สมองที่ถูกทำลายไปเมื่อเช้า ค่อยๆได้รับการฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
หัวใจที่เจ็บมากๆนั้น ต้องขอบคุณชิโมสึกิ พอได้คุยกับเธอแล้วทำให้ดีขึ้น
จริงสิ….จะว่าไปเมื่อวาน ผมเป็นเพื่อนกับเธอแล้ว
ไม่ใช่ว่าลืมไปแล้ว แต่แค่ในหัวมีแต่เรื่องของพวกอาสึสะ เอาออกจากหัวไม่ได้เลย
เพราะเอาแต่คิดเรื่องแย่ๆ ทำให้คิดบวกไม่ได้เลย คิดว่าเป็นแบบนั้นจนถึงเมื่อกี้นั่นแหละ
“มะ ไม่ได้ขี้อายนะ อย่างนั้นมันเหมือน อุจิเบงเคเลยสิ…..นะ แน่นอนว่าอยู่กับครอบครัวก็ไม่ประหม่านะ ตอนอยู่กับนากายะมะคุง2คน ก็สบายๆด้วยนะ…..แต่ ไม่ชินกับการถูกคนอื่นมองน่ะ”
(ผู้แปล : อุจิเบงเค ไม่รู้จะแปลไทยไงดี อธิบายเปรียบเทียบง่ายๆละกัน อารมณ์เหมือน คนที่เก่งในบ้าน แต่นอกบ้านไร้น้ำยา ไรทำนองนี้ครับ)
ถึงจะแย้งมาก็เถอะ แต่เธอพูดอยู่ข้างหูผม ถึงจะรู้สึกผิดที่พยายามอย่างหนักก็เถอะ แต่ไม่ว่าเธอจะยกอะไรมาพูด ก็เห็นแค่ว่าขี้อายแหละ
เหมือนอุจิเบงเค จะว่าไป….ไม่แน่คิดว่าอุจิเบงเคนั้นแหละ
อีกอย่าง ถ้าอิงจากบทสนทนาเมื่อวาน สัมผัสเธอเยี่ยมใช้ได้เลย หูดี สินะ? นั่นก็น่าจะมีส่วนด้วย เธอคงจะกังวลระแวงของคนอื่นอยู่ก็ได้
และระหว่างที่กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่เอง
ก๊วนริวซากิที่กำลังจู๋จี๋กันอยู่ด้านนอก มาถึงห้องเรียนกันแล้ว
“นะ หน้าอกมันโดนตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”
“ไม่ได้เผลอไปโดนซักหน่อย ตั้งใจให้โดนต่างหาก~”
“อืม หน้าอกเล็กๆของอาสึสะก็คงรู้สึกเหมือนไม่โดนนั่นแหละนะคะ ของฉันใหญ่กว่าอีกค่ะ”
“ไม่ใช่แค่ขนาดนะที่สำคัญ รูปทรงก็สำคัญ~♪”
กำลังคุยบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย…….เสียงดังออกมา ทำให้ทุกคนในห้องต่างมองไปที่ริวซากิ แต่ว่าพวกเธอก็ไม่สนใจรอบข้างและจู๋จี๋กันต่อ
“นี่ เรียวมะโอนี่จัง บอกหน่อยสิ ใครดีที่สุด?”
“คะ ใครนี่มัน……เรื่องแบบนั้น จะตัดสินได้ー”
ในเวลานั้นเอง
สายตาของริวซากิจ้องมาทางนี้ บางทีหมอนั่นน่าจะกำลังมองหาชิโมสึกิอยู่ เพราะในสายตาของเขามีแต่ชิโมสึกิ
จากนั้น ริวซากิก็เห็นเข้า
ร่างของเพื่อนสมัยเด็กอย่างชิโมสึกิ ชิโฮะที่นำใบหน้าของเธอมาอยู่ข้างหูของผม
“!?”
ยังคุยกับพวกอาสึสะไม่เสร็จแท้ๆ แต่หมอนั่นก็มาทางนี้อย่างรวดเร็ว
สายตานั้น มองผมอย่างหนักแน่น มองทางนี้อย่างเป็นศัตรูอย่างชัดเจนจนทำให้รู้สึกลำบากใจ
“อะ โอ้ย ชิโฮะ? เกิดอะไรขึ้น? เธอที่ปกติจะนอนตลอดลุกมาแบบนี้หายากจังนะ ถ้ามีอะไรล่ะก็ ให้ช่วยได้นะ”
เหมือนจะรีบร้อน เหมือนจะโกรธ เหมือนจะรนราน
ริวซากิที่ปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นออกมาตอนพูด กับอีกฝั่ง ชิโมสึกินั้น…..ในพริบตา สีสันในสีหน้าของเธอหายไปหมด
ดูเหมือน เธอจะไม่ชอบริวซากิสุดๆจริง
แค่มาพูดด้วยแค่นั้น ใบหน้าที่น่ารักของเธอเมื่อกี้ กลายเป็นใบหน้าที่เย็นชาไปแล้ว
“…….เปล่านิ”
ตอบกลับคำเดียว เธอก็เดินไปอีกฝั่ง
เธอกลับไปเป็น ชิโมสึกิที่เย็นยะเยือกเหมือนสายน้ำแบบที่ผมเห็นประจำ
แต่ว่า คนหัวทึบอย่างริวซากินั้น แค่ความรู้สึกของชิโมสึกิยังไม่เข้าใจ
ชอบทำเป็นดึงดันเหมือนกับหวังดีอยู่ฝ่ายเดียว
“มะ ไม่มีทางที่จะไม่มีหรอกนะ? มันแปลกไม่ใช่รึไงที่ชิโฮะจะคุยกับคนไม่รู้จัก…..นี่ ถ้าลำบากน่ะพึ่งพาคนที่รู้จักกันจะดีกว่านะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
ริวซากิพยายามจะจับไหล่ของชิโมสึกิ
แต่ว่า เธอปฏิเสธและขยับหนี
นั่นมันเหมือนกับมาหลบที่ด้านหลังผมแทนเลย
พอทำแบบนั้น ทำให้ผมต้องมาเผชิญหน้ากับริวซากิโดยธรรมชาติ
“เอ่อ….? โทษทีนะ? เหมือนเพื่อนสมัยเด็กจะสร้างความลำบากใจให้”
ตรงนั้นริวซากิ่มองผมพร้อมกับเอียงหัว
“ทะ โทษที……พอดีจำชื่อคนไม่ค่อยเก่งน่ะ เอ่อ ถ้าไม่เป็นอะไร ช่วยบอกชื่อหน่อยได้มั้ย?”
ใบหน้านั่น เหมือนกับจะบอกว่า ‘ในห้องเรามีคนแบบนี้ด้วยหรอ’
ด้วยท่าทางแบบนั้น ทำให้ในใจผมเริ่มขุ่นหมองไปด้วยความดำมืด……ผมได้ถูกเจ้าภาพมายานั่นเล่นงาน….