงานนิติบุคคลก่อนที่จะวิ่งเข้ามาหาเพื่อนที่ถูกทำร้ายร่างกาย
แต่เขายังไม่ทันพูด
ทันใดนั้น จาวซิ่วจือก็ยกมือตบไปที่หน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น
“แหม่ๆ! หมาเฝ้าบ้านยังมีพรรคพวกเหรอ? พวกนายจะฆ่าฉันให้ตายว่างั้น?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองแล้วมองจาวซิ่วจือด้วยความโกรธ
แต่ทั้งสองไม่กล้าทำการโต้ตอบใดๆ ก่อนที่จะได้รับการอนุญาตจากสำนักงานนิติบุคคล
จาวซิ่วจือไม่ได้ลังเลใจ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองไม่มีการโต้ตอบ เธอก็ยิ่งได้ใจมากขึ้น
มือข้างหนึ่งของเธอเท้าสะเอว ส่วนอีกข้างชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่สองคนนั้น “ฉันจะบอกให้พวกแกฟังนะว่าลูกเขยฉันชื่อเฉินตง เขาเป็นลูกค้าวีไอพีของพวกแกที่นี่ และวันนี้ฉันจะเข้าไปเยี่ยมลูกเขยของฉัน หมาเฝ้าบ้านอย่างพวกแกรีบไสหัวไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นถ้าลูกเขยฉันรู้เข้า พวกแกทั้งสองคงไม่ได้เป็นแม้แต่หมาเฝ้าบ้านที่นี่อีก!”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากพูด
แต่ตอนนี้สำนักงานนิติได้รับข่าวนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และผู้จัดการฝ่ายนิติก็ได้ยินเสียงตะโกนดุด่าของจาวซิ่วจือแล้วด้วย
จากนั้นผู้จัดการจึงรีบติดต่อไปที่เฉินตงเพื่อยืนยันอย่างไม่รอช้า