####แก้ไขแล้วหากมีการใช้คำผิดประการใดคอมเมนต์บอกกันด้วยน้าา
—ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย จนกระทั่งได้มาอาศัยอยู่กับริโกะ เห็นได้ชัดว่าผมมีนิสัยที่มักจะเอานิ้วชี้ไปขยี้จมูกเวลาเขินอาย ผมไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่พวกเราสองคนกำลังทานอาหารเย็นกันอยู่ ริโกะมองผมด้วยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ฉันคิดว่าฉันเจอนิสัยเสียของคุณมินาโตะแล้ว..ฮะฮะ” มันเป็นความจริงเมื่อริโกะ ยิ้มให้ผม ในขณะนั้นก็พบว่าตัวเองกำลังใช้มือขยี้จมูกอยู่เพื่อซ่อนความเขินอายจากรอยยิ้มของเธอ…
ริโกะเข้ามากระซิบข้างหูของผมเบาๆและบอกว่า”แต่ฉันคิดว่าฉันชอบนิสัยนั้นของคุณมินาโตะนะคะ….”นั่นยิ่งมันทำให้ผมรู้สึกเขินหนักมากขึ้นไปอีก…
“เฮ้ยย!! นิยามะนี่แกเป็นอะไร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
และแล้ว…ผมก็ถูกดึงกลับเข้าสู่ความเป็นจริงด้วยคำพูดของเจ้าซาวะ
“….”
“เฮ้!!…นี่ยายกำลังคิดอะไรสนุกๆอยู่ใช่มั้ย?…ทำไมไม่แบ่งปันความคิดของนายให้ชั้นสนุกบ้างล่ะ”
“จะบ้าไปแล้วรึไง…นี่นายพูดเสียงดังเกินไปแล้วนะ”
ผมพยายามบอกเขาว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาคุยในโรงอาหารตอนกลางวัน แต่เช่นเคย..ซาวะก็ไม่ฟัง…
ทำได้แค่ส่ายหัวให้กับคำพูดที่ส่งไปไม่ถึงและนั่งลงบนโต๊ะว่างข้างๆริมหน้าต่างโรงอาหาร หลังจากนั้นซาวะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะแล้วก็นั่งลงเก้าอี้ข้างๆ ผมเปิดข้าวกล่องออกมา…ใช่แล้ว.. นั่นเป็นข้าวกล่องที่ริโกะทำขึ้นมาเมื่อเช้าด้วยความพิถีพิถัน
ทางได้โรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนนำข้าวกล่องของตัวเองเข้าไปในโรงอาหาร เพราะฉนั้นจึงมีนักเรียนจำนวนมากเช่นกัน ที่กำลังนั่งกินข้าวกล่องของตัวเอง นี่คือสาเหตุที่โรงก็ตามอาหารเต็มไปด้วยนักเรียนถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงพักกลางวัน
“ยังไงก็เถอะ…ว่าแต่อาหารของนายเนี่ยน่าอร่อยจังเลยนะนิยามะ…นี่ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่านายทำอาหารเป็นด้วย”
“ฮะฮะ…อึม..”
ผมทำได้แค่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไปให้ซาวะ ผู้ซึ่งกำลังประทับใจกับข้าวกล่องผมมาก
ในวันแรกที่ผมเอาข้าวกล่องมา ซาวะถามคำถามมากมายกับผม มันทำให้ผมไม่มีทางเลือกเลยต้องโกหกไปว่าเป็นคนทำเอง…
ผมไม่เคยบอกใครเรื่องที่เกี่ยวกับการแต่งงานของเราแม้แต่กับซาวะ
ก่อนที่พวกเราจะเริ่มอยู่ด้วยกันผมกับริโกะได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้เป็นความลับกับคนอื่นๆ ผมเป็นคนแนะนำเรื่องนี้ว่าควรจะเก็บเป็นความลับดีกว่า เมื่อริโกะได้ยินดังนั้นเธอก็ตอบรับในทันที
มีนักเรียนมัธยมน้อยมากที่แต่งงานแล้ว และริโกะเธอก็เป็นผู้หญิงทีได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม
มันแย่เกินไปสำหรับริโกะ คนที่แต่งงานด้วยเป็นผม ด้วยความที่ว่าตัวผมเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ถึงแม้จะไม่มีความคิดแบบนั้น ไม่มีทางที่ผู้ชายธรรมดากับสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนจะเข้ากันได้
ถ้าคนอื่นรู้ว่าเราแต่งงานกันภายใต้สัญญา พวกเขาอาจมองว่าริโกะเป็นคนที่มีรสนิยมไม่ดี ดังนั้นผมจึงไม่อยากทำลายชื่อเสียงของเธอ
“โอ้..ไก่ทอดนั่นดูน่าอร่อยจริงๆเลย เอามาแลกกับของชั้นหน่อยมั้ย—”
“ไม่ล่ะขอปฏิเสธ!!..”
“เอ่า…ทำไมล่ะ นายสามารถทำเองและกินเองได้เสมอเลยนี่หน่า…”
“นี่มันเป็นของฉัน…-.-“
“นี่มันแปลกมากเลยนะ…”
“เอ๊ะ..หมายความว่ายังไง”
“นิยามะ..ปกตินายจะยอมคนอื่นง่ายๆ นายไม่เคยปฏิเสธคนอื่นนี่หน่า..”
ที่ซาวะพูดนั่นก็ถูก ผมเป็นคนที่ยอมคนง่ายๆ
…แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา…นี่มันเป็นข้าวกล่องที่ริโกะทำให้ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถแบ่งของกินแม้แต่อย่างเดียวให้คนอื่นได้ ผมอยากจะกินคนเดียวแล้วบอกกับเธอว่ามันอร่อยมากแค่ไหน
…จะไม่ทรยศความพยายามที่ริโกะเสียเวลาทำสิ่งนี้ให้กับผมเด็ดขาด..
“และก็…ฉันจะพูดอีกครั้งนะ…นี่มันเป็นของฉัน!”
“…”
ผมไม่ต้องการให้ใครกินข้าวกล่องของริโกะ ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม..ต้องปกป้องข้าวกล่องของริโกะเอาไว้ ผมใช้แขนทั้งสองข้างโอบไว้ ซาวะ เห็นแก่ความพยายาม จึงถอยห่างกลับพร้อมกับบ่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามดวงตาของเขายังคงจ้องมองไปที่ไก่ทอด ดังนั้นจึงควรระมัดระวังตัวให้ดีอย่าประมาทเด็ดขาด!
ทันใดนั้นสายตาของซาวะก็ เหลืบมองไปทางอื่นด้วยสีหน้าตื่นเต้นด้วยความสนใจผมเลยหันไปตามซาวะ เเละได้เห็นริโกะเดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับสาวๆอีกหลายคน
ผมรีบตั้งท่าใหม่อย่างรวดเร็วเพื่อปิดบังพฤติกรรมที่น่าอายเช่นนี้ โดยที่ไม่ทันระวังตัว ข้อศอกของผมกระเเทกเข้ากับขอบโต๊ะอย่างจัง
“อั๊กก!!..~~~”
“เฮ้ยๆ นิยามะ..นี่นายเป็นอะไรมั้ย”
“อ่า…ไม่เป็นไรแค่นี้สบายมาก…”
แต่ว่าข้อศอกมัน….ยังแสบอยู่ ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่เห็นผมในสภาพแบบนี้…
เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอริโกะนอกบ้านผมก็จะรู้สึกประหม่าและมักจะ ทำตัวแปลก ๆ…
ซาวะยังคงสนใจริโกะอย่างเปิดเผย ซึ่งต่างจากผม—
“นี่…ถ้านายยังขืนมองแบบนั้นต่อไป เดี๋ยวพวกเขาจะสังเกตุเห็นนายเอานะ”
“นั่นแหล่ะ!!! นายยังจำได้มั้ย เหตุการณ์ตอนที่ชั้นมองสนามกีฬาของโรงเรียนและได้บังเอิญสบตากับเธอน่ะ!!!”
“ด..เดี๋ยวก่อน นี่นายจะพูดเสียงดังเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก!”
ริโกะและสาวๆคนอื่นๆซึ่งนั่งโต๊ะไม่ห่างจากพวกเรามากนัก ได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครได้ยินในสิ่งที่เจ้าซาวะพูดนะ
ซาวะ เอนตัวไปข้างหน้าโดยไม่ให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมของเขาในตอนนี้เลย แทนที่จะเข้าใจข้อกังวลของผม ตอนนี้นัยน์ตาของซาวาเต็มไปด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้น
“ที่จริงแล้ว ข้าสัมผัสได้ถึงสายตาของเจ้าหญิงริโกะที่เหลือบมองมาหาข้าเป็นบางครั้งบางคราว~~~”
“นายแค่คิดไปเองน่า!!”
“นี่นายช่วยหยุดพูดปฏิเสธสักทีโดยไม่คิดอะไรเลยจะได้มั้ยห๊ะ!~~ มันไม่ใช่จินตนาการของชั้น แต่ทุกครั้งที่ชั้นเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ เธอก็จะมองกลับมาที่ชั้น…แล้วสายตาของพวกเราก็ปิ้งๆกัน”
“…นี่นายจะเสียงดังเกินไปแล้วนะ”
“เธอคงจะอายที่พวกเราสบตากัน ดังนั้นจึงทำเป็นมองมาหานายเป็นบางครั้งเพื่อกลบเกลื่นความเขินเอาไว้!!! ฉันแน่ใจแล้วล่ะ นี่คือสิ่งที่สมองอันชาญฉลาดของชั้นคำนวณออกมาได้!!”
ขณะที่ซาวะกำลังแสดงความคิดเชิงบวกของเขาอย่างเอาจริงเอาจัง ผมหยิบขวดชาเขียวที่พกมาด้วยแล้วดื่มเพื่อปรับอารมณ์ให้เหมาะสม
…ฮาา…ค่อยยังชั่วแฮะ..
นี่คือสิ่งที่ริโกะเตรียมไว้ให้ในตอนเช้าเช่นกัน ผมเป็นหนี้บุญคุณของเธอมาตลอด ทุกครั้งที่เธอทำอะไรให้ ผมก็รู้สึกของคุณเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่แค่นี้มันคงยังไม่พอ…
พูดตามตรงผมพยายามคิดหาวิธีดีๆในการตอบแทนเธอแต่มันก็ยังคิดหาไอเดียดีๆไม่ได้เลย..
หวังว่าจะมีบางอย่างที่ทำได้เพื่อเธอ….จะทำยังไงดีให้เธอมีความสุข
ผมเผลอหันมองไปทาง ริโกะ โดยไม่ได้ตั้งใจเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆเธอพูดกับเธอ เธอยิ้มและพยักหน้าตอบกลับ ดังนั้นริโกะ จึงมองเห็นผมในวิสัยทัศน์ของเธอ ผมกับริโกะแปลกใจมากเราสองคนก็อ้าปากค้างพร้อมกัน ในขณะที่กำลังผมรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นริโกะก็ได้ใช้ปลายนิ้วชี้แตะปลายจมูกของเธอเบา ๆ
เอ่อ…
นั่นมันเป็นนิสัยเสียที่เธอได้เรียนรู้จากตัวผม…มันเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่า ผมคิดอย่างนั้นครู่หนึ่งแต่ ริโกะก็ยังคงมองมาที่ผมและยิ้มเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังสนุกที่แกล้งสำเร็จ สังเกตได้จากเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของเธอ..
ผมคิดว่าการที่เธอทำแบบนั้นมีแค่ผมคนเดียวที่เข้าใจเพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น…ผมรีบเอามือปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อซ่อนความเขินอายเอาไว้…
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น แต่ถึงยังไงมันก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ…
ทำไมถึงรู้สึกมีความสุขแบบนี้กันนะ—จบ!!!!
###แก้ให้แล้วน้าาา55555อ่านจบแล้วฝากคอมเมนต์บอกด้วยนะว่าเป็นยังไง มันอ่านแล้วดูโอเคขึ้นจากเดิมมั้ย :)))