ーการที่ยังคงไปต่อกับรักที่ไม่สมหวังนั้น มันจะพาไปสู่เรื่องราวที่สวยหรูได้จริงๆงั้นหรอ
พอมองดูอาสึสะ ผมก็คิดแบบนั้นออกมา
ไม่สิ ไม่ใช่แค่อาสึสะ ทั้งเพื่อนสมัยเด็กอย่างยุซุกิ กับอดีตเพื่อนสนิทอย่างคิราริก็ด้วย พอมองดูพวกเธอแล้ว ก็ทำให้เจ็บที่อกจนทนดูไม่ได้
ทั้งๆที่ปล่อยความรู้สึก’ชอบ’ออกไปให้แบบเข้าใจได้ง่ายแล้วแท้ๆ แต่เจ้าตัวกับ’หัวช้า’และปล่อยไปโดยไม่รู้สึกตัว จนทำให้ความรู้สึกนั้นสูญเปล่า
ถูกเหยียบย่ำความรู้สึก และผลลัพธ์ของความพยายามก็ไม่ออกผล พอคิดเรื่องนั้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว……ช่างน่าเวทนาจริงๆ
เหมือนกับเป็นตัวตนที่อยู่เพื่อแค่ต้องการให้พระเอกยอมรับ
เผลอคิดแบบนั้นออกมา
“……..จะว่าไปวันนี้ ที่หลังอาคารเรียนตั้งใจจะสารภาพรักสินะ ถึงจังหวะเหมือนจะไม่ค่อยดีก็เถอะ”
มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น ที่ทำให้วันนี้อาสึสะอยู่ดีๆก็กลับมาที่บ้าน เป็นตอนที่ทานข้าวกลางวันกับชิโมสึกิ…..อาสึสะเรียกริวซากิมาที่หลังอาคารเรียน
และผมก็เดาว่า……ตอนนั้น อาสึสะตั้งใจจะสารภาพรัก
“อืม…..อาสึสะนะ รวบรวมความกล้าออกมา เพื่อจะถ่ายทอดความรู้สึกออกไป…..แต่ว่า ไปได้ไม่สวยเลย”
เหมือนเธอจะไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ทำตัวเข็มแข็งแล้ว
และก็แสร้งยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเศร้า
ตอนนั้น อาสึสะไม่สามารถสารภาพรักได้……เพราะเป็นจังหวะที่ไม่ดี ที่ต้องมาบังเอิญเจอกับพวกผม
ยิ่งกว่านั้นที่โชคร้ายคือ เธอเจอะกับชิโมสึกิที่ริวซากิหลงเอาอย่างมาก เพราะแบบนั้น ทำให้ความกล้าของอาสึสะถูกกลบทับ จนเธอต้องยอมถอนตัว
เพราะเรื่องนั้นทำให้เธอตกอยู่ในสภาพย่ำแย่
“อะ หรือว่าคนที่อยู่กับโอนี่จังตอนนั้นคือชิโมสึกิซังหรอ? ……..ตื่นเต้นแทบตาย จนทำให้ไม่รู้เลย”
ดูเหมือนจะเพิ่งมารู้ตอนนี้ว่าคนที่อยู่ที่นั่นคือชิโมสึกิ
แค่นั้นก็ทำให้เธอวิตกขึ้นอีก
“เรียวมะโอนี่จัง พอเป็นเรื่องของชิโมสึกิซังแล้วจะไม่สนใจใครเลยน้า……อะฮะฮะ ว่าแล้วเชียว ชนะไม่ได้เลย”
“……..อะฮะฮะ ซะที่ไหนเล่า”
เผลอว่าไปโดยไม่รู้ตัว
ทนดูน้องสาวที่ตบตาด้วยรอยยิ้มแสร้งๆและก็ไม่ยอมหันหน้าหาความจริงไม่ได้ จึงเผลอว่าออกไป
รักที่ไม่สมหวังน่ะมันไร้ค่า
รักของอาสึสะน่ะยังไม่ได้แม้แต่ช้ำรักเลยนะ? ความรึสึกยังไม่ได้ถูกรับรู้เลยด้วยซ้ำ มีแค่โดนเหยียบย่ำความรู้สึกอยู่
มันไม่ใช่เรื่องราวที่สวยหรูอะไรทั้งนั้น มีแค่เรื่องที่ไม่น่าดู
“…..เอ๊ะ? พูดอะไรหรอ? เสียงเบาจนไม่ได้ยินเลย”
อาสึสะแสดงสีหน้าว่าเธอไม่ได้ยินออกมา
แต่ว่า ใบหน้านั้นดูเศร้ามาก…..จนทนมองไม่ได้
‘รู้ตัวเองอยู่แล้วล่ะ อย่าพูดอะไรเลย’
ถึงจะไม่ได้ออกมาเป็นคำพูด แต่ก็รู้สึกได้เลยว่าพูดแบบนั้น
ถึงผมจะไม่พูดก็ตาม แต่เธอก็รู้อยู่แล้ว เธอรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ปัญหาที่จะผ่านมันไปโดยการแสร้งยิ้มได้ แต่เธอยังต้องตบตาอยู่
ดังนั้นจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เธอพยายามจะปัดคำพูดของผม เพื่อกลบเกลื่อนความน่าสมเพชของตัวเอง
“…….”
อา ไม่ไหวเลย
พอถูกทำหน้าแบบนั้นแล้ว ไม่รู้จะพูดอะไรเลย
ผมไม่ได้อยู่ในจุดที่จะต้องมาสั่งสอนเธอแล้ว
เพราะผมไม่ใช่คนที่ใกล้ชิดขนาดที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเธอได้แล้ว
นี่น่ะ เป็นเส้นทางที่อาสึสะเลือกเอง
ถึงจะต้องทุกข์ ถึงจะต้องเจ็บแค่ไหน แต่เพราะทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอปรารถนาเอง ดังนั้นผมจึงพูดอะไรไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอก”
ดังนั้น ผมจึงหลีกเลี่ยง
ตอบไปเหมือนกับตุ๊กตาที่ไร้อารมณ์ ให้สมกับเป็นตัวประกอบ
ผมน่ะ…..ตัวประกอบน่ะ ทำได้แค่นี้แหละ……