Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 79 งานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง

บทที่ 79 งานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง

ณ โรงพยาบาลลี่จิง

คุนหลุนถูกส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

แพทย์ได้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บของคุนหลุนและฟ่านลู่ไปเรียบร้อยแล้ว

สีหน้าของฟ่านลู่เต็มไปด้วยความกังวล

ส่วนเฉินตงนั่งหลับตาแล้วใช้มือซ้ายดึงผ้าก๊อซที่พันอยู่มือขวาเล่นอยู่

ครึ่งชั่วโมงหลังจากการรอยคอย ในที่สุดคุนหลุนก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน

ฟ่านลู่ที่รู้สึกผิดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ส่วนเฉินตงที่ดึงผ้าก๊อซเล่นอยู่ก็ลืมตาขึ้น

หลังจากพาคุนหลุนเข้าห้องพยาบาลแล้ว เฉินตงก็ออกจากที่นั่น

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในไซต์งานเลย

“ผมไม่เป็นไร คุณช่วยบอกคุณชายทีนะ” คุนหลุนยิ้มแล้วพูดปลอบโยนฟ่านลู่ที่กำลังรู้สึกผิดอยู่

เขารู้ว่าฟ่านลู่กลัวเฉินตงจะโทษเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

และสถานการณ์ในปัจจุบันของฟ่านลู่ เธอไม่อาจเสียการงานได้

“แต่ คุณเฉินจะฟังไหม? เขาต้องไล่หนูออกแน่เลย……” ดวงตาฟ่านลู่แดงก่ำและมือของเธอจับชายเสื้ออย่างประหม่า

“คุณชายไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก เขาแค่ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเท่านั้น” คุนหลุนยิ้มจางๆ แล้วพูดต่อ “รีบไปสิ”

ฟ่านลู่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าแล้ววิ่งออกไป

คุนหลุนมองไปที่เพดานและยิ้มด้วยความโล่งใจ “คุณชายเมื่อกี้นี้เหมือนคุณท่านในสมัยนั้นไม่มีผิดเลย……”

ฟ่านลู่รู้สึกอึดอัดใจมาก ขณะที่เธอเดินออกจากห้องผู้ป่วย ฝีเท้าของเธอส่ายไปมาเล็กน้อย เธอหายใจถี่และใบหน้างดงามของเธอก็แดงก่ำ

เมื่อฟ่านลู่วิ่งไปที่หน้าประตูโรงพยาบาลลี่จิง เธอก็เห็นเฉินตงขึ้นรถพอดี ด้วยความเร่งรีบเธอจึงตะโกนเสียงดัง

เฉินตงที่ได้ยินเสียงเธอก็ลงจากปอร์เช่ 911 หลังจากปิดประตูรถแล้วเขาก็ชี้ไปที่เก้าอี้พักผ่อนในสวนเล็กๆ ของโรงพยาบาลนั้น

ในสวนเล็กๆ ของโรงพยาบาลมีที่เดินเล่นสำหรับผู้ป่วย

เวลานี้เป็นช่วงบ่ายของวัน ดังนั้นในสวนจึงมีเพียงไม่กี่คนและดูเงียบสงบมาก

หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ เฉินตงยิ้มและมองไปที่ฟ่านลู่ที่กำลังตื่นเต้น “มีอะไรเหรอ?”

ฟ่านลู่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาแล้วจับชายเสื้อไว้แน่นๆ ด้วยความลังเล

“ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนแล้วนะ? ผมยังมีธุระที่บริษัทอยู่”

เฉินตงลุกขึ้นและเดินออกไปสองก้าว แต่จู่ ๆ ก็นึกอะไรบ้างอย่างได้ นึงหันกลับมาพูดกับฟ่านลู่ด้วยรอยยิ้ม “จริงด้วย ถ้าดูแลคุนหลุนแล้วอย่าลืมแม่ผมล่ะ คุนหลุนมันหนังเหนียวอยู่แล้ว ให้อดข้าวมื้อสองมื้อไม่เป็นไร แต่แม่ผมจะอดข้าวไม่ได้นะ”

ฟ่านลู่เงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาด ดวงตาสีแดงของเธอก็มีน้ำตาไหลออกมา

ความหมายของเฉินตงคือ เธอจะไม่ถูกไล่ออกเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้!

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณเฉิน……หนูจะดูแลคุณป้าให้ดีที่สุดนะคะ”

ฟ่านลู่ทั้งตื่นเต้นทั้งมีความสุข น้ำตาของเธอไหลลงมาอย่างหยุดไม่ได้อีก

เฉินตงโบกมือแล้วเดินจากไปทันที

เขาไม่ได้ตั้งใจจะถามเรื่องที่เกิดขึ้น

เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของฟ่านลู่ เขากับฟ่านลู่เป็นแค่นายจ้างและลูกจ้างเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้

ถ้าฟ่านลู่เต็มใจที่จะพูด เธอคงจะไม่ลังเลตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น แม้เขาจะไม่ได้สนิทกับฟ่านลู่มาก แต่เขาเชื่อในคุนหลุน

เพราะคุนหลุนยอมปกป้องเธอด้วยชีวิต เขาจึงไม่จำเป็นต้องถามเรื่องนี้อีก

หลังจากขึ้นรถเฉินตงโทรหากู้ชิงหยิ่งเพื่อบอกสารทุกข์สุกดิบของเขา

เขาไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งต้องกังวลมาก

และหลังจากเฉินตงกลับไปถึงออฟฟิศก็ได้รับสายอีกสายหนึ่ง

“สวัสดีครับคุณเฉิน คุณโจวจุนหลงเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงของเราอยากเชิญชวนคุณร่วมรับประทานอาหารเย็นวันนี้หน่อยครับ แกอยากจะขอขมาเรื่องที่เกิดขึ้นในชุมชนเฮติวันนี้ครับ”

น้ำเสียงที่เย็นชานั้นทำให้เฉินตงไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ขอขมา’ เลย

เขายิ้มตอบ “ได้สิ เวลา สถานที่”

“ซานไห่กื๋อ ณ โรงแรมไท่ซาน”

ตู๊ด ๆ ๆ!

หลังวางสาย เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา

งานเลี้ยงที่มีเลศนัยใช่ไหม?

เฉินตงถูจมูกแล้วยุ่งกับงานต่อ

ในเมื่อโจวจุนหลงเชิญแล้วเขาต้องไปตามนัดอย่างแน่นอน เพราะชุดสูทวันนี้ที่ใส่ไปต่อสู้ได้ฉีกขาดแล้ว เขาจึงต้องไปทวงค่าชุดสูทกับโจวจุนหลง

ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาไม่ได้เป็นห่วงเลย

แม้ว่าไท่ติ่งจะอยู่ในขาขึ้น แต่ก็ยังมีช่องว่างเมื่อเทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงเรื่องเวลาเท่านั้นที่ไท่ติ่งจะแซงหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง

ถ้าเขากลัวจริงๆ เขาจะไม่ไปก่อเรื่องที่ชุมชนเฮติอย่างแน่นอน

สำหรับงานเลี้ยงอันมีเลศนัยใจคืนนี้ เขารู้ดีว่าโจวจุนหลงจะมาไม้ไหนและเขาก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว

ใครที่กล้าแตะต้องคนของเขา ต่อให้เป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่เขาก็จะสั่งสอนให้หมด!

หลังจากนั้นไม่นานโจวเย่นชิวก็โทรเข้ามา

เฉินตงยิ้มแล้วรับสาย

“เฉินตง จะให้ช่วยไหม?”

ไม่มีคำทักทายอื่นๆ ทันทีที่รับสายโจวเย่นชิวก็พูดตรงประเด็น

“คุณรู้แล้วเหรอ?” เฉินตงยิ้มอย่างมีความสุข ในเมืองนี้โจวเย่นชิวเป็นคนกว้างขวาง ยิ่งเรื่องเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ดังนั้นเธอต้องรู้แน่นอน

“นายยังหัวเราะได้อยู่เหรอ?”

โจวเย่นชิวบ่น “ขนาดเรายังต้องเกรงใจคนอย่างโจวจุนหลงเลย นายช่างกล้าจริงๆ ที่ไปบุกถึงที่ หนึ่งรุมสิบไม่พอ แถมยังไปหักขาลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วย บอกหน่อยว่าทำไมตอนนายอยู่กับเราไม่สู้แบบนี้?”

“เขาทำร้ายคนของผม แล้วทำไมผมถึงเอาคืนไม่ได้ล่ะ” เฉินตงยิ้มพูด

โจวเย่นชิวในสายถอนหายใจแล้วเงียบไปสักพัก

จากนั้นค่อยๆ พูดขึ้นว่า “นายต้องเตรียมให้พร้อมนะ โจวจุนหลงเป็นคนใจดำอำมหิต หลายปีที่รู้จักมันไม่เคยอยู่ในกฎเลย มันมีพวกนักฆ่าในมือเยอะ แล้วคืนนี้จะให้ผมไปโรงแรมไท่ซานด้วยไหม?”

เฉินตงหยุดชะงักและรู้สึกเอะใจ

ต่อให้โจวเย่นชิวมีจุดประสงค์บางอย่างที่จะไปร่วมงานเลี้ยงกับเขาด้วย

แต่มันก็ต้องแลกด้วยความเสี่ยงที่คนปกติไม่สามารถทำได้

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวได้”

เฉินตงตอบด้วยรอยยิ้ม

“โอเค งั้นมีอะไรค่อยโทรมาก็แล้วกันนะ ถึงแม้ผมจะเกรงใจโจวจุนหลง แต่ถ้าจะให้ต่อกรด้วยจริงๆ เขาก็ต้องกลัวเราเหมือนกัน”

โจวเย่นชิวพูดอย่างมั่นใจ

“ขอบคุณประธานโจวครับ”

หลังจากวางสาย เฉินตงก็หยุดคิดถึงงานเลี้ยงในคืนนี้และมุ่งความสนใจไปที่งานของเขา

สำนักงานที่หรูหราในอีกฟากหนึ่ง

หลังจากที่โจวเย่นชิววางสาย เขาดันแว่นที่ดั้งจมูกแล้วยิ้มพูดกับตัวเอง “คลื่นลูกใหม่พัดคลื่นลูกเก่า เราต่อสู้กับโจวจุนหลงมานานหลายปีแล้ว ทีนี้ก็มีคลื่นลูกใหม่ที่เคยอยู่กับเรามาช่วยจัดการแทนแล้วสินะ”

โจวเย่นชิวถูขมับของเขาด้วยดวงตาอันลึกล้ำ

“ท่านหลงครับท่านหลง คุณไปแล้วเฉินตงก็กล้าหาญมากขึ้น ผมไม่รู้จริงๆ แล้วว่าผมควรช่วยเขาหรือไม่?”

มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ ส่วนอีกข้างใช้ปลายนิ้วเคาะพื้นโต๊ะเบาๆ

ในห้องทำงานขนาดใหญ่ ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงปลายนิ้วที่เคาะลงบนพื้นโต๊ะ

และในที่สุด ดวงตาที่ลังเลของโจวเย่นชิวก็เกิดความแน่วแน่ขึ้น

จนกระทั่งหกโมงเย็น

เฉินตงเสร็จงานแล้วออกจากออฟฟิศของเขา

เขาขับรถไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เพื่อนำรถไปคืนให้กู้ชิงหยิ่งก่อน

ซึ่งงานเลี้ยงที่มีเลศนัยในคืนนี้เขาไม่ได้บอกให้เธอรู้

เขาพูดคุยสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้กับกู้ชิงหยิ่งเพื่อทำให้เธอสบายใจก่อน จากนั้นก็จากเธอไป

ต่อมาเขาขึ้นรถแท็กซี่แล้วตรงไปที่โรงแรมไท่ซานด้วยตัวคนเดียว

ยามราตรี……ค่อยๆ ใกล้เข้ามา……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset