“อืม เยี่ยมเลย โคทาโร่ ไม่เลวใช้ได้เลยนะ เป็นคนคิดอะไรกว้างขวางดี อาจจะเป็นคนของฝั่งนี้ก็ได้นะ”
ทั้งที่คุยกันไปแค่นิดเดียวแท้ๆ
แต่ว่าเพียงแค่นั้น แมรี่ซังก็ทำเหมือนรู้อะไรทุกอย่างเกี่ยวกับผมไปหมดแล้ว
“สนใจมาตลอดเลยนะ ก็เป็นคนที่เรียวมะเกลียดมากขนาดนั้น……เป็นคนที่สามารถโดนคนที่น่าสงสารที่สมองทื่อเรื่องความรู้สึกของคนอื่นเกลียดได้นั่นแหละนะ”
“นะ……!”
แถมแมรี่ซังยังรู้ตัวตนของริวซากิอีกด้วย
ทั้งๆที่ตอนอยู่โรงเรียนไม่เคยแสดงอะไรแบบนั้นออกมาเลยแท้ๆ
เหมือนกับในฮาเร็ม เช่นคิราริกับยุซุกิ แมรี่ซังเองก็เข้าหาริวซากิเหมือนกัน
ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของ1ในนางเอก ที่หลงไหลพระเอกอย่างริวซากิ เรียวมะและก็เล่นตามบทบาทของตัวเอง
แต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น
เธอหัวเราะเยาะเหมือนกับดูถูกริวซากิอยู่……กับตัวตนที่โรงเรียนแล้ว อย่างกับคนละคน
“นั่นไงล่ะ ไหนๆก็มีโอกาสทั้งที ช่วยเล่าเกี่ยวกับโคทาโร่หน่อยสิ? ความเชื่อของนาย แนวคิด วิธีคิด ปรัชญา ความคิดที่ยึดมั่น ช่วยบอกทุกอย่างหน่อยสิ? และก็ ช่วยสนองความกระหายความรู้ของฉันหน่อยได้ไหม? ไม่อย่างนั้น ฉันอาจจะอดทนไม่ไหวก็ได้นะ อาจจะเผลอไปจี้จิตใจริษยาของเรียวมะก็ได้นะ”
“……นั่นมัน หมายถึงตั้งใจจะคุยกับผมให้ริวซากิเห็นงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ? อย่างเช่น……เข้าไปกอดต่อหน้าของเรียวมะก็ไม่เลวเหมือนกัน? ถ้าทำแบบนั้น เรียวมะคงไม่สบายใจแน่นอนเลยเน้อ อาจจะพูดออกมาว่า’แย่งคนที่ชั้นชอบไปอีกแล้ว’ก็ได้นะ?”
ーอา บ้าเอ้ย
เธอดูจะรู้เรื่องของผม มากกว่าที่ผมคิดไว้จริงๆด้วย
เรื่องตอนเข้าค่ายก็ด้วย ผมไม่รู้นะว่าเธอใช้วิธีไหน แต่เธอก็รู้มัน
“มนุษย์…..ไม่ว่าใครก็มีเครือข่ายทั้งนั้น มีโครงสร้างกระบวนการกันทั้งนั้น และก็มีความสัมพันธ์ของมนุษย์เกิดขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน ยิ่งรู้จักสิ่งเหล่านั้นมากเท่าไร ก็จะยิ่งเข้าใจเหตุและผลของการกระทำมากขึ้น ถ้าเล่ามันออกมาไปทางวรรณกรรมหน่อยๆ คงเป็น’เรื่องราว’ล่ะมั้ง?”
“เรื่องราว…….”
“อืม สตอรี่ไงล่ะ พอฉันย้ายโรงเรียนมา ก็ตรวจสอบเพื่อนร่วมชั้นหมดเลย ฉันไม่ชอบชีวิตในโรงเรียนที่น่าเบื่อ ก็เลยหาปัจจัยอะไรที่น่าสนใจ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ……เรียวมะกับโคทาโร่ไงล่ะ”
จากนั้นแมรี่ซังก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มนั้นตรงกันข้ามกับรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาและน่ารักของชิโฮะโดยสิ้นเชิง เป็นลอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและดูเจ้าเล่ห์
“ฉันอยากบิดเบือนเรื่องราวของพวกนาย2คน”
จากนั้น เธอก็เข้าหาผมเหมือนกำลังจะคร่อมผม
เมื่อเธอเข้ามาทิ้งน้ำหนักลง ในตอนที่ผมรู้สึกถึงความนุ่มของร่างกายของแม่รี่ซัง………ผมก็รู้สึกรังเกียจทันที
“อุก!”
ผมพยายามจะเลี่ยงแมรี่ซัง และรักษาระยะห่างอีกครั้ง
แต่ว่า ผมก็ถูกต้อนมาจนถึงกำแพง แบะก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
เพราะอย่างงั้น ผมจึงหนีจากรอยยิ้มของแมรี่ซังไม่ได้เช่นกัน
“เพราะอย่างนั้นแหละนะ…….มาคุยกันมากกว่านี้กันเถอะ? เล่าเรื่องของโคทาโร่ให้ฟังหน่อย? ถ้าไม่รู้เรื่องราวของนายให้มากกว่านี้ ฉันก็ไม่สนุกไงล่ะ”
…..อย่างงี้นี่เอง เข้าใจแล้ว
เพิ่งจะเข้าใจตอนนี้เลย แมรี่ซังน่ะ ไม่ใช่แค่ตัวละครใหม่
เธออยู่ในตำแหน่งนักบดขยี้เรื่องราวที่เจ้าเล่ห์จริงๆด้วย นั่นก็เหมือนกับที่ผมเคยเดาไว้……แต่ว่า ที่เหนือคาดคือ เธอคิดจะบิดเบือนมันด้วย
คนแบบนี้คงจัดอยู่ในพวก’สุขนิยม’ละมั้ง
ขอแค่ตัวเองสนุก คนอื่นจะเป็นอะไรอย่างไงก็ไม่สน……ความเป็นมนุษย์ที่บิดเบี้ยวแบบนั้น ทำเอาผมเสียวสันหลังเลย…….