ーในตอนม.ต้นนั้น เธอไม่มีตัวตนใดที่เรียกว่าเพื่อนได้เลย
ทุกๆครั้งเธอมักจะปิดกลั้นตัวเอง และไม่สุงสิงกับคนอื่น
เพราะเธอน่ะชอบโลก’ที่มีเธอคนเดียว’
ตอนอยู่โรงเรียน เธอก็จะเอาแต่อ่านไลท์โนเวล และไม่คุยกับใครเลย
แต่ทว่า มีอยู่วันหนึ่ง……ในคาบภาษาญี่ปุ่นมีงานให้’อ่านหนังสือที่คู่ตัวเองแนะนำ’ และผมก็บังเอิญได้คู่กับคิราริ
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลายเป็นเพื่อนกับเธอ
‘นี่น่ะ สนุกมากเลยนะ? เป็นแนวผู้ชายบ้านๆแบบนาย ป๊อปในหมู่สาวๆหลายๆคนเลย’
‘ลองอ่านนี่ดูด้วยไหม? เป็นแนวผู้ชายบ้านๆอีกแล้ว ถูกวาร์ปไปต่างโลกและก็ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่’
‘ลองอ่านไอ้นั่นด้วยสิ เลิฟคอมเมดี้ที่ผู้ชายบ้านๆกับผู้หญิงบ้านๆ จู๋จี๋กันล่ะ’
ผมคิดว่า เธออาจจะไม่ได้ต้องการเพื่อนหรอก
ก็แค่ เธออาจจะแค่อยากจะถ่ายทอดเรื่องที่เธอชอบออกมาเฉยๆก็ได้
ตั้งแต่ตอนนั้นผมไม่ความเป็นตัวของตัวเอง เลยแค่ทำในสิ่งที่ถูกบอกให้ทำเท่านั้น แต่สำหรับเธอแล้วดูเหมือนมันจะสะดวกสำหรับเธอ ผมได้อ่าน เรียนรู้ เข้าใจอะไรๆมามากมาย ผมได้เข้าใจความคิดของเธอ และก็ได้โต้ตอบกลับไปบ้าง บางครั้งก็มีพูดคุยปรึกษาด้วย
เพราะแบบนั้น ทำให้ผมรู้ลายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างเรื่องราว บางทีอาจจะเพราะได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งนั้นด้วย ทำให้ผมมองโลกความเป็นจริงในแบบเดียวกัน
เหตุผลที่ผมเป็นคน’ขี้บรรยาย’แบบนี้ ก็มีผลมาจากคิราริซะส่วนใหญ่
เธอในตอนม.ต้นนั้น ถือได้ว่าเป็น’คนพิเศษ’ของผมเลย
ครั้งหนึ่งเธอเคยพูดแบบนี้กับผม
ผมไม่เคยลืมมันเลย หน้าหนาวตอนม.ต้นปีที่3……ในตอนที่เรียนจบ
“โคคุง ขอบคุณนะที่ยอมมาสนิทด้วยกัน เพราะนายทำให้ฉันน่ะก็คิดว่าการที่คุยกับคนอื่นมันก็ไม่เลวนะ? โคคุงน่ะเป็นเพื่อนเบอร์1ของฉัน และอาจจะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ได้นะ”
ーดีใจมาก
ไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เธอคิดผมเป็นถึงเพื่อนสนิท ทำให้ผมปลื้มปิติอย่างมาก
ไม่แน่ความรู้สึกในตอนนั้น อาจจะใกล้เคียงกับคำว่า ‘รัก’มากถึงมากที่สุด
ผมชอบวิธีการพูดของเธอ
ถึงจะไม่มีอะไรโดดเด่น แต่น้ำเสียงที่สงบเงียบของเธอนั้นฟังเท่าไรก็ไม่เบื่อ
ทรงผมของเธอผมก็ชอบ
เส้นผมสีดำมัดไว้เป็นลูกดังโงะ นั้นแม้จะเป็นเงาของเธอจากที่ไกลๆก็ทำให้ผมรู้ว่าเป็นเธอทันที นั่นก็รู้สึกขอบคุณมาก
นิสัยของเธอผมก็ชอบ
แม้จะไม่ยึดติดกับผู้คน เธอเองก็ดูยิ่งใหญ่ได้แม้อยู่คนเดียว และสถานภาพที่ไม่สุงสิงกับใครนั่นดูเท่ห์มาก
ตอนที่เธอสนุกกับงานอดิเรกของตัวเองผมก็ชอบ
คิราริตอนที่กำลังอ่านนั้น เธอดูมีอารมณ์มากกว่าปกติ ทุกๆ1ประโยคเธอก็จะเผยทั้งความสุขและความเศร้าออกมา และพอเธออ่านทุกอย่างจบเธอก็จะร้องไห้ออกมาบ้าง และก็หัวเราะร่าเริง
แน่นอนว่าผู้คนรอบข้างนั้นมองเธอด้วยความประหลาดใจ แต่คิราริก็ไม่สนใจและอยู่แต่กับ’ตัวเอง’
คิราริที่ดูมีความเปล่งประกายที่สวนทางกับความเรียบร้อยของเธอนั้น เป็นจุดต่างอย่างมากและก็เป็นที่น่าชื่นชอบด้วย
แต่ทว่า เธอคนที่ผมเคยชอบน่ะไม่มีอีกแล้ว
วันเปิดภาคเรียนม.ปลาย พอได้พบกับริวซากิ……เธอก็กำจัดตัวเองทิ้ง
‘โคคุง ขอโทษนะ? ฉันน่ะ มีคนที่ชอบแล้วล่ะ เพื่อให้คนคนนั้นชอบแล้ว ฉันจะทำทุกอย่างเลย…..แม้แต่จะต้องกำจัดตัวฉันในตอนนี้ทิ้งก็ตาม ฉันก็อยากจะเป็นคนที่เขาชอบ’
บางที นี่คงเป็นครั้งแรกเลยที่คิราริโหยหาคนอื่น
พอลองทบทวนดู ผมก็ไม่ใช่คนที่เธอโหยหาอะไรแต่อย่างใด
ก็แค่ ได้คุยกันโดยบังเอิญ ไม่ได้มีความรู้สึกเกลียดหรือชอบ ผมเพิ่งจะมาเดาได้เอาตอนนี้
จากนั้น คิราริก็เปลี่ยนตัวเอง
เธอตอบรับคำพูดของริวซากิที่ว่า ‘ชอบผู้หญิงมีสีสัน’ โดยการย้อมผมตัวเองจากสีดำอันงดงามเป็นสีทอง เธอเปลี่ยนน้ำเสียงให้เข้ากับสีผม เปลี่ยนนิสัย เธอเปลี่ยนตัวเองเพื่อแค่ให้ได้เป็นแบบที่ริวซากิชอบ
เพราะแบบนั้น ทำให้’อาซากุระคิราริ’ที่ผมเคยชอบนั้น ตายไปแล้ว
(คิราริ……แบบนั้นน่ะ มันดีแล้วจริงๆหรอ?)
สมมติว่า ต่อให้ริวซากินั้นจะชอบคิราริขึ้นมาแล้วก็ตาม
แต่ว่านั่นน่ะ มันหมายความว่าคิรารินั้นถูกรักขึ้นมาจริงๆอย่างงั้นหรอ
ถ้าเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองมาถึงขนาดนี้……มันก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ใช่คิราริไม่ใช่รึไง? ถ้าคิราริไม่ใช่คิราริแล้วล่ะก็ แล้วเธอน่ะ…….เป็นใครกันแน่?
……ผมคิดแบบนั้น
พอผมมองคิราริที่สูญเสียตัวเองไปนั้น ทำให้ผมเศร้าขึ้นมา
อย่างเช่น หลังจากความรักของเธอจบลงโดยการไม่ถูกริวซากิชอบอยู่แบบนี้…..แล้วคิราริ จะต้องกลายเป็นอะไรกันล่ะ?
คำตอบนั้น บางทีเธอเองก็อาจจะไม่รู้เหมือนกัน……