“อึก…..นากายะมะคุง ขอโทษนะ คือว่านะ…….คือว่านะ อึก”
ในเวลาเดียวกับที่ผมโอบไหล่ชิโมสึกิอยู่ ราวกับเวลาที่ถูกหยุดได้กลับมาเดินอีกครั้งและเธอก็ได้รับพลังชีวิตคืนมา
เหมือนกับว่าเส้นด้ายแห่งความประหม่าที่เหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้ถูกตัดขาดลง……ชิโมสึกิผ่อนกำลังและปล่อยตัวมาทางผม จากนั้นก็ปล่อยน้ำตาออกมาชุดใหญ่
ผมลูบหลังเธออย่างอ่อนโยน เพื่อทำให้เธอสบายใจ
“ไม่ต้องพูดอะไรออกมาก็ได้นะ นี่ หายใจของลึกๆนะ……ไม่เป็นอะไรหรอก ที่เหลือ เดี๋ยวจัดการให้ทั้งหมดเอง อะนี่ ผ้าเช็ดหน้า น้ำตากับน้ำมูกเลอะหน้าหมดแล้วนะ? ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ…..หลบข้างหลังผมนะ”
ชิโมสึกิจที่ดูเหมือนพยายามจะพูดอะไรออกมา แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีเท่าไร
ผมยื่นผ้าเช็ดหน้า และพูดอย่างอ่อนโยนกับเธอเพื่อให้เธอใจเย็นลง
พอเห็นอาการแบบนั้น รอวซากิก็อยากจะยืนยันอีกครั้งว่าเขาผิดพลาดไป
“ชิโฮะ ขี้อาย? ใจเสาะ? ไม่ไม่ เรื่องแบบนั้น……เป็นไปไม่ได้ไม่ใช่รึไง ก็เพราะชิโฮะน่ะ พูดน้อย ชอบอยู่คนเดียว และก็ไม่สนใจคนอื่น เป็นคนชอบปลีกตัว…..เพราะงั้นชั้นเลยไม่เข้าหา และเธอเกลียดที่จะพูดกับคนอื่นด้วย ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นรึไง……?”
ถึงอย่างงั้น ก็ยังคงยึดติดกับสิ่งที่ตัวเองเข้าใจผิดอยู่ดี
คงจะไม่อยากเชื่อ เพราะมันไม่ทางเป็นแบบนั้นสินะ
แต่ว่า คำพูดนั้นก็ไม่มีน้ำหนักเลย
น้ำตากับท่าทางของชิโมสึกินั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ริวซากิพูดมานั้น’เข้าใจผิด’ทั้งหมด
“…….เรื่องนั้น นายมักจะชอบตีความเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น ชิโมสึกิพูดน้อยหรอ? ชอบอยู่คนเดียวหรอ? ไม่สนใจคนอื่นหรอ? ไม่ใช่แบบนั้นเลยล่ะ……เธอน่ะช่างพูด และก็ยังโหยหาเพื่อนมาตั้งนานด้วย และเธอก็ยังมีสนใจคนอื่นบ้างด้วยล่ะนะ แต่แค่ เธอใจเสาะขี้อาย เลยไม่มีความกล้าที่จะก้าวออกไปแค่นั้นเอง”
ณ ตอนนี้ ไขข้อเข้าใจผิดไปให้หมดก่อน
ปฏิเสธเรื่องที่ตีความเอาเองของริวซากิไปได้ทั้งหมดแล้ว
“ถะ ถ้าอย่างงั้น ทำไมถึงเย็นชากับชั้นล่ะ!? ถ้าสนใจคนอื่นล่ะก็ ถ้าอยากได้เพื่อนล่ะก็ ถ้าอยากพูดคุยล่ะก็ ก็มีชั้นอยู่แท้ๆ! เพื่อนสมัยเด็กที่รู้เรื่องชิโฮะมากกว่าใคร ทำไมชิโฮะถึงไม่ยอมรับล่ะ!?”
ยังคงเถียงมาอย่างไม่มียอมแพ้ รู้สึกว่ายังจะไม่เข้าใจชิโมสึกิอยู่อีกสินะ
พูดไปแค่นี้คงจะไม่เข้าใจสินะ
“…….เรื่องนั้น ของมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
จู่ๆ รอยยิ้มก็ปรากฏออกมา
ผมรู้ตัวเองดี ตัวเองในตอนนี้นั้น คงจะมีรอยยิ้มที่อัปลักษณ์และน่ารังเกียจปรากฏออกมา
แต่ว่า ผมก็ควบคุมมันไม่ได้อีกแล้ว
ผมรู้สึกสนุกมาก เมื่อได้เห็นริวซากิที่เกลียดสุดๆกำลังอยู่ในสภาพสูญเสียตัวตน
สมกับที่เป็นตัวร้ายเลยจริงๆ
บทบาททำลายเนื้อเรื่องเนี่ย อาจจะเหมาะกับผมเอาเรื่องเลย
อยากจะ ทำลายริวซากิมากกว่านี้อีก
ผมพูดออกมาด้วยระดับเสียงที่ทำให้ทุกคนได้ยินชัดๆ
“ชิโมสึกิน่ะ ไม่ถูกกับริวซากิอย่างไงล่ะ……ทำไมถึงยังไม่รู้สึกตัวอีกล่ะ? ทั้งๆที่โดนเย็นชาใส่ขนาดนั้น ตอนพูดก็ตอบกลับสั้นๆ อยู่ใกล้ๆกันเธอก็ทำหน้าเหมือนจะหดหู่ออกมาแบบนั้นแท้ๆ ทำไมยังไม่เข้าใจอีกล่ะ?”
พูดออกไปจนได้
เรื่องที่ชิโมสึกิชิโฮะนั้น ไม่ถูกกับริวซากิเรียวมะ
พระเอกสำหรับนางเอกนั้น เป็นได้แค่คนแปลกหน้าไม่มากไม่น้อยกว่านั้น
ผมปล่อยออกไปตามอารมณ์
ความจริงนั้น กับริวซากิแล้ว……เอาแต่พูดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างเดียวและก็ส่ายหัวเดินถอยหลัง จนหลังไปชนกำแพงเวที
“ระ เรื่องแบบนั้น เป็นเป็นไปไม่ได้……ก็เพราะชั้นน่ะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของชิโฮะและーー”
“ーーแค่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก ไม่ได้หมายความว่าต้องสนิทกันซักหน่อยนิ สำหรับชิโมสึกิ นายน่ะก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่รู้จักมาตั้งแต่เด็กๆเท่านั้นแหละ……เลิกบ้าได้แล้ว ยอมรับความจริงซะที”
มันเหมือนกับการถูกฉีกเป็นชิ้นๆด้วยคมมีดจากคำพูด
โจมตีด้วยอารมณ์ไปฝ่ายเดียว ริวซากิเรียวมะนั้นกำลังเจ็บปวด
สมแล้วที่เป็นพระเอก ได้รับความเจ็บปวดจาก’ความจริง’นั้นจริงๆด้วย
“โกหก…..ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริงง!!”
ตะโกนออกมา พร้อมจ้องผมด้วยสายตาแดงเดือด
แต่ว่า สายตาแบบนั้นก็แค่เพียงเสี้ยวเดียว…..หมอนั่นขณะที่มองผม ก็มองเห็นความจริงไปด้วย คงจะช๊อคน่าดู
ตอนนี้ ด้านหลังผมมีชิโมสึกิที่หดตัวซ่อนอยู่ข้างหลังผม
พอได้เห็นเธอแบบนั้น คงจะเข้าใจได้ทันทีว่าเธอติดผมมากขนาดไหน
“บ้าเอ้ย…..แม่งเอ้ย! ชั้นน่ะ พบกับเธอก่อนนะเฟ้ย!? ชั้นน่ะ เป็นคนแรกที่ชอบเธอแท้ๆ…..ก็ยังมาขโมยชิโฮะไปจากชั้น…..แม่งเอ้ยย”
คำพูดของผู้แพ้ที่น่าสงสาร ดังกึกก้องอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบ
ริวซากิคนนั้น สภาพดูไม่ได้ อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เอาล่ะ เวลาสนุกคนเดียวไว้เท่านี้พอ โทษทีนะ ริวซากิ……เรื่องราวของนายน่ะ จะทำให้มัน’พัง’เดี๋ยวนี้แหละ
ถึงมันจะดูไม่ดีที่เพิ่งจะจุติมาก็เถอะ แต่เพราะนายกลับไปเป็น’ไอ้โง่’อีกครั้งแล้วไงล่ะ…….