Tobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita
ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg
Chapter : 4 หนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในห้องปิด…
.
.
.
ฉันลุกขึ้นเสียงดังและเดินเข้าไปหาพวกโอกุระ
อ่า เกลียดจริงๆนั่นแหละ เกลียดเกลียดเกลียด! ฉันเกลียดคนพวกนี้จากใจจริงๆ! ฉันไม่สนอะไรอีกแล้ว แม้จะต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น ครู หรือเด็กผู้หญิงก็ไม่สำคัญอีกแล้ว!
ฉันไม่สามารถปล่อยให้คนที่ฉันรักมากที่สุดในโลกถูกทำร้ายและโดนหัวเราะเยาะโดยไอ้พวกนี้ได้หรอก
“อะ อะไรของนายน่ะ…ยะ อย่าเข้ามาใกล้นะ!”
โอกุระกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่ฉันไม่หยุด ฉันทนกับเสียงเห่าหอนของสุนัขพวกนี้ไม่ไหวแล้ว
“หุบปากไปเลย จะไปฆ่าหล่อนเดี๋ยวนี้ล่ะ โอกุระ!!”
โอกุระยืนขึ้นเสียงดังและก้าวถอยหลังโดยไม่ละสายตาจากฉัน เมื่อเห็นแล้วฉันจึงเริ่มวิ่ง โอกุระก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ฉันเร่งความเร็วขึ้นและคว้าแขนของเธอก่อนที่จะหนีไปได้ ฉันกำแขนเธอแน่น โอกุระซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าจึงถูกกระชากเข้ามา
เมื่อกะจังหวะให้เหมาะสม ฉันจึงยกแขนขึ้น——แล้วเหวี่ยงหวัดตรงเข้าที่ใบหน้าของโอกุระ
“นี่!”
——ฟึบ แต่ก่อนที่หมัดจะสัมผัสเข้ากับใบหน้า คุรุมิซังก็ตะโกนออกมา สติของฉันชัดเจนขึ้นราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น คุรุมิซังยังคงพูดต่อไปโดยไม่หันสายตามาทางฉัน
“ฉันหนาวอยู่นะ…”
“…อ่า ขอโทษนะ”
ฉันปล่อยแขนของโอกุระ เข้าไปหาคุรุมิซังและสวมเสื้อนอกของฉันให้กับเธอ ใช่แล้วล่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องดูแลคุรุมิซังก่อน ความสนใจในโอกุระก็เพียงแค่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เท่านั้น อย่าได้จัดลำกับความสำคัญผิดนะ
“ยังหนาว อยู่เลย”
“…งั้นกลับบ้านกันเถอะ”
“………อืม”
เมื่อได้ยินคำยินยอมจากเธอแม้เพียงแผ่วเบา ฉันยกกระเป๋าเธอขึ้น กุมมือที่สั่นเทาแล้วเดินออกจากห้องเรียนไป
“ฮ-เฮ้ย พวกเธอ!”
ฉันได้ยินเสียงครูดังมาจากในห้องเรียน แต่ฉันไม่มีความคิดที่จะหยุด
***
ฉันเดินกุมมือเธอเดินออกจากประตูโรงเรียน บางทีเสียงของคุณครูก่อนหน้านี้อาจจะดังกว่าที่คิดไว้ ทำให้มีนักเรียนมองดูพวกเราตลอดขณะเดินออกจากห้องเรียนไปตามทางเดิน——พูดให้ถูกคือสายตาแปลกๆที่มุ่งตรงมาทางคุรุมิซัง
เราเดินมาถึงประตูโรงเรียนโดยไม่มีคำพูด ฉันเป็นคนเริ่มทำลายความเงียบนั้น
“ฉันเรียกแท็กซี่ให้นะ?”
“…อืม”
ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อเช็ดตัวขณะรอสาย เนื่องจากอาจจะถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นหากอยู่ในสภาพเปียกโชก
ไม่นานนักแท็กซี่ก็มาถึง ฉันเพิ่งตระหนักขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดเลยว่าจะไปที่ไหน ก่อนอื่นก็ไปที่บ้านฉันก่อนแล้วกัน คุรุมิซังคงไม่อยากให้เจ้าบ้าวิตถารเข้าบ้านหรอกมั้ง
อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวก็หายไปทันทีเมื่อเธอบอกที่อยู่บ้านของเธอ และอพาร์ตเม้นต์ที่มาถึงนั้นช่างดูหรูหรา
“…เข้าไปสิ”
“จะดีเหรอ?”
“…แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ”
ระหว่างที่เดินผ่านทางเข้าอพาร์ตเม้นต์แล้วขึ้นลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบตลอดทาง ฉันจ้องไปที่จอดิจิตอลที่แสดงเลขชั้นอยู่
ทันใดนั้น มือซ้ายของคุรุมิซังก็กระทบเข้าที่หลังมือขวาของฉัน เป็นเพียงแค่สัมผัสบางเบา แต่อย่างไรก็ตาม คุรุมิซังไม่ได้ผลักมันออก แต่กลับดันมามากขึ้นด้วยซ้ำ——ฉันกุมมือนั้นไว้
เราสองแลกเปลี่ยนความร้อนร่างกายของกันและกันอย่างอ่อนโยน บางทีอุณหภูมิฉันอาจจะสูงกว่าจึงรู้สึกหนาวเล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นเพียงตอนเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากผ่านไปไม่นาน อุณหภูมิของพวกเราก็เทียบเท่าราวกับถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน
หลังจากลิฟต์หยุดลง เราก้าวไปตามโถงทางเดินโดยยังคงกุมมือกันอยู่เช่นเดิม เมื่อเปิดประตูเข้าไป พวกเราก็ค่อยๆผละมือออกจากกัน
“…ขอไปอาบน้ำก่อนนะ”
ไม่ว่าจะเช็ดตัวแค่ไหนร่างก็ยังคงเย็นอยู่ ควรจะอบอุ่นร่างกายในทันที แต่ก่อนหน้านั้นขอเป่าบรรยากาศอึมครึมนี้ไปไกลๆเสียก่อนดีกว่า…
“ให้ช่วยขัดหลังไหมล่ะ?”
“…ถ้าเข้ามาล่ะก็ ฉันจะเอาฝักบัวทุบหัวจนกระโลหกศีรษะแหลกเลยคอยดู”
“ดีล่ะ! งั้นเข้าไปด้วยกันเลยดีกว่า!”
“ไอ้โรคจิตวิตถารนี่…เฮ้อ มันน่าขยะแขยงเพราะงั้นอย่าเข้ามาล่ะ”
“ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้แฮะ จะอดทนรออยู่เฉยๆแล้วกันนะ”
เมื่อคุรุมิซังเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ที่กลางห้องนั้น——ฉันนั่งลงบนโซฟา——หน้าทีวีขนาดใหญ่
ฉันรู้สึกกระสับกระส่าย เพราะได้อยู่ในห้องของคนที่ชอบราวกับฝันที่เป็นจริง แต่ฉันพยายามรั้งความรู้สึกนั้นไว้
ณ ตอนนี้ คุรุมิซังไม่มีพันธมิตรเลย ครอบครัวอาศัยอยู่แยกกันและเธอไม่มีเพื่อน งานนางแบบและนักแสดงก็หยุดพักชั่วคราวเช่นกัน ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันไม่สามารถทำอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจได้
ฉันนำสมาร์ทโฟนออกมาเพื่อความสะดวก ฉันลืมกระเป๋าไว้ที่โรงเรียน แต่มีเพียงสามาร์ทโฟนเท่านั้นที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง คงเป็นเพราะนิสัยของคนสมัยใหม่ล่ะนะ
มีข้อความจาก LIME เด้งอยู่ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าถูกส่งมาจากคิริชิมะคุง
คิริชิมะ : ฉันดูแลของที่นายลืมไว้อยู่น่ะ
ฉัน : ฮรื่อ…ไม่จริงน่า…
ฉัน : กระเป๋าจังน่ะ…กระเป๋าจังยังปลอดภัยดีอยู่ไหมครับ!?
ฉัน : อย่างน้อยก็ให้ฉันได้ยินเสียงของเธอหน่อยเถอะ
คิริชิมะ : หึ ได้สิ
คิริชิมะ : 『ไฟล์เสียง(เสียงรูดซิปของกระเป๋า)』
คิริชิมะ : ถ้าอยากให้ฉันปล่อยเธอล่ะก็ ทำตามที่ฉันสั่งซะ
ฉัน : ครับ…
คิริชิมะ : ดูแลโคกะให้ถึงที่สุดซะ
คิริชิมะ : ฉันจะคืนยัยนี่ให้เมื่อจบเรื่องเรียบร้อยแล้ว
คิริชิมะ : ถ้ายังมาเรียนโดยที่ยังแก้ไขอะไรไม่ได้ล่ะก็
คิริชิมะ : อย่าได้คิดว่าจะได้เจอกระเป๋าจังอีกเลยล่ะ
ฉัน : ข-เข้าใจแล้วครับ!
คุรุมิซังออกจากห้องน้ำเกือบจะพร้อมๆกัน ขณะที่ฉันปิดสมาร์ทโฟนลงหลังจากพูดคุยไร้สาระเสร็จ
“…! อะ! โว้วว!”
ขออภัยที่แหกปากราวกับคนบ้า เพราะตรงหน้าของฉันคือคุรุมิซังที่ผมกำลังเปียกชื้น หยดน้ำซึ่งไม่ได้ถูกเช็ดโดยผ้าขนหนูกำลังหยดลงจากปลายเส้นผมลงบนพื้น
เธอสวมชุดลำลองแบบสบายๆ ในเสื้อยืดหลวมๆและกางเกงขายาว เธอเป็นนางแบบนิตยสารที่และไม่เคยเลือกเสื้อผ้าที่ดูเชย ไม่ว่าจะเป็นชุดเครื่องแบบนักเรียนหรือชุดธรรมดา
แต่ในตอนนี้เธอกำลังใส่ชุดลำลองแบบสบายๆ
“อะ อ๊ะ อ๊าาา!”
“อะ อะไร!?”
“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ! ยอดเยี่ยมโฮก! ขอถ่ายรูปไว้สักหน่อยได้ไหมครับ!?”
“ไม่สะดวกย่ะ!? ว่าแต่นี่มันน่าขนลุกนะ…”
“ก็มันน่ารักนี่นา! ปกติเธอมักจะดูสวย แต่พอโผล่มาในสภาพน่ารักแบบนี้จะไปอดใจไหวได้ยังไงกันล่ะ!”
“…เฮ้อ กาแฟ โกโก หรือชา อยากได้อะไรล่ะ?”
ดูเหมือนว่าจะโดนเมินอย่างเห็นได้ชัด เธอปฏิเสธฉันแล้วเปลี่ยนหัวข้อ ฉันจึงตอบว่า “งั้นเอากาแฟละกัน” แล้วปรับอารมณ์
สักพักแก้วกาแฟก็ถูกส่งมาให้ ดูเหมือนว่าคุรุมิซังจะเลือกโกโก้ แก้วเราเข้าคู่กันด้วย ราวกับคู่แต่งงานใหม่ ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข
“อย่างกับคู่แต่งงานใหม่เลยเนอะ”
“…”
“น่าสนุกจังเลยน้า ชีวิตแต่งงานกับคุรุมิซังเนี่ย เป็นครอบครัวอันยอดเยี่ยมที่เปี่ยมด้วยความรักจนโดนเพื่อนบ้านเรียกว่าคู่ข้าวใหม่ปลามันแน่เลย——”
“…”
“…คุรุมิซัง? เป็นอะไรไปเหรอ?”
ฉันส่งเสียงเรียกคุรุมิซังที่ยังคงเงียบ เธอมองลงไปในแก้วที่ถืออยู่ในมือ
“รู้สึก เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ…”
“…”
“ไม่ถามฉันว่า『เกิดเรื่องอะไรขึ้น』สักหน่อยเหรอ?”
“ไม่ต้องถามหรอก ฉันรู้สถานการณ์ส่วนใหญ่อยู่แล้วล่ะ”
“อ่า จริงสิ นายมันสตอร์กเกอร์นี่นะ”
“โหดร้ายอะ…ฉันรู้เพราะฉันเห็นหรอกนะ”
สถานการณ์รอบตัวเธอ
ถูกกีดกันในห้องเรียน การกลั่นแกล้งจากพวกเด็กผู้หญิง——และยังความเครียดจากงานนางแบบและนักแสดง เรื่องพวกนี้ฉันรู้ดี
“ก็นั่นแหละที่เขาเรียกว่าสตอร์กเกอร์…เฮ้อ”
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่และกลืนโกโก้ลงไปรวดเดียว จากนั้นก็ไปที่ห้องครัวพร้อมกับแก้วเปล่าและกลับมาพร้อมกระป๋องสามกระป๋อง
“อะ นั่นมันเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่นา ไม่ได้นะ จะดื่มได้ยังไงถ้ายังไม่บรรลุนิติภาวะ”
“ยังไม่เคยดื่มสักหน่อย! ——ตอนนั้น ก่อนที่จะฆ่าตัวตายคิดอยากจะลองชิมดูน่ะ ก็เลยซื้อมาเยอะแยะเลยทางอินเตอร์เน็ต ทั้งไวน์แล้วก็สาเก…”
“แล้ว ถ้างั้นคิดจะทำยังไงกับมันล่ะ?”
ฉันพอจะเดาได้คร่าวๆอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญก็คือต้องถามไว้ก่อน
คุรุมิซังตอบอย่างที่ฉันคาดเอาไว้อย่างเรียบเฉย
“เรามาดื่มกันไหมตอนนี้?”
—————
แหม่ พระเอกกับเพื่อนนี่รับส่งมุกกันดีจริงๆนั่นแหละ ว่าแต่ไอ้พระเอกนี่ไม่มีชื่อจริงๆสินะ อ่านถึงล่าสุดแล้วคนยังเรียกแต่ไอ้บ้า โรคจิต วิตถารอยู่เลย
—————
แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ