ริวซากิ เรียวมะได้จุติขึ้นมาใหม่แล้ว
จุดอ่อนเพียวอย่างเดียวคือความน่าสมเพชแทๆ แต่เมื่อสิ่งนั้นได้หายไปแล้วหมอนั่นแทบจะใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทานเลย
มีใครที่จะสามารถงัดกับหมอนั่นได้ด้วยงั้นเหรอ
ตอนนี้ มีคนเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถยุ่งกับหมอนั่นได้
จะเป็นนางเอกชิโมสึกิ หรือใครสักคนในกลุ่มนางเอกรอง…….ในสถานการณ์นี้นอกเหนือจากที่ว่ามานั้นไม่มีใครที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงมายด์เซ็ตของริวซากิได้อีกแล้ว
เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว
เวทีเดี่ยวของริวซากิ เรียวมะกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วー
“…..เห้ย นากายะมะ ไปไหนมา? ตามหาอยู่นะ”
พอกลับมาลานกว้าง ริวซากิก็มาพูดด้วยเหมือนกับจะบอกว่ารออยู่นะอย่างเดียว
“เมื่อกี้โทษทีนะ เผลอใช้อารมณ์มากไปหน่อย……ให้เห็นจุดที่น่าอับอายไปแล้วสินะ”
ถึงจะถูกขอโทษ ก็ลำบากใจอยู่ดี ผมไม่รู้จะตอบกลับอะไรคืน ก็เลยแค่ยักไหล่และหันไปทางลานกว้าง
แคมป์ไฟดูเหมือนจะเตรียมการเสร็จแล้ว
ไฟขนาดใหญ่ลุกขึ้นมาจากท่อนไม้ที่วางเป็นทรงสี่เหลี่ยม ควันที่ลอยขึ้นมา ทุกพัดให้หายไปพร้อมกับสายลม
ที่คนกำลังจับตาดูที่กองไฟนั้นอยู่
ตามตารางนั้น หลังจากนี้จะมีการแสดงเบาๆอยู่ด้วย
บนเวทีที่ถูกเตรียมที่ลานกว้างจะมีการแสดง ตลก วงดนตรี การเต้น เป็นต้น
ทุกคนคงจะตั้งตารอกันสูงมากเลยสินะ มันเสียงดังมากกว่าทุกที จนแทบอยากจะเอามือปิดหู
ช่างน่าเสียดาย แต่ตอนนี้ไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมาสนุกได้
แต่เดิม ก็ไม่รู้อยู่แล้วจะสนุกกับแคมป์ไฟในเวลาปกติได้หรือป่าวด้วย……อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ อยากจะอยู่คนเดียวและก็นอนหลับ
พอคิดถึงเรื่องอาสึสะ หัวใจก็แทบขาดออกเป็นชิ้นๆ
แต่ว่านั่นน่ะ ยอมให้เป็นไปไม่ได้หรอก ก็เพราะ จากนี้ไปจะเป็นการขึ้นยอดเขาที่แท้จริงแล้วไงล่ะ
“มีธุระ อะไรหรอ?”
ไม่จำเป็นต้องเล่นเป็นตัวละครที่อยู่ต่ำกว่าแล้ว เพราะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับชิโมสึกิแตกไปแล้ว ก็เลยพูดไปโดยไร้ความรู้สึกเหมือนปกติ
“อา มีเรื่องที่อยากจะบอกนายอยู่…..ชั้นจะสารภาพรักกับชิโฮะ ก็เลยคิดว่าจะมาบอกนายเอาไว้ก่อนล่ะนะ”
…..อะไรกัน เรื่องนั้นเองหรอ
เพราะได้แอบฟังมาแล้ว เลยรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว
มาตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจแล้ว ดังนั้นผมจึงพยักหน้าไปโดยไร้สีหน้า
“งั้นเหรอ”
“…..อะไร? คิดว่าจะแสดงรีแอคชั่นออกมามากกว่านี้อีก……..มั่นใจเอาเรื่องเลยไม่ใช่รึไง นายคิดว่าได้ชิโฮะไปแล้วงั้นหรอ? การดวบกันน่ะ มันยังไม่จบซักหน่อย”
ทว่า พระเอกพยายามจะบิดเบือน
ไม่ได้เจตนาร้าย แต่แค่คิดจะขับเคลื่อนเรื่องราวไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
“ก็จริงอยู่ ที่นายอาจจะสนิทกับชิโฮะ ถ้าบอกว่าไม่หึง ก็คงจะไม่ได้ล่ะนะ……แต่ว่า นายน่ะยังไม่ได้สารภาพรักเลยใช่มั้ยล่ะ? ยังไม่ได้คบกันอย่างเป็นทางการเลยใช่มั้ยล่ะ? ถ้าอย่างงั้น ชั้นเองก็ยังมีโอกาสอยู่”
พูดอย่างงั้น ริวซากิก็กำหมัดแน่นเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง
“เป็นเพราะนายเลยทำให้ชั้นรู้สึกตัว ชั้นน่ะพอใจกับการเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กกับชิโฮะแล้วล่ะ ถึงจะไม่ได้เป็นคนรักกัน แต่แค่ได้อยู่ข้างกัน ชั้นก็คิดว่าพอแล้ว แต่ว่านะ ถึงอย่างงั้นก็ไม่ไหวหรอก…..ผู้หญิงที่วิเศษอย่างชิโฮะ ชั้นไม่มีทางปล่อยให้ไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นอยู่แล้ว”
คำพูดของริวซากินี่ยังคงพูดเอาแต่ได้ไม่เปลี่ยนเลยนะ
หมอนี่ที่ไม่เคยนึกถึงชิโมสึกิแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว มองหาแต่ผลลัพธ์ที่จะทำให้แค่ตัวเองรู้สึกดี
“สารภาพรัก พูดจริงๆ…..กลัวนะ ทั้งประหม่าและแทบจะอาเจียน……แต่ว่านะ มีคนที่บอกชอบกับชั้นที่เป็นแบบนี้อยู่ ถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่สามารถสารภาพรักได้แม้แต่ครั้งเดียวล่ะก็ มันเสียมารยาทกับคนคนนั้น……ชั้นจำเป็นต้องเป็นริวซากิ เรียวมะที่ดูเท่ห์”
คำพูดอยู่ฝ่ายเดียวของพระเอกเนี่ย ยังคงเข้าใจยากจนชวนปวดหัวเหมือนเดิม
แต่ว่า มีคำถามอยู่อย่างนึง
“ทำไม ถึงมาบอกผมเรื่องนั้นล่ะ?”
ไม่เข้าใจความหมายเลย
ต้องการอะไรจากตัวประกอบ?
คงไม่ได้คิดจะให้ช่วยดันหลังให้หน่อยใช่มั้ย
ไร้สาระ……ไม่มีทางที่ผมที่จะเชียร์นายอยู่แล้วไม่มช่รึไง
…….เอาเถอะ ริวซากิมันคงไม่ได้พูดมาเพราะจุดประสงค์นั้นอยู่แล้ว
“ก็เพราะ นายเป็นคู่แข่งไงล่ะ นี่น่ะคือการประกาศสงคราม”
ยิ้มอย่างไร้ความกลัว ริวซากิก็หันหลังให้ผม
ดูเหมือนจะพูดอยู่ฝ่ายเดียว จนพอใจแล้วสินะ
“เหนือกว่าที่คิดไว้มากเลยนะ คิดว่าจะแสดงอารมณ์ออกมามากกว่านี้แท้ๆ นากายะมะนี่เป็นคนที่เข้าใจยากจริงๆ….ว่าไงดี น่าเบื่อมาก”
พระเอกที่กำลังลุกโชนนั้น ดูจะประเมินค่าคู่แข่งสูงไปนะ
อย่ามาคาดหวังเอาเองสิ ชั้นน่ะ ไม่เหมือนนายเป็นแค่ตัวประกอบ
ไม่ได้อยู่ในจุดยืนที่จะเข้าไปแทรกแซงเนื้อเรื่องได้
เพราะอย่างงั้น เลยคิดว่าไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเท่าที่เป็นไปได้อยู่หรอก…….แต่พอคิดถึงชิโมสึกิแล้ว ก็พูดแบบนั้นออกมาไม่ได้
หลังจากนี้ เธอจะถูกสารภาพรัก
แถมยังเป็นคำว่า’ชอบ’จากคนที่เธอไม่ถูกที่สุดอีกด้วย
อยากจะช่วยเหลือซักทาง
แต่ว่า เพราะไม่สามารถหยุดริวซากิได้แล้ว…..สุดท้าย เวลาก็ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆระหว่างที่ไม่รู้จะทำอย่างไงดี……..