ณ หัองเรียนหลังเลิกเรียน สาวน้อยผมขาวกำลังพูดอย่างสนุก
แสงอาทิตย์อัสดงที่สาดส่องมาจากหน้าต่างและตกกระทบที่ตัวเธอ ทำให้ดูน่าสัทธามาก
ทั้งผิวหนัง เส้นผม ตัวตนของเธอ พอได้มองมันชัดๆแล้ว ทำเอาสงบใจไม่ได้อย่างบอกไม่ถูกเลย
หญิงสาวที่เหมือนหลุดออกมาจากโลกอื่นแบบนี้ แทบจะหาไม่ได้
เคยคิดว่าเป็นเป็นผู้หญิงเย็นชา พูดน้อยแบบคูลๆ เหมื่อนกับสายน้ำซะอีก
แต่ว่า มันช่างต่างจากความจริงอย่างสิ้นเชิง
“ก็จริงที่ฉันกับริวซากิคุงเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันนะ? แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องสนิทกันซักหน่อย…..ก็แค่บ้านอยู่ใกล้กัน ความทรงจำตอนที่เล่นด้วยกันเองก็แทบจะไม่มี พ่อแม่เองก็ไม่ใช่ว่าจะสนิทกันด้วยนะ? แบบนี้มันยังเรียกเพื่อนสมัยเด็กได้อยู่หรอ?”
ชิโมสึกิ ชิโฮะนั้น พูดเก่งมาก
ไม่สิ ไม่ใช่แค่มาก แต่เป็นคนที่ชอบพูดสุดๆไปเลย
“อืม ตอนอนุบาล ประถม ม.ต้น ม.ปลาย คนคนนั้นจะอยู่ด้วยกันตลอดก็ตาม…..แต่นั่นก็แค่บังเอิญนะ ฉันน่ะ ไม่ใช่ว่าอยากจะไปเรียนที่เดียวกันซักหน่อย จะว่าไป คนคนนั้นไม่มีตัวเลือกอีกเลยรึไงนะ? ทุกครั้งๆชอบมาถามเส้นทางอนาคต เหมือนพวกสตอล์กเกอร์แบบนั้น น่าขนลุก”
ไม่นะ ไม่ใช่สตอล์กเกอร์สิ…..คิดว่าเพราะริวซากิมันชอบชิโมสึกิต่างหาก
ก็แอบติดใจอยู่นะว่าถ้าพูดแบบนั้นออกไปจะได้รีแอคชั่นแบบไหน แต่นั่นคิดแล้วก็น่าสงสาร
บอกไว้ก่อน ที่น่าสงสารน่ะไม่ใช่ริวซากิ
แต่เป็นชิโมสึกิต่างหาก ที่น่าสงสาร
“โชคชะตาเนี่ยโหดร้ายจังเลยนะ ฉันเองก็มีสิทธิ์เลือกแท้ๆ แต่ทำไมถึงต้องให้อยู่กับริวซากิคุงแบบนั้นด้วยนะ….อูว ตัวสั่นไปหมดแล้ว ไม่ชอบเสียงของคนนั้นเลย…..ได้ยินเสียงของคนหัวทึบที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นและเห็นแก่ตัวด้วยน่ะ”
ถึงจะพูดเข้าใจยากก็เถอะ แต่ดูเหมือนเพื่อนสมัยเด็กที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน จะรู้เนื้อแท้ของริวซากิเป็นอย่างดี
ก็จริงที่เจ้านั่นเป็นคนหัวทึบ และพอเป็นเรื่องความรักแล้วยังทึบเป็นพิเศษ แม้จะถูกเพื่อนสมัยเด็กของผม น้องสาวหรือเพื่อนสนิทชอบก็ตาม แต่ก็ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น จะว่าสมองทื่อหรือประสาทไม่รับรู้ก็คงได้
ตรงส่วนนั้นแหละ ที่เหมือนจะทำให้ชิโมสึกิไม่ชอบ
“คนที่เปล่งเสียงแบบนั้นออกมาน่ะ ชอบทำให้ใครหลายคนต้องเจ็บปวด แต่ว่านะ ปัญหาไม่ใช่เพราะ ‘หัวทึบ’หรอกนะ คิดว่าคงต้องการความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกคนอื่นน่ะ….อูวว รู้สึกหนาวๆแล้วล่ะ ถ้าหากถูกคนแบบนั้นชอบ ก็ดูเหมือนต้องมาแบกรับความโศกเศร้าของผู้หญิงคนอื่นๆอีก พอคิดถึงพวกเธอ อยากจะร้องไห้แทนพวกเธอที่ต้องเจ็บปวดแบบนั้น และก็ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย”
ชิโมสึกิกอดแขนตัวเองอย่างหนาวๆ
อืม…ไม่แน่ เธออาจจะถูกริวซากิชอบอยู่ก็ได้นะ? คงพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าหากพูดไปบางที ชิโมสึกิคงหมดสติแน่ๆ
รู้สึกได้ถึง แรงเกลียดชังที่มีต่อริวซากิออกมาเลย
“เพราะอย่างงั้น ถึงจะเรียกว่าเพื่อนสมัยเด็กก็ตาม ก็แค่คนรู้จักหน้าตากันนั่นแหละนะ? ฮึ่มฮึ่ม อะ เมื่อกี้คือเสียงโกรธล่ะ พอทำแบบนี้หม่าม้าบอกว่า ‘น่ารัก’น่ะ ใช่หรือเปล่า? แต่ฉันไม่คิดว่ามันได้ผลหรอกนะ ดูเหมือนเด็กอย่างนั้น”
……แล้วก็ยังชอบพูดด้วย
ต่อหน้าริวซากิยังเงียบแบบนั้นแท้ๆ ว่าแล้วเชียวนี่น่าประหลาดใจมาก
“เพียงเพราะไม่ชอบริวซากิก็เลยพยายามไม่ผูกมิตรด้วยแค่นั้น จริงๆแล้วชิโมสึกิเป็นแบบนี้เองสินะ”
ถึงจะตกใจก็เถอะ แต่ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ
ผมเองก็ไม่ชอบริวซากิเหมือนกัน อืม เพราะคนที่เคยชอบถูกขโมยไปก็นั่นแหละ คิดว่าความรู้สึกคงไม่ใช่แบบเดียวกับชิโมสึกิ
แต่ว่าเรื่องนั้นถึงจะเป็นแบบนั้น……แต่ก็ยังมีเรื่องที่ยังคาใจอยู่
“ถ้างั้น ทำไมถึงแสดงตัวตนจริงๆให้คนอย่างผมเห็นด้วยล่ะ? ผมไม่คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ทำให้ชิโมสึกิมาชอบหรอกนะ”
ทำไมถึงเป็นผมกันนะ
ก็แค่บังเอิญ อยู่ที่ห้องเรียนหลังเลิกเรียน ผมคิดว่าการที่ชิโมสึกิเปิดเผยตัวตนให้เห็น มันน่าเสียดาย
เป็นตัวประกอบ….ที่ไม่สามารถแม้แต่จะกุมหัวใจของคนที่เคยชอบไว้ได้ หมาขี้แพ้แบบนี้ ทำไมถึงถูกมองว่าพิเศษ
ชิโมสึกิยิ้มอย่างร่าเริ่ง ขณะมองผมที่กำลังคิดแง่ลบ
ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่แน่นอน…..