Tobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita
ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นของผมกำลังจะกระโดดตึก ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg
Chapter : 3 การจู๋จี๋ในมื้อกลางวัน!
.
.
.
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่คุรุมิซังล้มเลิกฆ่าตัวตาย
ฉันดีใจที่ได้มีส่วนร่วมกับเธอซึ่งไม่สามารถพูดคุยด้วยได้มาจนถึงตอนนี้ ฉันใช้เวลาหลายวันเพื่อดันทุรังขอเธอแต่งงานต่อไป ช่วงแรกเธอหลีกเลี่ยงฉันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แต่หลังจากวันที่สาม เธอเริ่มยอมฟังฉันพร้อมถอนหายใจ และเมื่อไม่นานมานี้เราก็ทานอาหารกลางวันร่วมกันอีกด้วย
เป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงเหลือแค่นับถอยหลังรอวันแต่งงานแล้วละ ฉันคิด—
ฉันตื่นเต้นมาก
หัวใจฉันรู้สึกราวกับจะระเบิดออกมา กระเพาะเหมือนจะทะลักออกจากปาก ฉันล้างปากด้วยน้ำก่อนที่มันจะทะลักออกมาจริงๆ เหมือนกับกบ อบอ๊บ ไม่สิ ไม่ใช่อย่างงั้น ฉันประหม่ามากเสียจนความคิดเลอะเลือน มีเพียงเหตุผลที่เดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกประหม่า
ทั้งหมดเป็นเพราะหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ข้างฉันตอนนี้
ณ ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ห้องของคุรุมิซังที่อยู่ชั้นบนสุดของอพาร์ตเม้นต์สุดหรูหรา ดูเหมือนว่าเธอจะอาศัยอยู่คนเดียวด้วยเงินที่ตัวเองหามาได้ เธอที่เป็นนางแบบและเพิ่งเริ่มเป็นนักแสดงดูเหมือนว่าจะหาเงินได้พอสมควร
เป็นห้องที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศดูดีและทันสมัย ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้อง มันนุ่มมาก คงจะต้องแพงมากแน่ๆ (มั่นใจเลย)
…ความคิดของฉันหลงมั่วอีกแล้ว ตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องโซฟาอีกต่อไป ข้างนอกมืดลงแล้ว และแสงที่สาดส่องภายในห้องกำลังสร้างบรรยากาศอันลึบลับ แต่ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นอีก
—นั่นคือตัวตนของคุรุมิซังซึ่งหัวกำลังพิงใหล่ของฉันอยู่ขณะแก้มแดงระเรื่อ
“อืม….ฮืมม…”
“อะบะบะบะบั่ก”
“หยวกหูวว…”
“ (อะบะบะบะบั่ก) ”
ฉันพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทำให้เราลงเอยแบบนี้ได้ยังไงด้วยสมองที่ใกล้ระเบิด
เริ่มมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนก่อนหน้านี้—
***
“อยากได้ลูกกี่คนดีล่ะ?”
“…”
“ฉันไม่ได้ต้องการมีหลายคนขนาดนั้นหรอก แค่หวังให้พวกเขาคือผลลัพธ์ที่แสดงถึงความรักของพวกเราก็พอน่ะน้า”
“เฮ้อ”
ฉันเพลิดเพลินไปกับการพูดคุยกับคุรุมิซังขณะทานอาหารกลางวันในห้องเรียน เราคุยกันถึงเรื่องการแต่งงาน ในวันก่อนเราคุยกันเรื่องก่อนแต่ง และเดตแรกในดินแดนแห่งความฝัน ตัดสินใจว่าจะจัดงานแต่งขึ้นที่ฮาวาย เธอไม่ได้ตอบกลับใดๆ แต่ตามอนิเมะแล้ว ‘การเงียบนั้นหมายถึงการตอบว่าใช่’
“เรื่องบ้านจะเอาไงดีน้า ฉันว่ากะว่าจะเช่าอยู่ก่อนแล้วค่อยไปซื้อบ้านเดี่ยว—”
“นี่”
คนที่ขัดจังหวะการพูดของฉันไม่ใช่คุรุมิซัง— แต่เป็นสาวแกลผมบลอนด์ นักเรียนหญิงซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดของชั้นวรรณะ และชื่อว่าโอกุระ ด้วยการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของผู้บุกรุก ไม่เพียงแต่ฉัน แต่คุรุมิซังก็หยุดตะเกียบที่ยื่นออกมาด้วยเช่นกัน
“…”
“…”
“พ-พูดอะไรสักอย่างสิยะ!”
เมื่อฉันและคุรุมิซังเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าเธอกำลังคุยกับใคร ก็มีเสียงท้วงดังขึ้น
“อ่า แล้วยังไง? ต้องการอะไรงั้นเหรอครับ? อย่างที่เห็นว่าพวกเรากำลังจู๋จี๋กันอยู่เลยไม่อยากให้คนนอกเข้ามาจุ้นจ้านน่ะ ออกไปเถอะ หายไปซะ ไปทางนู้นนะ”
เมื่อฉันพูดอย่างรวดเร็ว คุรุมิซังก็เตะขาฉันที่ใต้โต๊ะ จากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันเผลอเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโหไปครู่หนึ่ง ไม่ไหวเลยแฮะ ไม่ใช่ว่าเพราะฉันไม่ชอบใครไม่ได้หมายความว่าฉันควรกีดกันพวกเธอออกสักหน่อย ไม่งั้นฉันก็คงจะตกต่ำไปอยู่ระดับเดียวกับพวกเธอกันพอดี ฉันควรสงบสติลงหน่อยดีกว่า
“ (หายไปซะหายไปซะหายไปซะหายไปซะหายไปซะฯ) ”
“จ-จ้องอะไรของนายยะ!”
“ห๊ะ? จ้องเธอเนี่ยนะ? หยุดกล่าวหากันหน่อยจะได้ไหม—เอ๊อะ”
ฉันถูกเตะใต้โต๊ะอีกครั้ง
“อะไรงั้นเหรอ?”
คุรุมิซังเปิดปากพูดกับโอกุระ ราวกับเธอเดาได้ว่าฉันจะพูดอะไรออกไป
“…เฮ้อ แค่จะมาบอกว่ามันระคายตาน่ะ”
โอกุระกอดแขนไว้ใต้ทรวงอกอันอวบอิ่มและยิ้มยวน คุรุมิซังลดโทนเสียงลงอย่างชัดเจนและถามเกี่ยวกับคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลของเธอ
“เรื่องอะไรล่ะ?”
“ก็เรื่องที่จู๋จี๋กับเจ้าบ้าวิตถารนั่นไง เลิกส่งเสียงดังในห้องเรียนจะได้ไหมมันน่าขยะแขยงน่ะ”
“………สักหน่อย”
“หืม? อะไรนะ?”
“ไม่ได้……สักหน่อย……”
“ก็บอกว่าไม่ได้ยินไงล่ะ ถ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดให้มันชัดเจนสิ”
โอกุระซังเอามือป้องหูและถามกลับด้วยสีหน้ารำคาญใจ บรรยากาศเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ไม่ชอบเลย ฉันน่ะเกลียดยัยนี่ แรกเริ่มเดิมที่ ยัยนี่คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
『ไม่รู้ว่าเป็นนางแบบหรืออะไรหรอกนะ แต่ช่วงนี้เธอดูเหนื่อยๆว่าไหม?』
นั่นคือสิ่งที่เธอพูดไปทั่วเป็นคำแรก และหลังจากนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
『ก็แค่สาวร่านที่อยากได้การปรนเปรอจากผู้ชายนี่นา』
และ
『ความสวยเนี่ยราคาดีเนอะ』
และ
『เธอคงเอาใจพวกผู้ใหญ่อยู่แล้ว หมอนไง เป็นหมอนไว้กอดน่ะ』
และอื่นๆอีก
โอกุระแพร่ข่าวลือไร้ที่มาให้พวกผู้หญิงในชั้นจนแพร่กระจายไปทั่ว ในช่วงนั้น งานของคุรุมิซังกำลังเป็นไปด้วยดีและเริ่มก้าวไปในฐานะนักแสดง เธอจึงไม่ค่อยมีเวลามาโรงเรียนมากนักและไม่คุ้นเคยกับคนในชั้นเรียน จนกระทั่งสูญเสียตำแหน่งในห้องเรียนโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่ฉันทำได้ทั้งหมดคือยืนมอง ขาของฉันไม่ขยับ ร่างกายแข็งทื่อ ทำได้เพียงสนับสนุนคุรุมิซังในใจขณะที่ถูกกลืนกินโดยบรรยากาศอึดอัดในห้องเรียน อย่างไรก็ตาม…ผลลัพธ์ก็คือ เธอถูกต้อนให้จนมุมกระทั่งพยายามฆ่าตัวตาย—ฉันรู้สึกแตกสลาย
และจนมาถึงจุดนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเกลียดโอกุระ แม้แต่ตอนนี้ฉันยังอยากประทับหมัดขวาตรงเข้าที่หน้าของหล่อนอย่างเต็มแรงจริงๆ จัดเลยดีไหมนะ เอาเลยดีกว่า น่าขนลุกเต็มทนละ ฉันยืนขึ้นและพยายามยกแขนขึ้น—
“ม-ไม่ได้จู๋จี๋อะไรสักหน่อย!”
คุรุมิซังตะโกน
พูดเรื่องอะไรอยู่นะ? ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เราคุยถึงเรื่องจู๋จี๋ในห้องเรียน
“บ้าวิตถารคุงแค่เข้าหาตามใจชอบและงี่เง่าเอาเองต่างหาก ไม่ได้จู๋จี๋อะไรกันสักหน่อย!”
“โหดร้ายอะ!?”
“ก็ความจริงไม่ใช่เหรอยะ!?”
“ไม่สิ โกหกชัดๆ! จู๋จี๋กันชัดๆเลยนี่! กำลังคุยถึงเรื่องหลังแต่งงานกันด้วยนี่นา!”
“นั่นก็แค่นายพูดอยู่คนเดียวนี่ ฉันไม่ได้เอาด้วยสักหน่อย!?”
“เมื่อกี้พูดจริงเหรอ?”
“ไม่เอาด้วยหรอกย่ะ!?”
“อีกละอีกแล้ว~ ซึนเดเระจังเลยน้า”
“อ๊าก หัวนายนี่มันไม่ปกติจริงๆนั่นแหละ!”
คุรุมิซังกรีดร้องขณะกุมศีรษะของเธอ ฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองมันบ้า แต่ก็ยังช็อคทุกที่ที่คนที่ชอบพูดออกมา ช็อคมากจนดูเหมือนว่าจะเปิดประตูบานใหม่เข้าแล้วสิ
“ง-ไหงถึงเมินฉันกันยะเนี่ย!”
เมื่อฉันมองไปที่คุรุมิ โอกุระก็ขัดจังหวะการสนทนาอีกครั้ง ยัยนี่เกะกะจริงแฮะ
“อ๊ะ ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย ไปที่อื่นสักทีจะได้ไหมอะ?”
“~~~~! ฉันเกลียดโคกะก็จริง แต่เกลียดนายยิ่งกว่าอีก!”
“บังเอิญจังนะ ฉันก็เกลียดเธอเหมือนกัน ย้ายโรงเรียนไปทีได้ไหม ไม่ก็อยู่แต่บ้านไม่ต้องออกมาอีกล่ะ”
“แถมยังยุ่งยากกว่ายัยโคกะอีก ทั้งไอ้โรคบ้าวิตถารทั้งยัยโคกะ น่ารำคาญเป็นบ้า!…บ้าเอ้ย ไปตายซะ!”
“หล่อนนั่นแหละไปซายซะยัยโอกุระ!”
ด่ามาด่ากลับไม่โกง ฉันสาปแช่งโอกุระพร้อมชูนิ้วกลางใส่ขณะเธอเดินจากไป
“เลิกทำเถอะมันหยาบคาย”
“ครับ!”
เมื่อฉันตอบอย่างเต็มแรง คุรุมิซังก็ถอนหายใจและพึมพำอะไรบางอย่าง
“เฮ้อ…ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงดูเท่ห์นักตอนดาดฟ้ากันนะ…”
น่าเสียดายที่เสียงของเธอเบาเกินจะได้ยินอะไร แต่เราก็สามารถไล่โอกุระกลับไปได้และทานต่อ
ไม่นานนักหลังใกล้สิ้นสุดช่วงพักกลางวัน คุรุมิซังก็ลุกออกจากที่นั่ง
“จะไปไหนเหรอ?”
“…ไม่ควรจะถามผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะ”
เข้าใจล่ะ ไปเด็ดดอกไม้สินะ คุรุมิซังมีความงดงามที่เหนือมนุษย์ แต่ยังไงเธอก็เป็นมนุษย์อยู่ดี ไม่สามารถต่อต้านปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาได้
…อย่าไปตื่นเต้นสิเห้ย
ขณะที่กำลังคิดอยู่อย่างนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น มันเป็นเสียงของพวกโอกุระ หัวเราะราวกับพวกบิช เป็นเสียงหัวเราะที่หยาบคายและน่าขยะแขยง
ฉันฆ่าเวลารอคุรุมิซังกลับมาด้วยการเก็บกวาดกล่องอาหารกลางวัน และจัดโต๊ะกลับเข้าที่เดิม แต่เมื่อสิ้นสุดช่วงพักกลางวัน คุรุมิซังก็ยังไม่กลับมา
*
คุรุมิซังปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งหลังเริ่มคาบเรียนที่ห้าผ่านไปได้ไม่นาน ประตูห้องเรียนเปิดออก และเธอยืนอยู่ตรงนั้น
“นี่ โคกะ คาบเรียนเริ่มแล้วนะ—”
ครูหันมามองเธอและเบิกตากว้าง เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่เป็นคนอ่อนโยนที่จะเปลี่ยนท่าทีการแสดงออกได้มากขนาดนั้น แต่ก็คงช่วยไม่ได้หรอก
—ดิ้ง ดิ้ง* (เสียงหยดน้ำ)
ก็เพราะเธอเปียกโชกทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้ายังไงล่ะ
—เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงของพวกโอกะระและคนอื่นๆทำให้สมองของฉันเดือดปุด
—————
แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ