Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 80 จะกร่างทำไม?

บทที่ 80 จะกร่างทำไม?

คืนวันนั้น

แสงไฟส่องสว่างไปทั่วเมือง

เมื่อเฉินตงมาถึงโรงแรมไท่ซานก็พบว่ามีรถหรูมากมายจอดอยู่ในลานจอดรถแล้ว

เขาเดินเข้าไปในซานไห่กื๋อภายใต้การนำของพนักงานต้อนรับ

ด้านหน้าของซานไห่กื๋อมีชายร่างกำยำสวมชุดสูทรองเท้าหนังและแว่นกันแดดสีดำยืนอยู่สองคน

เมื่อเห็นเฉินตงที่เดินเข้ามา ชายทั้งสองก็เปิดประตูซานไห่กื๋อให้เขา

เสียงดนตรีโบราณดังอยู่ข้างหูเฉินตง

เขาลูบจมูกเบาๆ แล้วยิ้มพูด “ซุ่มโจมตีทุกด้าน?”

ในซานไห่กื๋อที่กว้างใหญ่นี้ มีก้อนหิน มีน้ำ มีสายหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งซึ่งเปรียบเสมือนดินแดนแห่งสวรรค์

อากาศยังอบอวลไปด้วยกลิ่นไม้จันทน์จางๆ

เสน่ห์แบบโบราณและสภาพแวดล้อมที่สง่างาม

หน้าโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีชายหัวโล้นวัยกลางคนในชุดสูทและแว่นดำนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักด้วยสีหน้าเฉยเมย

นอกจากนี้ด้านหลังของเขายังมีชายหนุ่มสองคนในชุดสูทและสวมแว่นดำยืนอยู่

ดวงตาของเฉินตงสบกับชายหัวโล้นวัยกลางคน และทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “ท่านประธานโจว ดึกๆ แบบนี้ยังสวมแว่นกันแดด คุณจะมองเห็นเหรอครับ?”

“ไม่ต้องห่วงผมหรอกประธานเฉิน”

โจวจุนหลงถอดแว่นดำออกด้วยดวงตาโหดเหี้ยมมองไปที่เฉินตงและชี้ไปที่เก้าอี้ “นั่งสิประธานเฉิน”

เขาชี้ไปที่ตำแหน่งเก้าอี้ที่ติดกับประตู ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งของคนที่มีอายุน้อยที่สุดในโต๊ะอาหาร

เฉินตงยิ้มอย่างเฉยเมย เมื่อรู้ว่ามันเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยและเป็นการซุ่มโจมตีสิบด้าน เขาจึงไม่คาดหวังที่จะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษจากโจวจุนหลง

หลังจากนั่งลงแล้ว

โจวจุนหลงยกมือขึ้นและทำท่าทางเชิญชวน “เชิญครับ”

“ได้ครับ”

เฉินตงหยิบตะเกียบขึ้นมาและกำลังจะคีบอาหารจานที่อยู่ตรงหน้าเขา

จู่ ๆ โต๊ะอาหารก็ถูกโจวจุนหลงหันไป

เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมองโจวจุนหลง

“อ้อ ลืมไปว่าคุณกำลังจะคีบกับข้าวผมจึงหมุนมันไป”

โจวจุนหลงทำท่าเชิญชวนอีกครั้ง “เชิญเลยครับ”

โชว์อำนาจอยู่หรือ?

เฉินตงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วยื่นมือออกไปคีบอาหารอีกครั้ง

ในขณะที่โจวจุนหลงกำลังจะหมุนโต๊ะอีก มือซ้ายของเฉินตงก็กดไปที่โต๊ะอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้โจวจุนหลงไม่สามารถขยับมันได้

จากนั้นภายใต้สายตาที่โกรธเกรี้ยวของโจวจุนหลง เขาคีบอาหารเข้าปากอย่างใจเย็น

เมื่อชิมอาหารบนโต๊ะแล้วเขาจึงยิ้มพูด “อาหารที่ท่านประธานโจวสั่งนั้นอร่อยจริงๆ เลยนะครับ”

ดูเหมือนเป็นคำพูดที่ชวนหัวเราะ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยการยั่วยุและเป็นการโจมตีโจวจุนหลงอย่างดุเดือด

สีหน้าของโจวจุนหลงหมองลง จากนั้นยิ้มอย่างเย็นชา “ชอบกินก็ดีแล้วล่ะ เกรงว่าคุณจะกินอาหารจานใหญ่บนโต๊ะไม่หมดมากกว่า”

“ท่านประธานโจวยังไม่เคยลองเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าเฉินตงกินไม่หมดครับ?” เฉินตงเลิกคิ้ว

โจวจุนหลงยิ้มอย่างเหยียดหยามแล้วเอนหลังบนเก้าอี้

“อายุน้อยๆ แบบนี้ ไม่กลัวจะจุตายก่อนเหรอ?”

โดยที่ไม่รอช้า เขาลูบดั้งจมูกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันต่อ

“เหมือนผมยิ่งอยู่ยิ่งใจดีนะ หลังจากต่อสู้กับโจวเย่นชิวมานานหลายปี ตอนนี้กลับร่วมโต๊ะอาหารกับอดีตลูกน้องของเขา แถมไม่พอยังถูกกดโต๊ะอาหารด้วย!”

เฉินตงกลับยิ้มและไม่สนใจ

เขาค่อยๆ หมุนโต๊ะอาหารแล้วคีบอาหารมากิน

เมื่อโจวจุนหลงเห็นภาพนี้ก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที

ตูม!

โจวจุนหลงทุบโต๊ะอาหารด้วยความแรงจนจานแก้วบนโต๊ะสั่นสะเทือน

จากนั้นพูดด้วยความโมโห “ผมโตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นคนที่กวนขนาดนี้มาก่อนเลยนะ!”

เฉินตงวางตะเกียบลงอย่างใจเย็น จากนั้นเอนกายพิงที่เก้าอี้แล้วยักไหล่ “ท่านประธานโจวครับ ไม่มีกฎหมายห้ามใครกวนเลยนะครับ ว่าไหม?”

“เหอะๆ ……ดี ดีมาก เฉินตง นายมันแน่มาก!”

โจวจุนหลงกัดฟันยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งให้กับเฉินตง “กูไม่ได้อะไรกับมึง ให้มึงมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็ถือเป็นบุญของมึง และที่มึงทำให้คนอย่างโจวเย่นชิวสนับสนุนมึงได้ นั่นก็เป็นความสามารถของมึงด้วยเช่นกัน แต่ที่มึงบุกไปถึงถิ่นกูแล้วหักขาน้องชายกู เรื่องนั้นมันเรื่องใหญ่!”

เขาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ถึงทุกวันนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความเหี้ยมโหดของเขาเท่านั้น

และการต่อสู้กับโจวเย่นชิวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยทำตามกฎเลย

อย่างน้อยในวงการอสังหาริมทรัพย์ของเมืองนี้ คนเดียวเท่านั้นที่สามารถงัดข้อกับเขาคือโจวเย่นชิว!

แต่จู่ ๆ ก็มีเฉินตงคนนี้โผล่ออกมาและยังเข้าไปก่อเรื่องในถิ่นของเขาด้วย

นั่นมันไม่ต่างอะไรกับการเข้าไปตบหน้าเขาเลย!

เรื่องแบบนี้โจวเย่นชิวยังไม่กล้าทำเลย!

แต่

ทันใดนั้น เฉินตงยกมือขวาขึ้นเพื่อหยุดโจวจุนหลง

“ประธานโจว ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องหักขาน้องชายคุณ แต่เลือดของน้องชายคุณกับลูกกระจ๊อกของเขาทำเอาเสื้อสูทผมปนเปื้อนไปชุดหนึ่ง แล้วคุณต้องชดใช้ให้ผมใช่ไหมครับ?”

เป็นน้ำเสียงที่เฉยเมย ฟังดูแล้วรู้สึกว่ากำลังพูดถึงเสื้อสูทตัวนั้นจริงๆ

โจวจุนหลงถึงกับสับสน

ไอ้หมอนี่มันจะมากเกินไปแล้ว!

หลังจากอึ้งไปพักหนึ่ง จู่ ๆ โจวจุนหลงก็หัวเราะขึ้นมา

แปะ ๆ ๆ ……

เขายกมือขึ้นและตบมือสามครั้ง

ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาและชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เข้ามาล้อมรอบเฉินตงไว้

และที่ทางเดินด้านนอกก็มีเสียงเท้าเดินอย่างรวดเร็วดังขึ้น

จากนั้นชายหนุ่มร่างกำยำสวมชุดสูทรองเท้าหนังและแว่นดำเดินเข้ามาในห้องมากกว่าสิบคน

เขากะจะเอาให้ตาย!

บรรยากาศในห้องดูเหมือนจะเยือกเย็นลง

โจวจุนหลงยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดกับเฉินตงว่า “กูจะหักขามึงก่อน จากนั้นค่อยจ่ายค่าชุดสูทให้มึงสองชุด!”

“เอาสิ๊”

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา แสงวาบเกิดขึ้นในดวงตาของเขา

ในเวลาเดียวกัน เขารีบลุกขึ้นแล้วหยิบจานบนโต๊ะมาสองใบและทุบไปที่ชายสองคนที่ยืนใกล้เขาที่สุด

จากนั้นคว้าเก้าอี้แล้วกวาดไปรอบๆ เพื่อทำให้ทุกคนต้องถอยห่างไป

“แมร่งเอ๊ย ไม่แปลกเลยที่จัดการโจวเห้าได้ ที่แท้มีของนี่เอง!”

โจวจุนหลงรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่เห็น แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ จากนั้นหยิบซิการ์ของเขาออกมาและจุดไฟ ในขณะที่พ่นควันออกมาจากปากเขาก็พูดขึ้นว่า “ภายในซิการ์ครึ่งม้วนนี้ ผมต้องการเห็นไอ้หมอนี่นอนอยู่ที่พื้นและเหลือขาเพียงข้างเดียว!”

การพูดท่าทางที่เต็มไปด้วยสไตล์ของเจ้าพ่อ

แต่ทันทีที่พูดจบ

สีหน้าของโจวจุนหลงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

เฉินตงเหวี่ยงเก้าอี้ไปรอบๆ เพื่อให้ลูกน้องของศัตรูถอยห่างออกไป ทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะและพุ่งตรงเข้าไปหาโจวจุงหลงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

“เชี่ย! หยุดมันไว้!”

สีหน้าโจวจุนหลงเปลี่ยนไปทันที เขารีบโยนซิการ์ในมือทิ้งแล้วลุกขึ้นและถอยหลังไป

เนื่องจากเป็นเหตุที่ไม่คาดคิดจึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น

ทุกคนต่างพยายามหยุดเฉินตง แต่ความเร็วของเขาไม่มีใครเทียบได้ ในพริบตาเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าโจวจุนหลงแล้ว

ตึบ!

เท้าลอยอยู่กลางอากาศและเตะเข้าไปที่กลางอกของโจวจุนหลงด้วยความแรง

หลังจากที่ร่วงลงกับพื้น เฉินตงหันกลับไปคว้ามีดสั้นบนโต๊ะที่เอาไว้แกะปูแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาโจวจุนหลงอีกครั้ง

สึบ!

มีดสั้นเสียบเข้าไปที่ต้นขาของโจวจุนหลงและมีเลือดพุ่งออกมาทันที

“อ๊าก!”

เสียงกรีดร้องของโจวจุนหลงดังก้องไปทั่วซานไห่กื๋อ

ความเจ็บปวดจากต้นขาทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของโจวจุนหลงรวนไปหมด ร่างกายของเขาสั่นอย่างหยุดไม่อยู่ สองมือของเขาทำได้เพียงกดทับตำแหน่งต้นขาที่ถูกมีดแทง

ลูกน้องมากกว่าสิบคนของเขาต่างก็ตกตะลึง

ไม่มีใครคิดเลยว่าเฉินตงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้

ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาไม่มีความลังเลใดๆ เลย!

“คุณจะกร่างอะไรนักหนา?”

รอยยิ้มที่เย็นเยือกของเฉินตงทำให้ชายนับสิบคนถึงกับเสียวสันหลัง

ในขณะที่พูด เฉินตงก็หมุนมีดในมือขวาของเขาที่เสียบคาต้นขาของโจวจุนหลง

“อ๊าก……หยุดนะ กูบอกว่าให้หยุดไง……”

โจวจุนหลงเจ็บจนหน้าซีดไปหมด ร่างกายของเขาดิ้นอย่างไม่หยุด แม้ว่าทั้งสองมือของเขาจะจับข้อมือของเฉินตงไว้ แต่เขาไม่สามารถหยุดมีดที่หมุนอยู่ในกล้ามเนื้อต้นขาของเขาได้

เฉินตงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้ คุณจะชดใช้ค่าชุดสูทให้ผมได้ยัง?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset