ถึงจะทานข้าวกลางวันเสร็จแต่ชิโมสึกิก็ยังเหมือนจะคุยยังไม่พอใจ
ผมที่เป็นผู้ฟังอยู่ฝ่ายเดียว บางครั้งก็มีตอบกลับบ้าง แต่บทสนทนาของเธอมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ทำให้อินไปกับการฟัง
ไม่ใช่ว่าเธอพูดได้น่าสนใจเหมือนนักแสดง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเนื้อหามีความน่ามหัศจรรย์เช่นกัน
ถ้าให้พูด บทพูดของชิโมสึกินั้น อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ เธอเล่าเรื่องที่ไม่มีความต่อเนื่องกันเลย ออกมา ว่าเธอคิดอย่างไง เธอโอบอุ้มความรู้สึกแบบไหนไว้ ออกมาได้อย่างชัดเจน
นี่อาจจะเป็นเหตุผล ที่ทำให้ผมฟังได้อย่างไม่มีเบื่อก็ได้
ผมคิดว่ามันก็ไม่แย่หรอกถ้าจะฟังชิโมสึกิไปอย่างนี้จนหมดพักกลางวันหรอก……แต่ว่า
“ーอึก”
อยู่ดีๆ ชิโมสึกิก็หยุดพูด
ทันทีที่หูเล็กๆของเธอขยับไปมา อารมณ์บนสีหน้าของเธอก็หายไป
ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ของเธอ ชิโมสึกิก็กระซิบออกมาเบาๆ
“ได้ยินเสียงที่ไม่ชอบ…..เสียงที่ฉันไม่ชอบมากที่สุดในโลกนี้”
ในตอนนั้น ผมยังไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร
แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็เห็นมีคนผ่านมาโดยบังเอิญ และก็เข้าใจเหตุผลที่เธอพูดออกมา
“ขอโทษนะ เรียวมะโอนี่จัง ที่เรียกออกมาในที่แบบนี้…..”
“ไม่เป็นไรหรอก มีอะไรรึป่าว? รีบๆหน่อยนะ เพราะยังอยู่ระหว่างกินข้าวกลางวันอยู่เลย ข้าวกล่องที่ยุซุกิทำมามันอร่อยน่ะ เลยอยากจะกิน”
เป็นคู่ชายหญิงที่โผล่มาที่หลังอาคารแบบนี้ พวกเธอยังไม่รู้สึกถึงพวกผมที่นั่งกันอยู่ และยืนหันหน้าเข้าหากัน เหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูด
พวกเขา เป็นคนที่ผมรู้จักอย่างดี
คนหนึ่ง คือน้องสาวต่างสายเลือดของผม นากายะมะ อาสึสะ
ส่วนอีกคน ก็คือคนที่ผมเกลียด และคนที่ชิโมสึกิไม่ถูกด้วยจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ริวซากิ เรียวมะ…..”
เผลอหลุดชื่อของเขาออกไป
ผมสีดำตาสีดำ กล้ามเนื้อก็ปกติ แผ่นหลังก็ปกติ เป็นผู้ชายที่ไม่ได้ลักษณะเด่นต่างจากผมเท่าไร เพียงแต่ มีออร่าของความดูดีออกมาอย่างท่วมท้น เป็นออร่าที่จะมีเฉพาะคนที่มีความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น
“หืม? ทำไมนากายะมะถึงอยู่ที่นี่…..อะ เห้ย!”
จากนั้น เขาก็มองมาทางนี้ และพอเห็นเธอสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันที
“ชิโฮะ…..นี่เธอ ทำอะไรกับนากายะมะ? อยู่กัน2คนแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นรึป่าว?”
คงเป็นเพราะคนที่เขาชอบ ชิโมสึกิ ชิโฮะนั่งอยู่ข้างๆกับผู้ชาย
ผู้หญิงที่ริวซากิชอบ ผู้หญิงที่เขากำลังมีความรักให้คนนั้น อยู่กันสองต่อสองกับตัวประกอบผู้ชายจางๆ อารมณ์อะไรหลายๆอย่างต้อง ปะทุออกมาแน่นอน
“ไม่ดูเวลาเลย……เฮ่อ น่าเบื่อ”
ในตอนที่ริวซากิรับรู้ถึงทางนี้ ชิโมสึกิก็ถอนหายใจออกมา
เธอโพร่งมันออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเบื่อโดยไม่ให้พวกนั้นได้ยิน และก็จัดการเก็บกวาดข้าวกล่องของเธอ
“นากายะมะคุง กลับห้องกันเถอะ? ไม่อยากได้ยินเสียง ของคนคนนั้น”
ิอา จริงด้วยสินะ
ผมเองก็อยากกลับห้องเหมือนกันนะ….แต่ริวซากิคงไม่ยอมแน่นอน
แล้วก็บางที คนที่จะถูกถามหลังจากนี้…..คงไม่ใช่ผม แต่น่าจะเป็นชิโมสึกิ
หลักฐานก็ สายตาริวซากิที่มองตรงไปยังชิโมสึกิ
เป็นสีหน้ามีเรื่องอะไรอยากจะถาม
นั่นมัน นาสงสารมาก
ผู้หญิงที่ชื่อชิโมสึกินั้น ไม่ถูกกับริวซากิ
เธอที่ร่าเริงและชอบการพูดนั้น พออยู่ข้างริวซากิแล้ว กับการเป็นผู้หญิงเงียบๆที่เย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็ง นั่นคือความเกลียดชังที่มีต่อริวซากิ
ผมไม่ค่อยอยากจะสร้างความเครียดให้เธอเท่าไร
เพื่ออยากให้เธอรู้สึกเจ็บปวดหลังจากที่เพิ่งจะเป็นเพื่อนกัน
ดังนั้นผม จะเป็นคนรับหน้าเอง
“ไม่ล่ะ มีเรื่องอยากจะคุยกับริวซากิน่ะ…..ขออยู่ต่อนะ เธอกลับไปก่อนเลย”
พอพูดไป ชิโมสึกิก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“…..บางครั้ง นากายะมะคุงก็แปลกดี เป็นผู้ชายทั่วๆไป แต่กับได้ยินเสียงไม่ธรรมดา…..อุฟุฟุ วิเศษไปเลย เข้าใจแล้ว ถ้างั้น ไปก่อนนะ แล้วก็คราวหลัง คุยกันเยอะๆอีกนะ?”
จากนั้น เธอก็ทิ้งคำพูดมากมายไว้เบาๆ แล้วชิโมสึกิก็ลุกขึ้น
“หะ เห้ย ชิโฮะ กระซิบอะไรกัน? ก่อนหน้านี้ ก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอ ว่าถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ชั้นจะช่วยเอง ….เห้ย ชิโฮะ? ชิโฮะ!”
“……..”
ชิโมสึกิเดินผ่านข้างๆริวซากิไปแบบเงียบๆ
เธอเดินจากไป โดนไม่แม้แต่หันมามอง
จากนั้น ก็เหลือแค่ผมกับริวซากิและ……น้องสาว อาสึสะเท่านั้น……