คำพูดของชิโมสึกิยังไม่หมด
“นากายะมะคุง พ่อแม่ไม่อยู่แท้ๆไม่เหงาหรอ? ถ้าเป็นฉันล่ะก็ป๊ะป๋ากับหม่าม้าไม่อยู่นี่ใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้เลยนะ ถึงอย่างงั้นแล้วนากายะมะคุงก็ยังอดทนอยู่คนเดียวได้ เก่งมากเลย เพื่อนร่วมชั้นกันแท้ๆนับถือเลยนะ”
ย้ายไปที่ห้องนั่งเล่น และก็เสริฟชากับขนมให้เธอ
แต่ว่า ชิโมสึกิที่นั่งอยู่บนโซฟานั้น ไม่แม้แต่มองขนมกับชา และยังพูดกับผมต่อ
“แต่ว่า อย่างที่คิดแหละนากายะมะคุงคงจะเหงานะ เพราะงั้น ฉันจะมาที่นี่เป็นบางครั้งบางคราวให้ก็ได้นะ อุฟุฟุ เยี่ยมใช่มั้ยล่ะ? เน่ เอาเกมมาด้วยก็ได้ใช่มั้ย ขอร้องล่ะ นากายะมะคุง ให้ฉันมาที่นี่เถอะ”
ไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาเป็นว่าดูอย่างไงเธอก็แค่อยากเล่นเกมกับเพื่อน
“ฉันเป็นอาจารย์สอนงานอดิเรกของนากายะมะคุงนะ ได้ยินที่พูดชัดเจนใช่ไหม? มะ ไม่ใช่ว่ามีจุดประสงค์อื่นหรอกนะ? ก็แค่ที่บ้านฉันจำกัดเวลาเล่นเกมไว้แค่หนึ่งชั่วโมง ไม่ใช่ว่าชีวิตประจำวันที่แอบเล่นเกมในที่นอนกลางดึกมันลำบากหรอกนะ?”
ผมประหลาดใจมากที่มีคนที่ทำเรื่องแบบเด็กประถมแม้จะขึ้นม.ปลายมาแล้วก็ตาม
ระหว่างที่ฟังเรื่องราวของชิโมสึกิ พ่อแม่ของชิโมสึกิดูรักลูกจริงๆแต่…….รู้สึกว่าจะเข้มงวดไปหน่อย เคอร์ฟิวก็ดูเหมือนแค่6โมงเย็น เกมเองก็ห้ามเล่นเกิน1ชั่วโมงด้วย
เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าครอบครัวทางนี้ ที่มีแนวโนมว่าจะละทิ้งเรื่องการดูแลลูกล่ะนะ
ทั้งพ่อและแม่ต่างก็ทำในสิ่งที่พ่อแม่ทำอย่างน้อยที่สุด ก็คิดอยู่หรอกไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูก แต่แค่รู้สึกว่า ในเรื่องความรักนั้นเมื่อเทียบกับพ่อแม่คนอื่นแล้วต่ำกว่านิดหน่อย
ตอนนี้เองก็ทิ้งลูกเอาไว้และไปเที่ยวกันต่างประเทศ
การถูกรักนั้นดีกว่าไม่ถูกรักจริงๆนั่นแหละ ชิโมสึกิดูเหมือนจะรักพ่อแม่มากแต่ว่า……ความรู้สึกนั้นจำเป็นต้องมีการจัดการซักหน่อย
ผมคิดว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกันที่จะใช้บ้านหลังนี้เพื่อจุดประสงค์นั้น
อย่างน้อย ผมอยากจะทดแทนบุญคุณให้ชิโมสึกิเท่าที่จะทำให้เธอได้
“เชิญใช้ได้อย่างเต็มที่เลย ถึงจะเป็นบ้านที่ไม่มีอะไรก็เถอะนะ”
พอพยักหน้าให้ ชิโมสึกิก็ทำสีหน้าอย่างร่าเริง
ถ้าทำหน้าเหมือนจะดีใจขนาดนั้น ทางนี้เองก็เขินได้นะ
“ไม่มีอะไร? ผิดแล้ว บ้านหลังนี้น่ะมีนากายะมะคุงอยู่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วนะ? อุฟุฟุ สำเร็จแล้วว….เพราะเครื่องเกมตั้งโต๊ะต้องต่อจอเล่นเท่านั้น คงจะมุดฟูกเล่นกันไม่ได้สินะ? เอามาพรุ่งเลยดีไหมนะ?”
มีผมอยู่ หรอ……เธอนี่แปลกจริงๆนั่นแหละนะ ที่ยอมรับคนอย่างผมเป็นคนพิเศษเนี่ย
เป็นระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั่นเอง
“…..หืม? อาเระ? หือหืม???”
อยู่ดีๆ ชิโมสึกิก็ขยับหูของเธอ
จากนั้นเธอก็ทำหน้าอารมณ์เสีย และจ้องมาที่ผม
“นากายะมะคุงเนี่ย…..สุดท้ายแล้ว ก็เป็นประเภทชอบล่อลวงผู้หญิงสินะ”
คำพูดช่วงที่ขาดตอนของเธอนั้น คลุมเคลืออย่างมาก
ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าพูดอะไร และในตอนที่กำลัง งงอยู่……เสียงเปิดประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“กลับมาแล้ว”
เสียงเล็กๆ ก้องอยู่ในบ้าน
ดูเหมือนว่าอาสึสะจะกลับบ้าน
แปลกจังเลยนะ……วันนี้ไม่ได้ไปบ้านริวซากิรึไงนะ
“โหดร้าย ปล่อยเพื่อนอย่างฉันเอาไว้แล้ว พาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแบบนี้……นี่มัน ‘นอกใจ’ สินะ? นะ นากายะมะคุงลามก! มีฉันอยู่ทั้งคนแล้วแท้ๆ ยังยื่นมือไปหาผู้หญิงคนอื่น นากายะมะคุงคนบ้า”
จากนั้น พอได้ยินคำพูดที่ชิโมสึกิพูดออกมา ในที่สุดก็เข้าใจเหตุผลที่เธออารมณ์เสียแล้ว
เพราะเธอหูดีเลยน่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าอาสึสะตั้งแต่ด้านนอกแล้ว แล้วก็บางทีเธอคงรับรู้ได้ว่ามีผู้หญิงกำลังจะเข้าบ้าน จากนั้นชิโมสึกิที่เป็นคนค่อนข้างจะอยากผูกขาดไว้คนเดียวนั้น ได้จุดไฟแห่งความริษยาออกมา
หรือก็คือ นี่นะ…..
“หะ หึง?”
ถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
จากนั้นเธอก็ทำแก้มพองใส่อย่างเข้าใจง่าย
ราวกับว่าเป็นแก้มโมจิเลย
“ใช่แล้ว ฉันน่ะหึงมากเลยนะ หึงจนกลายเป็นเหมือนโมจิไปแล้ว”
ถึงจะพูดแบบนั้น…..ทางนี้ก็ลำบากนะ
เพราะ คนที่กลับมานั้น เป็นคนในครอบครัวไงล่ะ
ถึงจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ก็เป็นน้องสาวนะ เพราะอย่างนั้น ช่วยอย่านับเธอรวมกับพวกเพศตรงข้ามด้วยเถอะ…..