ปี1ห้อง2ที่ผมกับชิโฮะอยู่นั้น ได้ตกลงทำ’โรงละคร’กัน
“โรงละครสุดยอดเลยเนอะ~♪ เวลาก็ยังเหลือด้วยสิ มาคิดเรื่องที่จะแสดง นักแสดงและก็บทละครกันดีไหมจ๊ะ~?”
อาจารย์ซุซุกิก็ดูมีไฟเหมือนกัน จากคำพูดนั้น นิโอซังที่รับหน้าที่ดูแลอยู่ก็ผงกหัวให้แบบไร้สีหน้า
“นั่นสินะคะ ถ้าอย่างงั้น จะเอาอย่างไงกันดีคะ? ถ้าเรื่องดังๆก็ ‘โรมิโอกับจูเลียต’ ‘เงือกน้อย’ ‘ลูกหมูสามตัว’ ‘หนูน้อยหมวกแดง’และอื่นๆอีกสินะคะ ฉากแย่ๆก็ทำให้เป็นตลกไปได้ด้วยสิ กลับกันทำแบบนั้นจะน่าสนใจขึ้นมานะคะ”
…..หืม?
นิโอซังหรือว่าจะพวกเรื่องราวนี่อย่างงั้นหรอ
เธอพูดได้อย่างนุ่มนวลและคล่องแคล่วอีกด้วย
“แต่ว่า ที่อยากแนะนำเป็นพิเศษคงเป็น’ซินเดอเรลล่า’สินะคะ ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แสนวิเศษที่พูดได้เลยว่าเป็นเรื่องที่งดงามมากที่สุดในโลกเลยค่ะ…..ถะ ถึงมันจะเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว”
บางทีหลังจากพูดจบเธอคงรู้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นคนพูดคล่องไปเลยละมั้ง เลยทำให้นิโอซังหน้าแดง
“ขอโทษด้วยค่ะ ตื่นเต้นมากไปหน่อย ถ้าอย่างงั้น ก็ลองช่วยกันคิดดูนะคะ ลองหาลือกับคนรอบๆดูก็ได้ค่ะ ฉันขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะคะ”
นิโอซังน่าจะหนีออกจากห้องไปเพราะความเขินอาย หลังจากมองเธอออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพื่อนร่วมชั้นต่างพากันปรึกษาเรื่องที่จะแสดง
“สึย้าา……มุกุ? ฟุเอ๋? หม่าม้า…….เมื่อกี้ทำอะไรน่ะ?”
จากนั้น ชิโฮะที่เงียบๆจนถึงเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนจะนอนหลับอยู่ เธอคงตื่นขึ้นมาเพราะรอบๆเริ่มส่งเสียงสินะ
“ผมไม่หม่าม้าหรอกนะ”
“เอ๊ะ? อะ ไม่ใช่…..”
พักนี้ ชิโฮะเริ่มจะพูดในห้องขึ้นมาแค่นิดหน่อยได้แล้ว ถึงจะยังเสียงเบาเหมือนเดิม แต่ก็กลายเป็นระดับเสียงที่คนอยู่ข้างๆนั้นจะได้ยินชัดเจนเลย
เธอก็ยังคงแลกเปลี่ยนไดอารี่อยู่เรื่อยๆ……แต่ขอบคุณสิ่งนั้นแหละ ทำให้เกรดผมเริ่มจะร่วงแล้ว ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะหยุดละน้า
“อะแฮ่ม โคทาโร่คุง เมื่อกี้กำลังทำอะไรอยู่หรอ? พอกินข้าวกลางวันแล้วมันก็ง่วงจนเผลอหลับไป เพราะงั้นเลยไม่รู้อะไรเลย”
พอกินข้าวแล้วง่วงก็เลยนอนเนี่ย อย่างกับเด็กน้อยเลยน้า
ถึงผมจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงสะเพร่าและก็มีช่องโหว่ก็เถอะนะ แต่พักนี้เธอดูบ๊องขึ้นเป็นพิเศษเลย ไม่แน่บางที เธอคงจะสบายใจที่แม้แต่โรงเรียนก็ยังมีผมอยู่ข้างๆ
นั่นก็ทำให้ผมดีใจนะ แต่งีบหลับนี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
“อย่าเอาแต่เล่นเกมตอนดึกสิ ต้องนอนให้พอด้วยนะ?”
“ยะ อย่าพูดเหมือนหม่าม๊าสิ ยิ่งกว่านั้น กำลังทำอะไรช่วยบอกหน่อยสิ? ทำไมพวกนิทานถึงเขียนอยู่บนกระดานดำล่ะ? ฉันชอบลูกหมูสามตัวมากที่สุดเลยนะ? ลูกหมูจะถูกกินเนี่ยน่าสนใจมากเลยล่ะ”
เธอสนใจตรงส่วนนั้นเนี่ย ค่อนข้างดาร์คเอาเรื่องเลยนะ
“นั่นไง เดือนหน้าก็จะมีงานโรงเรียนใช่มั้ยล่ะ? ในตอนนั้น ห้องเรียนของเราจะทำโรงละครกัน ตอนนี้ก็เลยคิดเรื่องที่จะแสดงกันอยู่”
“โรงละคร! วิเศษไปเลย♪ ถ้างั้น อยากเห็นโคทาโร่คุงก็รับบทเป็นหมูคนพี่สุด และถูกกินคนแรกจังเลย อุฟุฟุ อยากเห็นโคทาโร่คุงตอนแตกตื่นเพราะบ้านถูกพลัดกระเด็นไปจังเลยนะ”
“……ผมไม่คิดจะเป็นนักแสดงหรอกนะ”
“เอ๋ー? อยากดูแท้ๆ”
ระหว่างที่กำลังคุยอยู่นั้น นิโอซังก็กลับมา
ใบหน้าแดงเมื่อกี้นั้น กลับมาเป็นไร้สีหน้าเหมือนเดิมแล้ว
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ ฉันคิดว่าได้เวลาหยุดปรึกษากันแล้ว ช่วยเงียบกันด้วยค่ะ ถ้าเช่นนั้น มีใครอยากเสนอเรื่องอะไรนอกจากนี้ไหมคะ?”
ในตอนนั้น ก็มีคนยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วอีกแล้ว……อย่างที่คิด แมรี่ซังจริงๆด้วย
“ค่า! ฉันอยากเล่น’โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’!”
ーพอได้ยินชื่อเรื่อง ผมก็แทบจะร้องออกมา
เรื่องนั้น จะว่าไงดี……ดูจะเป็นเรื่องที่แมรี่ซังเหมือนจะชอบ
ที่ผมรู้ก็มีแค่ฉบับของดิสนีย์เท่านั้น บางทีมันอาจจะแตกต่างจากเนื้อเรื่องของจริงอยู่ก็ได้ล่ะนะ…….ไม่สิ ผมคิดว่าที่แมรี่อยากจะทำก็คืออันที่โด่งดังนั่นแหละ
“นั่นมัน ฮุมุ…..เยี่ยมเลยนะคะ เป็นเรื่องที่มาจากฝรั่งเศส และก็มีแบบอนิเมะโรงสำหรับเด็กด้วย ทุกคนก็คงน่าจะรู้กันคร่าวๆอยู่แล้ว”
นิโอซังก็ดูจะเห็นด้วย
จากนั้น คำพูดของแมรี่ซัง มีอิทธิพลอย่างมาก เพราะแบบนั้น ทุกคนเลยเห็นดีเห็นงามกับเธอด้วย
(จะว่าไป เจ้าชายที่กลายเป็นอสูรและก็นายพรานรูปหล่อแย่งชิงสาวงามคนนึงสินะ…….)
เอาเถอะ อย่างไงผมก็ควรจะได้อยู่หลังฉากอยู่แล้ว เลยไม่มีอะไรให้ติ
แต่ว่า มันมีความรู้สึกแย่ๆอย่างบอกไม่ถูก ทำให้สงบใจไม่ได้เลย
ถ้าเป็นไปได้ ถ้าไอ้ลางสังหรณ์นี้หายไป ก็คงจะดี……
“ถ้าอย่างงั้นจะขอเปิดโหวตนะคะ……พออ่านขึ้นมาแล้ว ถ้าคิดว่าดีก็โปรดยกมือด้วยนะคะ”
จากนั้นขอบเขตเรื่องที่จะแสดงก็ค่อยๆแคบลง
และก็อันที่ถูกเลิกเป็นลำดับสุดท้ายนั้น……ก็คือ’โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’จริงๆด้วย…….