คาบโฮมรูมครั้งสุดท้ายจัดขึ้นในวันศุกร์ คาบที่ 6 เพื่อที่จะตัดสินใจเรื่องการเลือกกลุ่มของแต่ละคนในการไปเที่ยวทัศนศึกษาครั้งนี้
ส่วนเมื่อวันพุธที่ผ่านมาพวกเราได้ตัดสินใจเลือกกลุ่มในครั้งนี้ไว้แล้ว และในวันนี้ วันศุกร์เราควรรวมกลุ่มกันเพื่อเริ่มปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับทัศนะศึกษาแล้ว..
จุดหมายของเราคือโยโกฮาม่า นักเรียนจะเดินทางไปสถานีโยโกฮาม่าโดยรสบัส..
วันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราสี่คนอยู่พร้อมหน้ากันตั้งแต่ตัดสินใจเลือกกลุ่ม ตอนนี้ผมรู้สึกประหม่ามากอย่างบอกไม่ถูก ส่วนซาวะเองที่นั่งอยู่ข้างผมคงจะประหม่าไม่แพ้กัน…เมื่อมองไปพบว่าเขาดูเงียบขรึมอย่างผิดปกติ ไม่พบสัญญาณของผู้ช่ายที่อึกทึกพูดมากเสียงดังเลย…
มีผู้หญิงสองคนเป็นที่โดดเด่นมาก กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าพวกผมที่เป็นผู้ชายสายกลางแสนธรรมดา..
พอเหลือบมองไปหาริโกะพบว่าเธอกำลังเล่นกับผมหน้าม้าของเธออยู่ด้วยท่าทาง เขินๆอายๆอยู่
…ใช้แล้ว มันน่ารักมาก…
อาซาคุระ ที่นั่งอยู่ข้างๆริโกะ จ้องเขม็งมาที่ผมกับซาวะด้วยความอยากรู้อยากเห็นและพูดขึ้นว่า—
“นี่พวกนายสองคนกำลังประหม่าอยู่เหรอ มันดูตลกมากเลย ฮะฮะ!”
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงนิสัยห้าวอย่าง อาซาคุระจะพูดแบบนั้นออกมา และนั่น..มันก็ไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันยิ่งทำให้ผมกับซาวะเกรงขึ้นไปอีกขั้น!
ไม่ใช่แค่ อาซาคุระเท่านั้น สายตาที่มองจากโลกภายนอกเองก็ไม่แพ้กัน คนที่นั่งรอบๆนินทาผมกับซาวะดังไปทั่วรอบๆ โดยที่ไม่ได้คุยเรื่องทัศนะศึกษาเลย
*ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายสองคนนี้ถึงไปอยู่ในกลุ่มนั้นได้*
*ไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้หญิงสองคนนี้จะอยู่กลุ่มเดียวกันกับผู้ชายธรรมดาๆ แบบนี้*
*มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง มีใครพอได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง*
……..
รู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังจะขาดใจตายเลย….
มั่นใจเลยว่าคำนินทาพวกนั้นถึงหูของริโกะแล้ว
ผมเหลือบมองไปทาง ริโกะ ด้วยความเป็นห่วงว่าตอนนี้จะเป็นอะไรมั้ย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกแย่ที่ได้ร่วมกลุ่มกับคนธรรมดาอย่างพวกผม ไม่นาน จากนั้น อาซาคุระ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“น่ารำคาญซะจริงเลยพวกนี้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ริโกะบอกว่าอยากจะอยู่กลุ่มเดียวกันกับเพื่อนสมัยเด็กของเธอ..”
คำพูดของอาซาคุระ”เพื่อนสมัยเด็ก”ทำให้ผู้คนรอบตัวคึกคักมากขึ้น ทุกคนต่าง”เฮ”พูดกันขึ้นไปอีกว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
สงสัยว่านี่มันผิดรึเปล่าที่เบื้องหลังเป็นฝีมือของผมกับริโกะทั้งหมด…
“แต่ว่านะ..ชั้นก็โล่งใจที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอ ตอนที่พวกเราไปทัศนศึกษาเมื่อสองปีที่ผ่านมา เราตัดสินใจจับฉลาก และมันก็มีบางคนที่เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง ปีก่อนก็เกิดการทะเลาะกันที่หลังโรงยิม ใช่ไหม ริโกะ!!”
“อะ..อึม..แต่เรย์จังก็พูดเกินไปหน่อยนะ..”
“พวกนายรู้จักผู้ชายที่ชอบหาเรื่องชกต่อยกันจนถูกพักการเรียนไหม ปีก่อนนั่นน่ะมีคนจากทีมบาสเกตบอลจับฉลากได้ พวกนั้นเลยใช้วิธีที่เราคาดไม่ถึงลงมือ”
อาซาคุระมองมาที่ผมและหัวเราะคิกคักออกมา
“ชั้นรับประกันเลยว่านายจะไม่มีทางที่จะได้ใกล้ชิดกับ ริโกะแน่นอน เพราะว่านายดูทื่อๆและดูน่าสงสัยเล็กน้อย”
“เรย์จัง อย่าไปพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับมินาโตะคุงเขาสิ..”
ริโกะ ตบแขนของอาซาคุระเบาๆ ถึงน้ำเสียงของเธอจะดูสงบ แต่ดูเหมือนว่าจะกำลังโกรธอยู่ ตอนนี้อาซาคุระ คงจะรู้แล้วว่าริโกะกำลังโกรธอยู่จริงๆ เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็ว
“ชั้นขอโทษริโกะ ที่ชั้นพูดไปโดยไมคิด ขอโทษนายด้วยนะนายเพื่อนสมัยเด็ก”
[มินาโตะ]”..อ่า..ไม่เป็นไรครับ”
[เรย์นะ]”แต่ว่าชั้นไม่เคยเห็นริโกะเป็นแบบนี้มาก่อน หรือว่าคงเพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันล่ะนะ—”
[ริโกะ]”อ่ะ..อึ้มฉันก็ขอโทษเหมือนกันที่ทำเรื่องแปลกๆไป”
[ซาวะ]”….(พูดไม่ออก)…”
จากนั้นพวกเราสามคนก็เข้าสู่สงครามแห่งการขอโทษ ดูเหมือนว่าอาซาคุระ จะรู้สึกผิดจริงๆเธอกล่าวขอโทษผมและซาวะอย่างจริงจัง
ผมคิดว่าเธอไม่ใช่คนไม่ดีแต่อย่างใด…
คำพูดของอาซาคุระ ทำให้คนอื่นที่อยู่รอบๆตัวมองมาที่พวกผมด้วยความอิจฉาเริ่มสงบลง…
หลังจากนั้นทุกคนก็จดจ่ออยู่กับการตัดสินใจเลือกเส้นทางท่องเที่ยว และเราก็สามารถพูดคุยปรึกษากันอย่างราบรื่น อาซาคุระเสนอแนะ ริโกะยิ้มและเห็นด้วยส่วนซาวะกับผมนั่งก็ฟังอย่างเงียบ ๆ และพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเร่งรีบ
บางทีริโกะก็คอยถามเราเป็นระยะๆว่า”ยังสบายดีไหม” ….
“จุดพักกินอาหารกลางวันของเราคือ Yamashita Park ใช่รึเปล่า..?”
“อึ้ม..ใช่แล้วล่ะ มีเพียงไม่กี่ที่ ที่เราจะสามารถกินข้าวกล่องได้”
ริโกะพยักหน้าตอบกลับคำพูดของอาซาคุระ
“..แต่ว่านะ..ชั้นจะทำข้าวกล่องเองได้เหรอ..ชั้นเองก็ทำอาหารไม่ค่อยเก่ง ส่วนทางพ่อแม่เองก็ทำงานทั้งคู่ด้วย บางทีอาจได้ไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ แต่มันน่าจะยุ่งยากเอาการเลย..”
“ใช่ๆ ชั้นก็เหมือนกัน!!”
ซาวะเข้าร่วมการสนทนาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ
“แต่ถ้าไม่ได้กินข้าวเที่ยงมันจะไม่เป็นอะไรที่เลวร้ายสุดๆเลยไม่ใช่เหรอ…? “
“อึ้มๆ ใช่ๆ เลวร้ายสุดๆไปเลย..”
“เห้อ…แต่มันก็ต้องยอมล่ะนะ…”
ซาวะ เขาดูประหม่ามากเวลาคุยกับสาว ๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาก็แค่พูดซ้ำคำพูดของอาซาคุระเท่านั้น ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน สงสัยว่านี่คือสิ่งที่คนอื่นประสบปัญหาเมื่อพูดคุยต่อหน้าริโกะรึเปล่า..
แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าต้องนำอาหารกลางวันมาเองในวันที่ไปทัศนศึกษา ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นขณะดูหัวข้อ”สิ่งที่ต้องเตรียม” ซึ่งพิมพ์อยู่ในเอกสารแจกไม่มีทางที่ผมจะนำอาหารกลางวันที่ริโกะทำมาได้ถ้าคนอื่นเห็นกล่องอาหารกลางวันแบบเดียว กันพวกเขาจะรู้ทันทีว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นมากกว่าเพื่อนสมัยเด็กแน่นอน !
เราไม่เคยทานอาหารกลางวันด้วยกันมาก่อน ผมเลยคิดว่าปล่อยให้ริโกะทำอาหารกลางวันให้คงจะไม่เป็นไร แต่คราวนี้มันไม่ได้ ผมจะต้องออกไปซื้อข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อเหมือนเมื่อก่อน…
หลังจากชินกับข้าวกล่องแสนอร่อยของริโกะแล้วต่อมรับรสของผมก็บอกว่าข้าวกล่องของร้านสะดวกซื้อนั้น เทียบไม่ติดเลย…
ช่วยไม่ได้….คงต้องซื้อข้าวกล่องเองล่ะนะ…
ในขณะที่ผมกำลังกังวลกับเรื่องนี้อยู่ ริโกะยกมือขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า—!
[ริโกะ]”…เอ่อ..คือว่าถ้าทุกคนไม่มีปัญหาอะไร…ฉันอยากจะอาสาเป็นคนทำข้าวกล่องให้ทุกคนเองค่ะ!”
[มินาโตะ]”..ห๊ะ!!”
[เรย์นะ]”….โอ้!! จริงเหรอริโกะ..ชั้นรักเธอ!❤️”
[ซาวะ]..”เห๋……!!!!”
ผมรู้สึกประหลาดใจกับการเสนอไอเดียของเธอมาก อาซาคุระยกมือขึ้นและตอบรับด้วยความยินดี ส่วนซาวะก็ดูเหมือนจะนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเก้าอี้ด้วยความดีใจ
เธอบอกว่าจะเตรียมข้าวกล่องสำหรับสี่คน….นั่นมันคงจะลำบากมากเลยล่ะนะ..
มันโอเคจริงๆเหรอ ผมเหลือบไปมองเธอด้วยสายตาที่ว่า”แน่ใจแล้วเหรอ?” ริโกะยิ้มน้อยๆตอบกลับมาว่า”เชื่อมือได้เลย!”โดยที่ยังไม่มีใครทันได้สังเกต
…มันคงจะมีความสุขมากที่ได้กินอาหารของริโกะในวันที่ไปเที่ยว
เมื่อหันกลับมามองซาวะ ตอนนี้เขานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและกำลังร้องไห้โฮด้วยความดีใจ ส่วนอาซาคุระคงจะดีใจไม่แพ้กันที่มีโอกาสได้กินอาหารฝีมือริโกะ เห็นแบบนั้นแล้วผมคงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปขัดขวางความสุขของพวกเขา เพราะปกติแล้ว…ผมก็กินอาหารที่ริโกะทำให้อยู่เสมอ….
วันนั้นผมเองก็คงต้องตื่นแต่เข้าเพื่อไปช่วยแบ่งเบาภาระงานของเธอหน่อยก็น่าจะดี….จริงสินะผมทำอาหารไม่เก่งเลย เมื่อจินตนาการว่าตัวเองยืนอยู่ในครัวทำอาการกับริโกะแล้วพบว่าความคิดด้านลบมันผุดขึ้นมาอย่างไม่ลดละเลย…
ไม่…มันไม่ควร…บางทีอาจเป็นภาระให้ตัวเธอเอง
แต่ก็อยากจะช่วยเธอให้มากที่สุด…สักนิดก็ยังดี..
[ริโกะ]”ถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษบอกฉันมาได้เลยนะคะ!”
[ซาวะ]”เอ๊ะ!…เอ่อ…เอาอะไรดีคิดไม่ออกแล้ว…โอ้!!!อย่างแรกขอเป็นไก่ทอดก่อนเลยครับ!!”
[เรย์นะ]”ส่วนชั้น อยากกินไข่เจียว”
[ริโกะ]”โอเค งั้นช่วยจดรายการใส่กระดาษแผ่นนี้มาให้หน่อยนะ…”
ขณะที่ อาซาคุระ กับ ซาวะกำลังเขียน รายการอาหารอย่างสนุกสนานอยู่นั้น ริโกะค่อยๆเอนตัวเข้ามาใกล้ผมแล้วพูดขึ้นมาเบาๆว่า…
“ฉันอยากให้คุณมินาโตะกินข้าวกล่องของฉันในวันไปทัศนะศึกษา อย่าบอกใครนะคะ ? “
“…!!.”
รู้สึกว่าตอนนี้หน้าผมกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสดด้วยคำพูดของเธอ…
มันเป็นอะไรที่รับไม่ได้จริงๆ ภรรยาของผมตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อให้ผมได้กินข้าวกล่องที่เเสนอร่อยของเธอ….
[จบ!!!!!] สำหรับตอนนี้หวังว่าจะยาวสะใจคนอ่านกันนะ5555 เจอกันตอนต่อไปบั้ยบายยยย~~~