ตื่นเช้ามา เช็คว่าไม่มีน้องสาว อาสึสะอยู่
นี่ก็เป็นชีวิตชีวิตประจำวัน จนถึงม.ต้น เธอชอบมุดเข้ามาในที่นอนตอนหลับอยู่เป็นประจำ แต่ก็ผ่านมานานแล้วที่ไม่ได้รับความอบอุ่นจากเธอ
“….วันนี้ก็ค้างคืนงั้นหรอ”
เห็นว่าห้องข้างๆก็ไม่มีเธออยู่ บางทีคงค้างที่บ้านริวซากิละมั้ง จะว่าไป บ้านชิโมสึกิก็อยู่ใกล้ๆบ้าน ริวซากิด้วยสินะ? บางทีเมื่อวาน ตอนไปส่งชิโมสึกิคงได้ผ่านใกล้ๆพวกเธอบ้างแหละ
อืม เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละ
“……..”
เตรียมตัวตอนเช้าอย่างเงียบๆ อาหารเช้าช่วงนี้นั้นก็ไม่ค่อยได้ทาน เพราะจัดเตรียมด้วยตัวเองมันน่ารำคาญ
ในเวลานี้ เลยนึกขอบคุณพ่อแม่ขึ้นมา ทั้งคู่นั้นอยู่ระหว่างท่องเที่ยวต่างประเทศเลยไม่ได้อยู่ที่นี่ บางครั้งเลยอยากจะเจอกันบ้าง
บางทีผมอาจจะกระหายความอบอุ่นจากคนอื่นอยู่ก็ได้
เมื่อก่อน มีคนที่สนิทด้วยกันอยู่ ทั้งอาสึสะน้องสาว ยุซุกิเพื่อนสมัยเด็ก คิราริเพื่อนสนิท….คิดว่าความสัมพันธ์พวกเราดีมาก แต่เหมือนที่คิดจะมีแค่ผม
พอพวกเธอเจอคนที่ชอบ ชีวิตประจำวันผมก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เป็นวัยที่ใฝ่หาความรัก ถึงการหมกมุ่นจะไม่ผิด แต่ที่มากกว่านั้นคือ อีกฝ่ายเป็นพระเอกฮาเร็มอย่างริวซากิ เรียวมะ เลยทำให้ตะหงิดบ้าง
นี่มัน หึง……ไม่เชิงหรอก ถ้าให้พูดก็แค่ความชิงชัง
ตัวประกอบนั้นไม่สามารถหึงอิจฉาได้ จะมีก็แค่แรงอาฆาตจากความน้อยใจเท่านั้น
“ฮ่า…..ไปโรงเรียนดีกว่า….”
ช่วยไม่ได้หรอกที่ต้องมากลุ้มใจคนเดียว
อาจจะเร็วไปหน่อย ผมออกจากบ้าน ขึ้นรถบัสเพื่อมุ่งหน้าไปโรงเรียน
เพียงแต่ วันนี้เป็นวันโชคร้าย
ในตอนที่มาถึงโรงเรียน ก็ได้มาพบเข้ากับริวซากิ กำลังจู๋จี๋กับฮาเร็มอยู่
อยู่ระหว่างประตูโรงเรียนถึงตัวอาคารเรียน
ถูกสายตาคนอื่นจับจ้องอยู่แท้ๆ แต่พวกเธอก็ไม่สนและจู๋จี๋กัน
พอได้เห็นตรงนั้น ผมก็อยากให้เป็นตนเองบ้าง
“ได้มือขวาของเรียวมะโอนี่จังแล้ว~”
“อ๊ะ ขี้โกงค่ะ ถ้างั้นฉันก็มือซ้ายค่ะ!”
“เอ๋~? แล้วเราเอาตรงไหนดีน้า~ ถ้างั้น ขอหลังนะ~”
“เดี๋ยว หนักนะ! แบบนี้ก็เดินไม่ได้สิ!!”
…..แค่มองอย่างเดียวสมองก็เหมือนจะละลาย
ผมเองอยากถูกทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ฝันนั้นคงไม่เป็นจริง พอคิดย้อนกลับมา พวกเธอนั้นไม่ได้แอคทีพแบบนี้กับผมเลย บางทีคงเป็นเพราะชินๆกันแล้ว จึงไม่ได้ถูกคิดว่าเป็นตัวตนพิเศษแต่อย่างใด
ถ้ายังมองแบบนี้ต่อไปเหมือนหัวจะระเบิด ผมเลยเดินก้าวเท้าเร็วไม่สนใจพวกเธอ
ในตอนนั้นผ่านกันใกล้ๆแล้ว แต่เหมือนเธอจะไม่รู้สึกถึงตัวผมเลย…..นั่นมันทำให้เหงามาก
กะแล้วว่าผมกลายเป็นตัวประกอบของพวกเธอไปจริงๆสินะ
เป็นเพียงแค่คนคนนึงในฝูงชน เป็นแค่ส่วนประกอบฉาก จะมีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญ
พอคิดถึงเรื่องนั้นได้ ก็ถูกความว่างเปล่ากลืนกิน
ผมเป็นแค่ขยะที่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้จะมีชีวิตอยู่…..คิดแต่เรื่องลบๆแบบนั้น ในตอนนั้นเอง
มาถึงห้องเรียน และนั่งที่
เหมือนกับว่ากำลังรอวลานี้มาถึง นักเรียนสาวคนหนึ่งเดินมา
“…….!!”
เส้นผมขาวอันโปร่งใสสะบัดไปมา มีอนุภาคเล็กๆกระจายไปทั่ว เหมือนภาพภาพวาดที่ค่อยๆถูกวาดอย่างปราณีต…..เธอนั้นสวยงามซะคิดว่าเป็นภาพลวงตา
“อรุ… อรุ…”
เพียงแต่ บรรยากาศของเธอดูแปลกๆไป
เมื่อวานพูดเยอะขนาดนั้นแท้ๆ วันนี้ดูไม่ค่อยรัวลิ้นเหมือนเมื่อวานเลย
“อะ อรุณสวัสดิ์ เป็นอะไร?”
ส่งเสียงเรียกชิโมสึกิที่เดินมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่น่ารัก
เธอมองซ้ายมองขวาไปมารอบๆ และก็เอาหน้ามาใกล้หูผม
เพราะเธอเอาหน้ามาใกล้ เลยพยายามจะถอยโดยไม่ทันคิด
แต่ว่าเพราะนั่งเก้าอี้อยู่ เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากเอนไปข้างหลังอย่างเดียว แต่เธอก็ไม่สนใจและเข้ามาใกล้
จากนั้นเธอก็กระซิบข้างหูมาเบาๆ
“ตะ ต่อหน้าคนอื่นแล้ว มันประหม่าจนพูดไม่ออกน่ะ มะ ไม่ใช่ว่าอายหรอกนะ ก็แค่ระแวงรอบๆนิดหน่อยเฉยๆ? ชาติก่อนฉันต้องเป็นสัตว์ที่มีสัญชาติในการถูกล่าแน่ๆเลย”
ลมหายใจชื้นๆของเธอ มาถึงหูของผม
ทั้งจั๊กจี้ และเธอก็ยังพูดอะไรน่าสนใจออกมาอีกด้วย ทำให้ผมหลุดขำออกมา
“งี้นี่เอง ชิโมสึกินี่ ขี้อายสินะ”
เข้าใจแล้ว เพราะอย่างงั้นเลยพูดเสียงเบาๆ และก็มีบรรยากาศแปลกๆ
เอาเถอะ เธอคงไม่มีทางยอมรับอย่างแน่นอน เธอสะบัดหัวไปมา เพราะคงไม่อยากเป็นคนขี้อายสินะ
“มะ ไม่ใช่เนี้ย!”
แต่ว่าเพราะเธอสื่อสารไม่เก่ง เลยไม่สามารภโน้มน้าวได้
ชิโฮะจังที่ชอบพูดคนนั้น ดูเหมือนจะเป็นคนขี้อายแบบสุด…..