(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki – ตอนที่ 48

หลังจากการแข่งขันนันทนาการ ก็เป็นการลงอาบน้ำ บาบีคิว เป็นต้นตามตาราง

 

ระหว่างนั้น ถ้ามีโอกาสชิโมสึกิก็จะออกมาหาผม คงอยากจะให้แคร์มากเลยสินะ

 

และริวซากิเองก็มองชิโมสึกิอยู่ตลอดเวลา ผมจะเช็คพฤติกรรมของหมอนั่นเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นละสายตาแม้แต่เสี้ยวเดียว

 

คงจะทุกข์ทรมานและบาดหมางอย่างมากเลยสินะ ผมหวังอยากจะให้เป็นแบบนั้นตลอดไป…..แต่เพราะเป็นพระเอก จึงเป็นไปไม่ได้

 

สักวัน เขาต้องมีการพลิกผันครั้งใหญ่

ผมคอยเฝ้าระวังอยู่ อย่างไม่ลดละ

 

แต่ว่า ช่วงเวลานั้นก็ไม่มาถึงซักที

ตอนนี้เข้าสู่ช่วงกลางคืนแล้ว ตามตารางของวันนี้นั้นเหลือสิ่งที่ต้องทำอีก2อย่าง

 

ก็คือทดสอบความกล้ากับแคมป์ไฟ

เป็นอีเวนท์ที่เหมาะอย่างมากในความคืบหน้าของเนื้อเรื่อง

 

“อุฟุฟุ……นากายะมะคุง ฉันนี่นะไม่ค่อยถูกกับวิญญาณเท่าไร ก็เลยรู้สึกไม่ดีจนต้องหยุดพักเลยล่ะ ให้มาเดินกลางป่ากลางค่ำกลางคืนแบบนี้พวกอาจารย์บ้าหรือป่าวนะ? มะ ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะ? ก็แค่ไม่ค่อยถนัดเฉยๆ”

 

ชิโมสึกิไม่ได้ทดสอบความกล้าอย่างที่พูดมา

 

…..เธอเป็นนางเอกไม่ใช่รึอย่างไง

 

พูดถึงทดสอบความกล้าแล้ว เป็นที่ที่ดีในการแสดงบทบาทนางเอกเลย

พูดว่า เคี๊ยー , น่ากลัวจัง ไปด้วยและกอดพระเอก มีจังหวะลัคกี้สุเคเบะ(โมเม้นถูกเนื้อต้องตัวกันแบบลามก เช่น ล้มทับกัน เป็นต้น)เกิดขึ้น และทำให้ร่างกายและจิตใจได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

 

สำหรับชิโมสึกิที่ออกนอกเส้นทางหลักและมุ่งหน้าสู่นอกเส้นทางนั้น ความคิดแบบนั้นไม่สามารถเอามาใช้ได้ เธอกำลังทำผลงานปั่นป่วนด้วยความอิสระของตัวเอง

 

เพราะแบบนั้น มันจึงเป็นการทดสอบความกล้าที่ไม่มีชิโมสึกิ

 

“ระ เรียวมะโอนี่จัง เอ่อ…..หนูกลัวผี ขออยู่ข้างๆได้ไหม?”

 

“อืม……เข้าใจแล้ว”

 

“ระ เราไม่ได้กลัวซักนิด แต่อย่าห่างกันเด็ดขาดเลยนะ”

 

“อา……นั่นสินะ”

 

“ฟุเอ๋ーー เรียวมะโอนี่จังช่วยด้วย”

 

“……….”

 

แน่นอนว่าฮาเร็มของริวซากิพยายามจะจู๋จี๋กับพระเอก

เพียงแต่ เจ้าตัวที่พูดถึงนั้นใจลอยอยู่ เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจกับอีเวนท์ซักเท่าไร

 

ในหัวคงมีแต่เรื่องของชิโมสึกิเต็มไปหมดแน่นอน

แม้พวกอาสึสะจะทำอะไรไป ปฏิกิริยาโต้ตอบนั้นเบาบางมาก

 

“เรียวมะโอนี่จัง……?”

 

พวกอาสึสะมองริวซากิด้วยสีหน้าเป็นห่วง

สมแล้วสมาชิกฮาเร็มเองก็ สังเกตุถึงความผิดปกติของริวซากิ

 

ดังนั้น ทดสอบความกล้าจึงไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น และจบไปอย่างง่ายๆ

จากนั้นอีกไม่นาน ก็จะได้เวลาของแคมป์ไฟแล้ว…….แต่ก่อนหน้านั้น พระเอกเหมือนจะมีอะไรกับตัวประกอบ เลยมาคุยกับผม

 

ทั้งๆที่ใกล้จะถึงยอดเขาแล้วแท้ๆ…..จริงๆมันควรจะหมดหน้าที่ของตัวประกอบแล้วนะ แต่พระเอกนั้นเหมือนจะมีบางอย่างต้องการจะพูดกับผม

 

“นากายะมะ…..นายน่ะ สนิทกับชิโฮะตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

เป็นตอนที่ทดสอบความกล้าจบ และผู้ดูแลการเข้าค่ายนั้นกำลังจัดเตรียมแคมป์ไฟกันอยู่

เพราะว่าง ก็เลยเหม่อเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ และริวซากิก็เข้ามาคุยกับผม

 

สถานที่ก็ที่อยู่ด้วยกันชิโมสึกิเมื่อตอนกลางวัน ตอนแข่งนันทนาการ เธอนั้นดูจะเก่งเรื่องหาสถานที่ที่ไม่เป็นจุดสนใจ ตรงนี้นั้นเป็นที่ที่ดีเลย

 

นอกจากนี้ ผมนั้นเป็นแค่ตัวตนที่เบาบาง อาจจะแค่บังเอิญมาเจอกันเลยพูดด้วย……จะเป็นแบบนั้นไปได้ไงล่ะ บางทีริวซากิคงออกตามหาผมอยู่

 

“เพิ่งเคยเห็นชิโฮะทำหน้าตาสนุกสนานแบบนั้นเป็นครั้งแรกเลย…….เธอไม่ควรที่จะสนใจคนอื่นแท้ๆ เธอชอบอยู่คนเดียวเป็นประจำเพราะชอบมัน และไม่เข้ามาตีสนิทกับชั้นแท้ๆ……นายใช้วิธีสกปรกแบบไหนกัน?”

 

คงจะจนมุมจริงๆแล้วสินะ

พระเอกกำลังคอตกอยู่

 

“……..”

 

กลับกัน ผมนั้นไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรดี

อยากจะพูดให้เหมือนตัวประกอบกากๆเหมือนทุกทีอยู่หรอก แต่ก็นึกคำพูดขึ้นมาไม่ได้

 

ก็เพราะ ตัวประกอบจะไปยุ่งเหตุการณ์ที่สำคัญแบบนี้ ตามจริงแล้วเป็นไปไม่ได้

 

“เห้ย พูดอะไรซักอย่างสิ……นายสนิทกับเพื่อนสมัยเด็กของชั้นไม่ใช่รึไง? ชิโฮะที่น่ารักคนนั้น ยิ้มให้แค่นายคนเดียวเลยนะ……ภาคภูมิใจ ให้มากกว่านี้หน่อยสิวะ เพื่อนสมัยเด็กแท้ๆแต่กลายเป็นหมาขี้แพ้ หัวเราะเยาะมาเลยเซ่!”

 

ริวซากิระบายอารมณ์ออกมาพร้อมด้อยค่าตัวเอง

ตรงกันข้าม ผมทำได้แค่มองอย่างสติไม่อยู่กับตัว

 

ผมจะยุยงดีรึป่าวนะ

ผมจะทำตัวบ้าๆดีรึป่าวนะ

ผมจะปฏิเสธไปดีรึป่าวนะ

ผมจะเล่นละครไปดีรึป่าวนะ

ผมจะเห็นด้วยไปดีรึปาวนะ

 

ตัวเลือกมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของผม

แต่ว่า ผมก็มองไม่เห็นเส้นทางเลย ผมไม่รู้เลย ว่าคำตอบแบบไหนถึงจะถูกต้อง

 

ตรงนี้ คงเป็นขีดจำกัดของตัวประกอบสินะ

 

ที่ผ่านมาผมพยายามหลอกล่อมาได้ตลอด…..แต่ผมก็ไม่มีพลังในการเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เพราะความต้องการของชิโมสึกิ ทำให้จุดยืนของผมสูงขึ้นมาแค่นั้น

 

ผมไม่สามารถหาหนมางมาสู้กับพระเอกคนนี้ได้เลย

ถ้าผมเลือกอะไรไปนอกเหนือจากนี้ ผมก็จะไม่สามารถเป็นตัวประกอบได้อีกต่อไป

 

ตัวตลกที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นพระเอก ควรละทิ้งทุกอย่างและกลายเป็นตัวประกอบ

 

ทั้งเพื่อนสมัยเด็ก ทั้งน้องสาว ทั้งอดีตเพื่อนสนิท ตอนที่โดนคนที่เคยชอบหักหลัง เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมสำเนียกตัวเองอย่างหนัก

 

‘ผมเป็นตัวประกอบ เพราะงั้นก็ช่วยไม่ได้’

 

ตั้งแต่ตอนนั้นผมเฝ้าบอกกับตัวเองว่าไม่มีทางเป็นพระเอกได้ เพราะเป็นตัวประกอบ

 

“บ้าเอ้ย…..ไม่มีอะไรจะพูดกับหมาขี้แพ้รึไง? ชั้นไม่ได้อยู่ในสายตาแกแล้วรึไงฮะ แม่งเอ้ย……ชั้นที่พอใจกับแค่เพื่อนสมัยเด็กเนี่ย บ้าจริงๆ”

 

ริวซากิกรีดร้องและหายไปในป่า

เขาต่อยต้นไม้ และเดินหายไปทั้งแบบนั้น

 

“…….”

 

สุดท้ายแล้ว ผมก็พูดอะไรไม่ออก

ว่าแล้วเชียว……นากายะมะ โคทาโร่น่ะ เป็นตัวประกอบ

ถ้าสามารถพูดอะไรคืนริวซากิได้ ก็คงเข้าแทรกแซงเนื้อเรื่องได้

 

มีความเป็นไปได้ที่จะออกจากกะลาตัวประกอบ และกลายเป็นอะไรบางอย่าง

แต่ว่า ถ้าเป็นคนที่ทำแบบนั้นได้แล้วล่ะก็ คงไม่มากลายเป็นตัวประกอบแบบนี้หรอก

 

“หมาขี้แพ้ หรอ……พูดได้ดีเลยนะ”

 

ระหว่างที่มองป่าที่ริวซากิหายไป ผมก็นึกคำพูดออกมา

 

“หมาขี้แพ้ มันไม่ใช่นายหรอก…..ผมต่างหาก”

 

ครั้งหนึ่ง เคยคิดว่าตัวเองเป็นพระเอก ผมในตอนนั้นแหละ…….

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง (wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga sukiผมนั้น ก่อนที่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองเป็นตัวประกอบ ไม่สิ ผมคิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า’ตัวเอก’ด้วยซ้ำ แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นมัธยมปลายและได้พบกับหมอนั่น ผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset