ซีนที่แย่ที่สุดกำลังปรากฏอยู่ในหัวของผม
สมมติว่าถ้าริวซากิสารภาพรักกับชิโมสึกิในสถานการณ์แบบนี้
สุดท้ายแล้ว เธอนั้นจะพูดคำตอบออกมาจากปากเธอได้หรอ?
“……”
ไม่ ไม่มีทาง
ถ้าเธอเป็นคนที่พูดในที่ที่คนมองอยู่แบบนี้ได้ สถานการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น และก็คงจะปฏิเสธที่จะขึ้นเวทีแน่นอน
แต่ว่า คนที่พูดอะไรไม่ได้แบบเธอนั้น โดยบรรยากาศรอบข้างพาไป จนต้องขึ้นเวที
ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับการสารภาพรักของริวซากิ
สถานที่แห่งนี้นั้น ถูกริวซากิครอบงำไว้หมดทุกอย่างแล้ว
“พยายามเข้า!” “แสดงความเป็นชายออกมาซะ!” “ใส่ให้สุดไปเลย!” “ริวซากิคุงล่ะก็ทำได้แน่!”
ทุกคนต่างเชียร์ เพื่อให้หมอนั่นงัดความกล้าออกมา
เพราะอย่างงั้น ทุกคนจึงไม่รู้ตัว
ชิโมสึกิตอนนี้นั้น กำลังหวาดกลัวขนาดไหน….ทั้งประหม่า ตัวสั่น ไม่รู้กันเลยว่าเธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
ก็เพราะ เป็นผู้หญิงที่ถูกริวซากิเรียวมะสารภาพรักไงล่ะ
ไม่มีทางที่นางเอกที่โชคดีแบบนั้นจะไม่ชอบอยู่แล้ว…..คงคิดกันแบบนั้นสินะ
(แย่ที่สุดเลย…..)
ผมกำหมัดแน่น ถึงเล็บจะจิกเข้าเนื้อจนเจ็บก็เถอะ แต่ก็ขอบคุณเรื่องนั้น ทำให้ตอนนี้ยังคงสงบใจอยู่ได้
คิดสิ ตอนนี้ผมทำอะไรได้บ้าง……ต้องทำอย่างไงดีถึงจะช่วยชิโมสึกิได้
ผู้หญิงที่แสนวิเศษที่คิดกับผมว่าเป็นคนพิเศษแบบเธอ…….ต้องทำอย่างไงผมถึงจะช่วยเธอได้
(ถ้าหาก ริวซากิสารภาพรักล่ะก็……)
ชิโมสึกิ ไม่สามารถปฏิเสธได้
ไม่สิ เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอจะเงียบ ไม่แสดงสีหน้า ทำได้แค่อดทนในสถานการณ์นั้น
พอเป็นแบบนั้น สุดท้ายริวซากิก็จะตีความเข้าข้างตัวเอง
‘ยังตอบออกมาไม่ได้ทันทีหรอ? ถ้าอย่างงั้น ซักวันนึงจะสารภาพอีกครั้งนะ แต่ว่า เรื่องที่ชั้นชอบน่ะ จำเอาไว้ด้วยนะ บางที ถึงอาจจะยังไม่ชอบก็เถอะ……จะพยายามทำให้เธอชอบเอง’
ถ้าให้พูด รู่สึกได้เลยว่าความสัมพันธ์จะต้องมีการพัฒนาต่อในภายหลังแน่
เป็นไปไม่ได้
ไม่มีทางที่ผมจะยอมรับเรื่องแบบนี้หรอก
ก็เพราะชิโมสึกินั้นไม่ถูกกับริวซากิ
จากนี้ไป ต่อให้พยายามแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางชอบริวซากิหรอก
เธอไม่ได้มีความสนใจหมอนั่นเลยแม้แต่น้อย
อืม…เพราะอย่างนั้น เนื้อเรื่องถึงได้เลือกใช้เวทีนี้สินะ
พยายามจะยืดเนื้อเรื่องโดยการให้ปฏิเสธพระเอกไม่ได้ และพระเอกก็จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้
ถ้ายังเป็นแบบนี้ ชิโมสึกิก็ต้องเป็นนางเอกตลอดไป
ถูกริวซากิเข้าหา ได้ความทรงที่ไม่ชอบ ต้องใช้เวลาไปกับทุกวันอย่างเจ็บปวด…..เรื่องแบบนั้น ยอมไม่ได้จริงๆ
ーอยากช่วย
ーถ้าเป็นไปได้ อยากปกป้องเธอ
คิดในใจอย่างแรงกล้า
ชิโมสึกิเป็นผู้มีบุญคุณสำหรับผม
คนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง เอาแต่ปฏิเสธ และสุดท้ายก็จบลงที่การเกลียดตัวเองมากพอที่จะเรียกตัวเองว่า’ตัวประกอบ’แบบผมนั้น เธอรักษาผมด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
เป็นเพราะเธอ ทำให้ทุกวันในช่วงนี้ผมรู้สึกสนุกขึ้นมา
กับผมแบบนี้……พอมีคนยอมรับในตัวผมแล้ว รู้สึกเหมือนได้ถูกช่วยเหลือขึ้นมา
‘อย่าพูดเรื่องน่าเศร้า อย่างตัวประกอบเลยนะ’
ครั้งหนึ่ง เธอเคยพูดแบบนี้เพื่อให่กำลังใจผม
คำๆนั้นให้กำลังใจผมได้ขนาดไหน……ไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้
มั่นใจได้เลยว่า สำหรับชิโมสึกินั้น นากายะมะโคทาโร่ ไม่ใช่ตัวประกอบ
ส่วนหลักฐานนั้นก็…..ตอนนี้เอง สายตาของเธอก็ยังคงยึดติดแน่นอยู่ที่ผม
จากนั้นปากเธอก็ขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“นากายะมะคุง…..ช่วยด้วย”
รู้สึกว่าได้ยินเสียง
ไม่สิ มันแค่เสียงลวงหู ชิโมสึกิอยู่ในสถานการณ์ที่พูดออกมาไม่ได้……แต่ว่า เพียงแค่การขยับปากของเธอผมก็รู้ว่าเธอจะพูดอะไร
ช่วงนี้ ผมอยู่ด้วยกันกับเธอตลอดเวลา
เพียงมองที่ใบหน้าเธอ ก็รู้ได้แล้ว ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
‘ช่วยด้วย’
ทันทีที่สัมผัสได้อย่างนั้นーผมก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ลุกโชนขึ้นในตัวผม
“อา ไว้ใจได้เลย”
พยักหน้า จากนั้นผมก็ขยับร่างกายที่หนักอึ้งของตัวเอง
มันจบแล้วล่ะ…..กับการเป็นตัวประกอบ
ถ้าเพื่อชิโมสึกิล่ะก็ ไม่ว่าอะไรผมก็จะทำ
แค่แยกเขี้ยวใส่พระเอกแค่นี้ ทำได้สบาย
ถ้าเพื่อการนั้น จะเป็นตัวประกอบอยู่แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
“ーอย่ามาพูดบ้าๆหน่อยเลย! บ้าเอ้ย ไอ้สารภาพรักแบบนี้ คิดว่าจะยอมรึไง!?”
เสียงตะโกนดังขึ้น ทำลายบรรยากาศ
แน่นอนต้นตอของเสียงนั้น……ผมเอง
ถึงจะแย่ที่แทรกระหว่างช่วงที่กำลังเข้มข้น…..แต่พระเอกเอ๋ย ขอมายุ่งกับเนื้อเรื่องของนายซักหน่อยแล้วกัน
ริวซากิเรียวมะ ผมไม่ยอมให้นายได้แฮปปี้เอนด์ไปได้หรอก
เนื้อเรื่องน่ะมันก็มีผลลัพธ์ที่เรียกว่าแบดเอนด์อยู่ด้วยนะ รู้รึป่าว?
ริวซากิ ความรู้สึกของนายน่ะผมไม่ให้ไม่มันได้เติมเต็มหรอก
เพื่อการนั้นไม่ใช่’ตัวประกอบ’……..แต่จะขอมาขัดขวางเลิฟคอมเมดี้ของนายในฐานะ’ตัวร้าย’ก็แล้วกัน