###นับจากตอนนี้ไปจะลองเปลี่ยนแนวการแปลใหม่…คิดว่าผู้อ่านน่าจะอ่านง่ายกว่าเดิมนะ…มั้งงง
—ผมรีบซ่อนเค้กไว้ในกระเป๋าแต่ว่าน่าเสียดายดูเหมือนมันจะไม่ทันซะแล้ว….แต่ถ้าปล่อยให้เธอรอต่อไป เธอคงจะสงสัยแน่ๆ มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากต้องซ่อนเค้กไว้ข้างหลัง…
เสียงเคาะประตูดัง”ก๊อกๆ”ออกมาจากทางอีกฝั่ง….จากนั้นประตูค่อยๆถูกเปิดออกมา
“คุณมินาโตะ พอดีฉันจะอุ่นเครื่องเคียงอาหารเย็นให้ฉันอุ่นเผื่อส่วนของคุณด้วยมั้ยคะ?”
“อ่ะ!!…เอ่อ…งั้นก็รบกวนด้วยนะครับ..”
ริโกะมองจ้องมาด้วยความสงสัย ด้วยท่าทีที่ดูลนลานผิดปกติของผม…
“คุณมินาโตะ..คุณกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่รึเปล่าคะ?”
“เอ่อ…ไม่มีอะไรจริงๆ”
“ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ สรุปแล้วสิ่งที่อยู่ด้านหลังคุณคืออะไรกันแน่คะ”
ริโกะเดินเข้ามาใกล้และพยายามที่จะส่องดูให้ได้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังมันคืออะไรกันแน่..
“เดี๋ยวก่อนคุณริโกะ..อย่าพึ่ง!..ผมยังไม่พร้อม”
ผมพยายามบิดร่างกายของตัวเองหนีอย่างสิ้นหวังเพื่อจะปิดบังเรื่องเค้กที่ซื้อมา แต่ว่า…เค้กที่ถือไว้มันดันหลุดออกจากมือแล้วหล่นลงไปที่เตียง …
กล่องเค้กสตรอว์บอรี่ที่หล่นลงไปนั้นฝามันยังไม่เปิด…แต่มั่นใจเลยว่าเค้กที่อยู่ด้านในมันต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสงสารแน่ๆ…
“ฉันขอโทษค่ะ…ที่วุ่นวายกับคุณมากเกินไป…”
“อ่า..ไม่เลย..มันไม่ใช่ความผิดของคุณริโกะเลยครับ”
จากนั้นผมหยิบกล่องเค้กขึ้นมาแล้วนั่งลงบนเตียง ริโกะค่อยๆเข้ามานั่งลงข้างๆแล้วพูดขึ้นว่า
“ฉันขอโทษจริงๆนะคะ..มันเป็นความผิดของฉันเอง”
“จะว่าไปมันก็เป็นความผิดของผมเองนั่นล่ะ..ที่พยายามจะซ่อนมั้น เพรางั้นไม่ต้องคิดมากนะครับ”
“ทำไมถึงพยายามที่จะซ่อนมันไว้จากฉันละคะ?”
“….”
ริโกะถามเข้าตรงจุดที่ไม่ควรที่จะถามที่สุดเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกเธอได้ว่าซื้อมาให้ตัวเอง
ผมตัดสินใจที่จะบอกความจริงทั้งหมดกับเธอไป…..
~~สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นผมก็สารภาพเรื่องราวทั้งหมดออกไปว่าซื้อเค้กนั้นมาให้เธอเพื่อเป็นการแทนคำขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ผ่านมา แล้วก็เรื่องที่ผมพยายามปิดบัง
“ซื้อมาเพื่อฉันเหรอคะ…?”
“อึมมมแต่ก็อย่างที่ผมพูดไปละนะ เค้กจากร้านสะดวกซื้อไม่มีทางเทียบกันได้กับเค้กซื้อมาจากร้านที่ขายโดยตรง ดั้งนั้นช่วยทำเป็นว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นด้วยนะครับ!!”
“….ไม่เลยค่ะ…ฉันมีความสุขมากๆเลย”
“ถ้าไม่ชอบก็อย่าฝืนตัวเองพูดเลยนะครับ”
“คุณมินาโตะ…ฉันไม่ได้ฝืนตัวเองซักนิดเลยค่ะ ฉันรู้สึกมีความสุขจริงๆนะ…”
“…ผมรู้ดีครับว่าคนอย่างผมมันไม่สามารถทำให้คุณริโกะมีความสุขได้จริงๆ”
“ได้โปรดอย่าพูดแบบนั้นเลยนะคะ…”
“….!!.”
เธอสบตากับผมด้วยสายตาที่ดูจริงจังกว่าปก ติระยะห่างของพวกเราอยู่ใกล้กันซะจนผมเห็นภาพสะท้อนของตัวเองอยู่ในนั้น
ด้วยความตกใจ จึงพยายามเบือนหน้าหนีออกมาจากสถานการณ์ที่ดูอึดอัดนี้ ทันใดนั้นมือเล็ก ๆ ก็สัมผัสเขากับแก้มของผม เพื่อบังคับให้ต้องเผชิญหน้ากับเธอ
..ทำไมเธอทำอย่างงั้น? คำที่พูดออกไปเผลอไปทำร้ายเธอรึเปล่า…แต่ว่าพึ่งจะขอโทษไปเองนะ…
“ได้โปรด..อย่าหันหน้าหนีด้วยค่ะ ช่วยฟังในสิ่งที่ฉันจะเล่าต่อจากนี้ด้วย…มันเป็ความรู้สึกที่อยากจะบอกกับคุณมินาโตะมาโดยตลอด”
“คุณริโกะ….”
“..ทุกครั้งที่ฉันทําอาหารให้คุณและคุณมักจะพูดว่า ‘อร่อย’ ใช่รึเปล่า? และเมื่อฉันทำงานบ้านคุณมักจะพูดว่า ‘ขอบคุณ’ หรือ ‘คุณเยี่ยมมาก!’ คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในทันทีและแสดงออกมาอย่างจริงใจ…..มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดออกมาตรงๆ ทั้งหมดนั้น ฉันเชื่อว่าคุณมินาโตะเป็นคนที่อ่อนโยน..”
เธอกำลังหมายความว่ายังไง…
“คำขอบคุณที่ผมพูดออกไปมันเทียบไม่ได้กับสิ่งทุ่มเท่ทำเพื่อผมในทุกๆวันเลย..”
“ไม่เลยค่ะ!…ฉันไม่เข้าใจหรอกนะว่าคุณหมายถึงยังไง แต่คุณไม่เข้าใจกรอกว่าคำพูดของคุณมินาโตะช่วยเติมเต็มความสุขให้กับฉันมากแค่ไหน!!..”
เมื่อพูดจบเธอก็เริ่มผ่อนคลายลงและกลับมาอยู่ในอารมณ์ที่ปกติ..
“…ผมขอโทษ..”
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นริโกะโกรธ และผมก็ได้แต่ขอโทษเธอกลับไป แต่ถึงยังไงก็ยังไม่เข้าใจคำที่เธอเพิ่งพูดออกมา
“จะยังไงก็ตาม คุณมินาโตะเป็นคนที่อ่อนโยนมากๆเลยนะคะเชื่อฉันสิ…”
“แต่ว่า…”
“คุณคิดว่าฉันเป็นคนโกหกเหรอ…!?”
“เอ่…ไม่เลยครับ”
“งั้นก็เชื่อฉันสิ..ว่าคุณมินาโตะเป็นคนที่วิเศษมากๆ”
“….”
คำพูดที่ริโกะพูดในวันนี้มันดังก้องอยู่ในหัวใจของผมราวกับเวทมนตร์ เดิมทีแล้วผมเป็นคนขี้ขลาดที่มีความคิดในแง่ลบเสมอ และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง …แต่ผู้หญิงคนนี้กลับบอกว่าผมเป็นที่วิเศษ..ตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่ามีความหวังเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นมา..
“นอกจากนี้คุณมินาโตะ คุณไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณอะไรแบบนั้นจริงๆ ฉันไม่ได้ทำงานบ้านเพราะอยากได้อะไรตอบแทน เพียงแต่เพราะว่าฉันแค่อยากจะช่วยคุณมินาโตะ และอยากทำให้คุณมีความสุขถึงแม้ว่ามันจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม …”
“เพราะอะไร…?”
พอผมเอ่ยปากถามคำถามง่ายๆที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ทันทีเธอก็สะดุ้งเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่…(อันนี้สำคัญแนะนำว่าควรจดจำเบาะแสนี้ไว้ให้ดี :)))
“อ…เอ่อคือว่า…เอ่อ…คือ..”
ริโกะเริ่มส่ายไปส่ายมาอย่างลุกลี้ลุกลน ท่าที่ของเธอดูเปลี่ยนไปจากเดิมทันที
เพราะอะไรทำไมเธอถึงดูกระวนกระวายต่างจากทุกที….
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่าาา!!…คุณมินาโตะไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ต่อจากนี้ฉันจะทำทุกอย่างเหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น////”
“ทำไมมันถึงเป็นงั้—”
“ฉันมีความสุขเวลาที่ได้ดูแลคุณมินาโตะค่ะ!!!”
ตอนนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าเธอตั้งใจดูแลผมด้วยความตั้งใจ แต่ก็แอบตกใจนิดๆที่บอกว่าเธอมีความสุข…
ทันใดนั้นผมก็นึกถึงรายการทีวีที่เคยดูมาก่อน มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ตกหลุมรักผู้ชายที่ติดการพนัน เธอพยายามหาเงินจ่ายให้กับผู้ชายคนนั้นด้วยความหวังดี…แต่ว่าผู้ชายคนนั้นกลับไม่เคยเห็นถึงความหวังดีของเธอเลยและยังใช้ความหวังดีของเธอมาเรื่อยๆ..
…รู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นเหมือนผู้หญิงที่อยู่ในรายการทีวีเลย…
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธความชอบของคุณริโกะ แต่ว่าคุณอย่าเชื่อใจคนอื่นง่ายๆ มีผู้ชายหลายคนที่จะใช้ประโยชน์จากคุณนะ..”
เมื่อบอกไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงออกไป ริโกะก็หัวเราะคิกคักออกมา
“คุณมินาโตะเป็นคนอย่างนั้นเหรอคะ… ฮะฮะ”
“เดี๋ยวก่อน..มันไม่ใช่แบบนั้นนะ..”
จะไม่มีวันเอาเปรียบเธอเด็ดขาด..ไม่ต้องการ—…
“งั้น….ฉันขอเดาว่าคุณไม่ใช่คนไม่ใช่คนแบบนั้น :)”
รู้สึกโล่งใจขึ้นมาลย เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น เพราว่าผมไม่อยากจะเห็นเธอมีความทุกกข์ใจ…
===
หลังจากนั้น ริโกะเธอค่อยๆนำเค้กที่ผมซื้อมาไปจัดใส่จาน และพวกเราก็ลงมือกินด้วยกันพร้อมกับชาที่เธอทำขึ้นมาเอง…
ตามที่คาดไว้..รสชาติของเค้กมันธรรมดาเพราะว่าซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ แต่ที่ต่างออกมาคือได้เห็นรอยยิ้มของเธอขณะที่กำลังกินเค้ก…
“ขอบคุณนะคะ…❤️”
ในขณะนั้นเค้กสตรอว์เบอรี่ที่อยู่ในปากรู้สึกว่ามันจะหวานขึ้นเป็นร้อยเท่า แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเธอชอบเค้กมากแค่ไหนแต่ว่าผมก็ดีใจ ที่ได้ซื้อเค้กมาให้เธอ…
จบ!!!! ก่อนไปอยากถามทุกคนว่าตอนนี้แปลออกมาได้โอเคกว่าตอนที่ผ่านๆมามั้ย..เพราะว่าได้ลองเปลี่ยนรูปแบบของการใช้คำดู >:3 ช่วยคอมเม้นต์แนะนำเพื่อเป็นแนวทางให้ข้าน้อยผู้ด้อยประสบการณ์ด้วย เพื่อนำไปพัฒนาในตอนต่อๆไปให้ดียิ่งขึ้น!!!(ไม่มีถูกมีผิดเอาตามความคิดตัวเองได้เลยย!!)