ทริปค้างคืนนั้น ดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่ถูกเรียกว่าค่ายปฐมนิเทศที่จัดขึ้นมาเป็นประจำทุกปี
เดือนมิถุนายนที่นักเรียนใหม่เริ่มคุ้นชินกับโรงเรียนแล้ว โรงเรียนจะเตรียมการอะไรหลายๆอย่างเพื่อเป็นรางวัลหลังจากการสอบกลางภาคจบ
สถานที่ก็เป็นอุทยานธรรมชาติที่ต้องนั่งรถบัสจากโรงเรียนมา2ชม.ที่นัานดูเหมือนจะมีอาคารที่พักที่เอาไว้ใช้นอนค้างคืนได้ด้วย
ถ้าพูดถึงสิ่งที่ต้องทำแล้วล่ะก็ งานหลักคือเน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
อาจารย์ซุซุกิอธิบายให้ฟังว่า สิ่งที่สำคัญคือการให้นักเรียนที่เริ่มรู้จักหน้าตาชื่อแซ่ของเพื่อนร่วมชั้นกันแล้ว ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้สนิทสนมกันมากขึ้น
ทำอาหารกลางแจ้ง แข่งขันนันทนาการ ทดสอบความกล้า แคมป์ไฟ เป็นแผนการที่ถูกจัดเอาไว้
อืーม……โรงเรียนอาจจะคิดว่านักเรียนจะมีความสุขอยู่ก็ได้แต่ว่า มันเป็นทุกข์สำหรับคนแบบผมที่ไม่ค่อยมีเพื่อนและไม่ได้กระตือรือร้นจะหาเพื่อนร่วมโรงเรียนด้วยอย่างมาก
ชิโมสึกิประเภทอินดอร์ก็รู้สึกแบบเดียวกับผม ถึงแม้จะมาถึงวันจริงแล้วก็ตามแต่เธอก็ไม่ได้ทำหน้าสนุกสนานเลย
“อูว…..ห่อเหี่ยวหมดแล้ว…..รู้สึกแย่ขนาดที่ถ้าไม่มีนากายะมะคุงอยู่ด้วย คงเป็นหวัดและนอนหลับอยู่อย่างนั้นไปแล้ว”
นักเรียนมารวมตัวกันที่สนาม ก็หมายความว่าตอนนี้พวกผมอยู่กันด้านนอก
เครื่องแบบก็เป็นเสื้อที่โรงเรียนกำหนดมาให้ ถึงจะเป็นเสื้อสีน้ำเงินธรรมดาๆ แต่ชุดที่ชิโมสึกิใส่นั้นไม่ว่าจะเป็นชุดแบบไหนก็เปล่งประกายได้หมดอย่างน่าประหลาดใจ
เหนือกว่านั้นคือเธอสวมหมวกฟางมาด้วย คงเพราะน่าจะเป็นการป้องกันแดดเผา ถึงจะแปลกใจทำไมเธอถึงเลือกหมวกฟางแทนหมวกแก๊ปทั่วๆไป แต่มันก็เข้ากับเธอดี เพราะงั้นไม่มีปัญหา
วันนี้เองเธอก็น่ารัก ขนาดที่ดูเปร่งประกายขึ้นมาเมื่อเทียบกับผู้หญิงรอบตัวเธอ
“สายตามองมาก็เยอะด้วยสิ……คุยกันเมี๊ยะได้เลย”
จังหวะการพูดเธอเองก็ไปแล้วด้วย พูดน้อยกว่าปกติอีก บางทีคงจะประหม่าล่ะมั้ง ถึงอย่างงั้น ชิโมสึกิที่พูดไม่ได้ก็ยังน่ารักอยู่ล่ะนะ
“ฮ่า……จะว่าไป ที่นั่งรถบัสเรียงตามเลขที่สินะ? หรือก็คือ ฉันต้องนั่งข้างคนนั้นสินะ”
โรงเรียนเราแบ่งเลขที่ตามที่อยู่ของแต่ละคน ไม่ใช่ตามตัวอักษรชื่อ เพราะแบบนั้น ริวซากิกับชิโมสึกิที่อยู่ระแวกเดียวกันจึงได้นั่งข้างกัน
เพราะแบบนั้นถึงจะไม่ชอบอย่างไงก็ช่วยไม่ได้
เธอยิ้มแบบนี้? และพูดออกมา
“อุฟุฟุ จะว่าไปฉันน่ะ เตรียมการบอกไว้แล้วว่าร่างกายไม่ดีชอบเมารถบัสด้วยละนะ…….เพราะอย่างนั้น เพื่อไม่ให้อาเจียนใส่คนข้างๆ จึงจำเป็นต้องย้ายที่นั่งด้วยสินะ อืม เพราะแบบนั้นแหละ เลยจะไปขอร้องอาจารย์ซุซุกิละนะ”
ชิโมสึกิวิ่งจากไป เตรียมการแล้วเนี่ยอะไรกัน…….เพิ่งจะทำตอนนี้ไม่ใช่รึไง คงจะไม่อยากนั่งข้างริวซากิขนาดนั้นแน่ๆ
เป็นเพราะน้ำหนักตัวเธอรึป่าวนะ ก้าวเท้าถึงได้เบาอย่างนั้น……เหมือนกับนางฟ้าที่มีปีกงอกออกมาเลย
…… ไม่สิ นี่เป็นภาพลวงตา
พักนี้ มองเห็นชิโมสึกิน่ารักเป็นพิเศษ ยิ่งรู้จักมากเท่าไร ก็ยิ่งหลงไหลไปกับเสน่ห์ของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ามากกว่านี้อีกนิดล่ะก็รู้สึกว่าคงได้บูชาเธอแน่นอน
ระหว่างคิดเรื่องแบบนั้น ดูเหมือนชิโมสึกิจะขออาจารย์ซุซุกิเพื่อหนีจากริวซากิได้เรียบร้อยแล้ว พอเธอขึ้นนั่งรถบัส ก็นั่งที่นั่งเดี่ยวด้านหน้าสุด
เอาล่ะ แล้วที่นั่งที่ว่างอยู่ใครจะนั่งล่ะ?
พักนี้ พอมองดูฮาเร็มของริวซากิ จะรู้สึกได้ว่าอาสึสะนั้นนำหน้าคนอื่นอยู่1ก้าว…….โอกาสแบบนี้ เธอก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือ
แต่ก่อนอื่น เพราะอาสึสะนั้นอยู่ที่เดียวกับผมจึงมีเลขที่อยู่ติดกัน…….แต่ว่า ที่นั่งรถบัสผมอาจจะได้นั่งคนเดียวก็ได้
ด้วยเหตุนั้น ผมก็คิดว่าคงดีถ้าได้พักผ่อนซักหน่อยแต่ว่า
“อะ โอนี่จัง……ไม่ใช่สิ นากายะมะคุง วันนี้นั่งข้างกันสินะ อะ ถ้าเป็นได้ อาสึสะอยากนั่งข้างหน้าต่างจังน้า”
อาสึสะมานั่งข้างผมอย่าง เหนือความคาดหมาย
ตอนนี้ ที่นั่งข้างริวซากิว่างอยู่แท้ๆเชียว……ถ้าเป็นเธอตอนนี้ล่ะก็คิดว่าจะนั่งก่อนคนอื่นทันทีเลยแท้ๆเชียว แปลกใจมาก
“……ข้างริวซากิ ว่างอยู่นะ?”
คิดว่าบางทีเธออาจจะไม่รู้ตัวรึป่าว แต่อาสึสะไม่มีทางไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับริวซากิหรอกนะ
“รู้แล้วล่ะ แต่ว่า วันนี้ช่างมันเถอะ วันนี้มีอารมณ์อยากจะคุยกับโอนี่จั……อะแฮ่ม นากายะมะคุงนิดหน่อยน่ะ ที่จริงแล้ว อาสึสะน่ะนะ……ครั้งนี้น่ะ ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ไว้แล้วล่ะ”
ผมขยับที่นั่งอยู่ติดหน้าต่าง ขยับออกมาเพื่อให้อาสึสะนั่ง ตัวเองเป็นคนบอกเองว่าไม่ให้แสดงเป็นพี่น้องข้างนอกแท้ๆ……แต่ตอนนี้ เธอมาพูดเอาแต่ใจว่า ‘อยากนั่งข้างหน้าต่าง’แบบนั้น ใช้คำพูดแบบน้องสาวเลย
แต่ถึงอย่างงั้นผมก็รับฟังความเอาแต่ใจของเธอ คงจะเป็นนิสัยเสียของพี่ชายที่ฝังลึกอยู่ในร่างกายล่ะน้า
พอคิดว่าเรื่องนั้นจะอย่างไงก็ช่างเถอะ อาซึสะก็พูดคำที่ชวนเซอร์ไพรส์ออกมา
“อาสึสะน่ะนะ……จะสารภาพรัก กับเรียวมะโอนี่จัง”
“ーーーー!?”
ผมเผลอเบิกตากว้าง และเริ่มเกร็ง
อา ดูเหมือนในที่สุดก็จะถึงเวลา ที่ความสัมพันธ์ของฮาเร็มของริวซากิจะยุ่งเหยิงแล้วสินะ
การสารภาพรักของอาสึสะจะเป็นชนวนระเบิด การปะทะกันของฮาเร็มของริวซากิคงหนักขึ้นแน่นอน
นี่มันก็นั่นแหละ เป็นการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อให้เรื่องราวข้างหน้ามีความเข้มข้นขึ้นอย่างมาก
ไม่ผิดแน่นอนนี่คือ ‘การเกริ่นนำ’ไงล่ะ…….