แมรี่ซังเล่าต่อ
“อืมอืม มองเห็นสถานการณ์แล้วล่ะ เอาเป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพระเอกคุงโดนตัวประกอบที่ตัวเองดูถูกเอาคืนกันเถอะ”
เธอเป็นพวกสุขนิยมที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อความสนุก
เนื้อเรื่องที่เธอปรารถนานั้น เห็นได้แต่ความบิดเบี้ยวเท่านั้น
“พระเอกคุงที่ได้ดิบได้ดีทุกอย่างถูกผู้หญิงหลายหลงรัก หรือก็คือฮาเร็มเลิฟคอมเมดี้ละเนอะ และแล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจที่จะรักผู้หญิงคนเดียว”
……ผมคิดว่า โครงเรื่องมันดูไม่น่าสนใจเท่าไร เพราะมันเหมือนเดจาวู
เอาเถอะ ก่อนอื่นก็ฟังให้จบก่อนดีกว่า
“อา มันธรรมดาไปหรอ? อยากจะให้ออกนอกกรอบกว่านี้? แต่ว่า พระเอกที่มีบรรทัดฐานแบบนี้ มันค่อนข้างเล่นด้วยยากละนะ แค่ตอนเริ่มเรื่องจำเจยอมๆหน่อยเถอะ”
“……ไม่สิ ผมก็ไม่ได้คิดจะบ่นอะไรอยู่แล้ว”
ก็ยังคงเป็นการพูดอ้อมๆเหมือนเดิม
มีน้ำเสียงของตอนอธิบายที่ทำให้อีกฝ่ายนั้นดูโง่ นั่นคงเป็นวิธีพูดของแมรี่ซัง ผมเตือนตัวเองให้ฟังต่ออย่างระวัง จะได้ไม่งง
“ในกรณีที่จะรักคนเดียว ก็คงต้องทำให้ปฏิเสธนางเอกรองคนอื่นๆ แต่ว่า การเอาความรู้สึกของผู้หญิงคนอื่นมาใช้ และทำให้ใจของพระเอกคุงถูกผูกติดกับนางเอกーーเรื่องราวที่สวยหรูแบบนั้น ฉันไม่ชอบหรอก”
…..อา งั้นสินะ
แมรี่ซังที่บิดเบี้ยวนั้น คงไม่สนุกแค่กับอะไรที่ดูพื้นฐานอยู่ในกรอบหรอก
“แต่ว่า นางเอกที่ทำให้พระเอกคุงใจละลายนั้น ที่จริงแล้วกับมีคนที่ชอบอยู่ คนคนนั้น ก็ดันเป็นตัวประกอบ ถูกตัวประกอบที่ตัวเองดูถูกแย่งคนที่รักไป พระเอกคุงก็จะคร่ำครวญพร้อมจบเนื้อเรื่องーーก็ยังคงเร็วไปสินะ”
“……เร็วไป?”
เพราะคำนั้น ทำให้ผมเผลอถามออกไป
เป็นเนื้อเรื่องที่เป็นเหมือนเดจาวู แต่ว่าเรื่องราวต่อจากนั้นผมไม่รู้เลย
“อา เร็วไปสิ ถ้าจบไปแบบนั้นมันก็เหมือนกับครั้งที่แล้วสิ? เอามาใช้ซ้ำแบบนั้น มันน่าเบื่อนะ”
อะไรกัน…..ก็คิดว่าเธอดูเหมือนรู้โครงสร้างเรื่องราวมาก่อน เหมือนจะเป็นเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้วจริงๆ
เธอนั้นรู้ทุกเรื่อง เพราะอย่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนเข้าค่ายเธอก็คงรู้แล้วเช่นกัน
“แบบนั้น มันยังไม่ใช่’สมน้ำหน้า’แบบที่ฉันหวัง จำเป็นต้องทำให้พระเอกคุงตกต่ำๆยิ่งกว่านี้ และตัวประกอบก็จะต้องมีความสุขน่ะนะ”
“ด้วยวิธีแบบไหน?”
“นั่นสิน้า…..ถ้าสลับตำแหน่งกัน จะเห็นความต่างได้ชัดเจนขึ้นรึป่าวนะ? อย่างเช่น ไม่ใช่แค่นางเอกคนเดียว แต่ทำให้นางเอกรองที่โดนพระเอกคุงปฏิเสธมาชอบด้วย ทำนองนั้นนะ? ไม่สิ ยังไม่พอหรอกน้า ครั้งนี้กลับกันไปเลย ให้ตัวประกอบเป็นพระเอกฮาเร็มไปเลย ก็ไม่แย่เนอะ”
แมรี่ซังดูจะชอบเนื้อเรื่องทำนองนั้นจริงๆ
ที่ผ่านมา เธอพูดมาเหมือนสวมบทพูดอะไรซักอย่าง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเธอกำลังพูดออกมาจากใจจริง
“ถูกแย่งชิงสิ่งที่ควรเป็นของตัวเองไป ในที่สุดผู้ชายที่เคยเป็นพระเอกฮาเร็มก็รู้สึกตัว ว่าตัวเองทำเรื่องโหดร้ายไว้กับพวกนางเอกขนาดไหน ถูกรักมากขนาดไหน อยากสมหวังมากขนาดไหน……อืม เยี่ยม! จากนั้นระหว่างตัวเองรู้สึกผิด ก็จะใช้ชีวิตอยู่แบบโดดเดี่ยวตลอดชีวิต ฉันอยากจะเห็นพระเอกคุงที่โดนเล่นแบบนั้นจังเลย……นิฮิฮิ อา ทนไม่ไหวแล้ว! อืมอืม แบบนี้แหละเยี่ยม ฉันน่ะเป็น’ครีเอเตอร์’ที่เยี่ยมยอดเลยไม่ใช่รึไง”
……ก็ถ้าหากว่าถ้ามันเป็นเรื่องแต่งขึ้นก็อาจจะน่าสนใจอยู่ก็เถอะ
แต่ว่า การที่พยายามจะทำให้มันเกิดขึ้นในชีวิตจริง มันน่าขนลุกจริงๆนั่นแหละ
“นักแสดง ก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วนะ? พระเอกคุงก็แน่นอนว่าเรียวมะ ตัวประกอบก็โคทาโร่ นางเอกก็……ถึงจะดูเกินไป แต่ฉันจะเล่นเองละกัน นางเอกรองที่ถูกปฏิเสธก็ ถ้าเป็นยุซุกิ………ความตั้งใจดูอ่อนด้อยเกินไป คิราริคงดีกว่าสินะ”
“…..นักแสดง หรอ ก็เป็นเนื้อเรื่องที่ผมพอมีความทรงจำอยู่บ้าง แต่จะให้ผมเล่นแบบเดิมงั้นหรอ?”
ดูเหมือนแมรี่ซังจะใช้เนื้อเรื่องแบบเดิม และให้ทำซ้ำอีกครั้งไปก่อน
“อืม แต่ว่า เพราะเลิฟคอมเมดี้มันมีแค่ว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะแบบนั้นมันจะซ้ำแบบเดิมก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ…….เอาเถอะ ฉันน่ะไม่ค่อยจะสนใจเรื่องวิธีการอยู่แล้ว ส่วนที่พระเอกคุงตกต่ำนั้นคือ’สิ่งที่ต้องการ’ล่ะนะ”
สุดท้าย แมรี่ซังก็เหมือนแค่อยากจะเห็นริวซากิตกต่ำเท่านั้น
“กลุ้มใจรึป่าวนะ? ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันเป็นครีเอเตอร์ที่เก่งมาก และก็เป็นนักแสดงที่สมบูรณ์แบบด้วย ก็เพราะ ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้เลยไงล่ะ”
ที่ผ่านมาไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้เลย
ถึงจะดูเป็นคำอวดอ้าง แต่นั่นก็เชื่อถือได้ เพราะเธอเป็น’นางเอกที่สมบูรณ์แบบ’ละนะ
“……ครีเอเตอร์ เหรอ”
ผมเกือบจะหัวเราะ พอเห็นเธอเรียกตัวเองแบบนั้น
ถึงเธอจะยังไม่รู้ตัว…..อืม ผมไม่ได้มองว่าเธอเป็นครีเอเตอร์เลยจริงๆนั่นแหละ
ก็เพราะ แมรี่ซังน่ะก็แค่’นางเอกรอง’อีกคนนึงอย่างไงล่ะ
ดังนั้น พอเธอบอกว่าตัวเองเป็นครีเอเตอร์แล้ว มันก็เป็นได้แค่เรื่องตลกสำหรับผม…….