—ช่วงเวลาที่หนาวมากๆ..หิมะตกในเดือนกุมภาพันธ์..
เธออยู่ในอาพาร์ตเมนต์ของผม ฮานาเอะ ริโกะ
“นิยามะ มินาโตะคุง..ได้โปรด…ห..ให้ฉัน…ป..เป็นภรรยาของคุณได้ไหมคะ”
ผมไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรบางคิดผมอาจคิดไปเองหรืออาจแค่ฟังผิด แต่ด้วยการที่เธอนั้นจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาอ้อนวอน ผมบอกได้เลยว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ และมือเล็กๆที่โอบที่หน้าอกของเธอก็ได้สั่นเล็กน้อย
“เธอหมายความว่ายังไงเหรอ—?”
“เดี๋ยวก่อน!!…อย่าพึ่งพูดปฏิเสธค่ะ!
“…..”
“…..”
เธอจ้องผมด้วยสีหน้าที่ดูเอาจริงเอาจังเล็กน้อย ทำให้ผมไม่สามารถโต้ตอบอะไรเธอกลับได้ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะพยายามที่จะปฏิเสธเธอ เหตุผลคือผมไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เอาซะเลย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดว่าตอนนี้ผมจะปฏิเสธเธอ และเธอมองหน้าผมด้วยความสิ้นหวัง..
“….ฉันสามารถที่จะทำอาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก และอาหารจีนได้!!! ฉันพร้อมที่จะตอบสนอมทุกคำขอของคุณ… และฉันชอบทำความสะอาดด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น งานบ้านแบบไหนก็ไว้ใจได้เลย อีกอย่างฉันยังมีความรู้ด้าน DIY อยู่พอสมควร….อ..เอ่อ..มันอาจมีประโยชน์ในทางใดทางหนึ่ง!”
“….”
“..ล..แล้วก็.. ฉันมีความพยายามรับมือกับแมลงในระดับนึงค่ะ แต่ไม่ค่อยถูกกับแมงมุมสักเท่าไหร่ แต่ฉันมั่นว่าฉันนจะสามารถต่อสู้เพื่อปกป้องนิยามะคุงได้ค่ะ!!!”
เธอทำสีหน้าอมทุกข์เหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา ในที่สุด เธอก็หายใจเข้าสั้นๆ หนึ่งครั้ง เธอขอร้องผมด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“…..”
“คุณสมบัติเองก็มั่นใจว่ามีพร้อม ตั้งแต่โภชนาการยันเชิงเทียนแน่นอนค่ะ!(ไม่ว่าอะไรก็พร้อมจะทำให้)…พ..เพราะงั้น….นิยามะคุง…ได้โปรดแต่งงานกับฉันด้วยค่าาาา!!!”
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง มันเป็นเรื่องตลกรึเปล่า หรือว่าเป็นเกมลงโทษเหรอ—?
ในฐานะที่ผมเป็นคนที่มีปัญหาด้านการสื่อสารนั้น ผมไม่สามารถแม่แต่จะยิ้มตอบกลับเธอไปได้ และเพียงได้แต่จ้องมองมาที่เธออย่างตกตะลึง°^°
“ก..ก่อนอื่นนะ”
“..ค..ค่ะ!!”
“เชิงเทียนนี่….มันคืออะไรอ่ะ—??
“….”
ตอนนี้บรรยากาศในห้องเงียบมาก จนได้ยินเสียงหิมะตกที่ด้านนอกหน้าต่าง รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกกลืนกินด้วยความเงียบสงัด
===
ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ไม่ได้โดดเด่นในด้านใดเป็นพิเศษ การเรียนของผมก็ไม่ได้ดีหรือแย่อะไร ผมสื่อสารกับคนอื่นได้ไม่เก่ง นั่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมผมถึงได้ไม่เคยมีแฟน หรือแม้แต่เพื่อนผู้หญิงเลย ผมมีเพื่อนคนเดียวที่นั่งซุ่มอยู่มุมของห้องเรียน ในช่วงเวลาพักผมมักจะคุยเรื่องหนังซอมบี้กับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม ซาวะ และบางทีสาวๆในห้องเรียน ก็จะนินทาพวกผมสองคนเช่น “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกผู้ชายถึงตื่นเต้นกับเรื่องซอมบี้อะไรพวกนี้มาก” ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยเลย
ดั้งนั้น!! ผมไม่คิดเลยว่าแม่แต่พระเจ้าจะกำหนดให้ผม..นิยามะ มินาโตะ จะได้แต่งงานตอนเป็นนักเรียนมัธยมปลาย
ยิ่งไปกว่านั้น…คนที่ผมจะต้องแต่งงานด้วยก็คือ—….
“โอ้!!..นั่น เจ้าหญิงฮานาเอะ ริโกะ!”
ซาวะที่นั่งคุยกับผมในห้องเรียนที่ริมหน้าต่างก่อนที่จะเริ่มคาบเรียน ได้มองออกไปนอกหน้าต่างและตะโกนเสียงดังออกมาอย่างตื่นเต้น ในขณะนั้นผมเอฃก็ยังคิดเรื่องของฮานาเอะ ริโกะ อยู่ด้วยเลยมองออกไปที่หน้าต่าง ตามสายตาของซาวะเพื่อ กลบความอึดอัดใจของตัวเอง
บนพื้นมีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะเข้าเรียนในคาบพละกำลังคุยกันอยู่ปกติ อย่างไรก็ตาม ฮานาเอะ ริโกะ เป็นคนที่พิเศษที่สุดที่หาเจอได้ง่ายในหมู่เด็กผู้หญิง
เธอเป็นผู้หญิงที่สวย ด้วยความที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงไหล่ ดวงตาโตเป็นมัน มีจมูกที่สวย และริมฝีปากที่เล็กๆสีชมพูอ่อนๆ และเหนือสิ่งอื่นใดเธอนั้นมีความสดใสร่าเริง รวมๆแล้วเป็นคนที่พิเศษ จนเปรียบเสมือนเจ้าหญิง
นับตั้งแต่เข้าเรียนเธอได้รับการยกย่องว่าเป็นสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน แค่ถึงเธอจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดี บุคลิกที่สงบเสงี่ยม แต่เธอไม่เคยคุยโม้โอ้อวดเรื่องพวกนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนชอบเธอ ทุกวันนี้นักเรียนทั้งสองเพศมองเธอด้วยความชื่นชมและอิจฉา แต่มีหลายคนที่เพิ่มตำแหน่ง “เจ้าหญิง” ให้กับชื่อของเธอเช่น เพื่อนสนิทของผมซาวะ..
“ทำไมถึงได้งดงามเช่นนี้~~เจ้าหญิงริโกะ…ชั้นเองก็อยากมีคนแบบนี้มาชอบจังน้าา~~~”
ซาวะพึมพำด้วยน้ำเสียงจริงใจราวกับว่าเขาคิดอย่างเดียวกันกับที่ผมคิด
“….”
“มินาโตะ นายเองก็คิดเหมือนกันกับชั้นใช่ม้าาา”
“อ..อึม”
ผมตอบออกไปด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเงียบๆ
“อะไรกันฟะ!! อะไรคือคำตอบที่ดูไม่กระตือรือร้นนั่นน่ะ!!”
ผมคิดว่า ฮานาเอะ ริโกะ เองก็เป็นผู้หญิงที่น่ารัก อย่างไรก็ตามด้วยความที่ผมเป็นคนที่มีความหลังในสมั้ยเด็กที่น่าเศร้า
“ดูท่าทางจะไม่มีพิษมีภัยเลยกะว่าจะมาผูกมิตรด้วยแท้ๆ แต่ดันเข้าใจฉันผิดซะได้น่าขยะแขยงชะมัด”
หลังจากเหตุการณ์นั้นผมก็เริ่มไม่สบายใจกับพวกผู้หญิงที่ บางทีผมก็กลัวพวกเขา แม้แต่ฮานาเอะ ริโกะ เองก็ไม่มีข้อยกเว้น
โดยส่วนตัวแล้วผมเองก็ไม่ต้องการอยู่ในสายตาของพวกผู้หญิง และผมก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาด้วย ถ้าผมเกิดบังเอิญไปสบตากับพวกเขา พวกเขาอาจมองมาที่ผมเหมือนใครบางคนที่มีแต่ความคิดสกปรก หรือไม่ก็บางทีอาจแย่กว่านั้นพวกเขาอาจนินทาใส่ร้ายผมลับหลัง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับผู้หญิง
“ถ้าเกิดยังไม่ความรู้สึกแบบนี้อยู่ มีหวังหาแฟนไม่ได้แน่เลยน้าาา~~”
ผมบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่โดยที่ซาวะไม่ได้ยิน
ไม่ใช่ว่าผมแข็งกระด้างหรือเย็นชาอะไรนะ อย่างไรก็ตาม แต่ผมคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่าพยายามเข้าใกล้ผู้หญิงแล้วเจ็บปวด
ในขณะที่ผมกำลังคิดไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่ซาวะก็ได้ก้มแล้วมองมาที่ผมด้วยใบหน้าตรงไปตรงมา
“เฮ้ยนี่ มินาโตะ นายดูพูดน้อยนะเวลาชั้นพูดถึงเรื่องของเจ้าหญิงริโกะน่ะว่ามั้ยย~~? เอ๊ะ! อย่าบอกนะว่านายไม่สนผู้หญิง
“ค..คิดไปเองน่าา!!”
มันไม่เกี่ยวกับว่าสนใจหรือไม่ ผมไม่คิดว่านั่นเป็นหัวข้อที่ดี เลยพยายามเบี่ยงเบนการสนทนา ด้วยความหงุดหงิดผมเลยมองออกไปที่นอกหน้าต่างของอาคารเรียน ในขณะนั้นเองสายตาของผมก็ได้สบตากับสายตาของฮานาเอะ ริโกะ ซึ่งเป็นคนเดียวที่มองขึ้นมา
“โอ้ววว นิยามะ!! ชั้นพึ่งได้สบตากับเจ้าหญิงริโกะด้วยหล่ะ!!”
อะไรกัน…มองเจ้าซาวะหรอกเหรอ…..
“น่าแปลกใจมาก…ปกติเจ้าหญิงริโกะ ไม่ค่อยมองผู้ชายเลย ช่างเป็นปาฏิหาริย์ซะจริง///”
อย่างที่ซาวะพูดฮานาเอะ ริโกะ เป็นผู้หญิงที่ค่อนค่างที่จะไม่สนใจผู้ชายเลยถึงแม้จะโด่งดังมากก็ตาม
ตัวอย่างเช่น ในสมัยมัธยมต้นมีเด็กผู้ชายที่สารภาพกับเธอทุกช่วงพักกลางวัน แต่ไม่มีใครสามารถพูดคุยกับเธออย่างเหมาะสมเลย ได้รุ่นพี่ปีสามที่โด่งดังจากความนิยมของเขา เอซ ของทีมฟุตบอล กัปตันทีมบาสเก็ตบอลและมือ ใหม่ของทีมเบสบอล ไม่ว่าใครจะท้าทายเธอเธอมักจะส่ายหัวด้วยท่าทีหวาดกลัว
ยิ่งเธอปฏิเสธหนุ่มหล่อเหล่านี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งโด่งดังมากขึ้นเท่านั้นแน่นอนสำหรับผู้ชายเธอดูเหมือนดอกไม้ที่ไม่มีใครเข้าใกล้ แต่บางทีเธออาจคิดว่ามันดีกว่าการเป็นสมบัติของคนเพียงคนเดียวจากนั้น ทุกคนเริ่มคิดที่จะปกป้องชีวิตในโรงเรียนอันเงียบสงบของเจ้าหญิงทีละน้อยและตอนนี้ก็ไม่มีใครที่จะสารภาพได้ง่ายๆอีกแล้ว~~
“ไม่มีใครสามารถชนะใจสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนได้อันที่จริงไม่น่าเป็นไปได้ที่เพศตรงข้ามจะได้รับอนุญาตให้คุยกับเธอได้ “
ข่าวลือเริ่มเเพร่กระจายไปทั่ว นั่นคือเหตุผลที่ซาวะได้เอะอะเพียงแค่ได้สบตากับเธอ
“ชั้นควรทำยังไงดีนิยามะ!! …ห..หรือว่าเจ้าหญิงริโกะจะหลงรักชั้นตั้งแต่แรกพบเลยงั้นเรอะ—!!”
“ชั้นละยอมใจในความคิดบวกของนายจริงๆเลยนะรู้ไหม*….”
“ป…เป็นไปได้ไหมที่เธอจะมาสนใจผู้ชายบ้านๆแบบชั้นน่ะ !!!!!!”
“เสียงดังเกินไปแล้วนะรู้ไหม”
เสียงเอะอะของซาวะทำให้ คนที่อยู่ในห้องหันมามองที่พวกเราอย่างแปลกใจ
“เป็นไปได้สินะ..”
“อย่าคิดเองเออเองสิ… -.-“
จากนั้นไหล่ของซาวะก็ทรุดลง คำพูดของผมก็ได้ทำลายจินตนาการอันแข็งแกร่งของซาวะลงกลางทางและสูญเสียความกระฉับกระเฉง
===
—ในตอนเย็น แม้เธอจะอาศัยอยู่ที่นี่มาได้ 1 เดือนแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ชินกับความรู้สึกตึงเครียดกับการที่จะเดินออกมาจากลิฟต์ชั้น 7 ของอาพาร์ตเมนต์ของผม….
จบแล้ว…..=)))) อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงบ้างก็รบกวนคอมเม้นความคิดเห็นให้หน่อยเด้อ..หากผิดตรงไหนหรืออยากให้ปรับปรุงอะไรสามารถบอกได้เลย