พื้นที่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของโยโกฮาม่า ซึ่งหันหน้าไปทางอ่าวโตเกียวเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในช่วงต้นของสมัยเอโดะตอนปลาย และอาคารประวัติศาสตร์สไตล์ตะวันตกจำนวนมากยังคงมีอยู่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักเรียนในจังหวัดคานากาว่า
ได้ยินมาว่าพื้นที่นี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบสถาปัตยกรรมเช่นกัน ตัวอย่างเช่นอาคารรัฐบาลประจำจังหวัดคานางาวะ หอรำลึกการเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า และกรมศุลกากรโยโกฮาม่า เป็นที่รู้จักกันในนาม “หอคอยสามแห่งโยโกฮาม่า”
อย่างไรก็ตามนั่นคือขอบเขตทั้งหมดที่ผมพอจะรู้และพอศึกษาษามาบ้าง แต่ว่าความรู้แค่นี้ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจในสิ่งต่างๆลึกซึ้งในขณะเดินเที่ยวชมได้..มันก็คงจะเหมือนปีที่ผ่านๆมาที่เดินเที่ยวสถานที่ด้วยความงุนงง
อาคารเก่าแก่กับคนที่ไม่รู้ที่มา ไม่รู้ความสำคัญอะไรเลย..
ตอนนี้ริโกะได้ทำลายความคิดนั้นของผมไปโดยสิ้นเชิง
“อาคารหลังนี้สร้างขึ้นในปี 1931 ในฐานะสถานกงสุลอังกฤษและถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์การเปิดท่าเรือโยโกฮาม่ามาตั้งแต่ปี 1981”
ผมมองขึ้นไปอาคารสไตล์ตะวันตกที่มีผนังสีขาวน่าประทับใจ พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและผนังของอาคารก็ปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อย ที่ทางเข้าอาคารมีรูปปั้นหินของสิงโตอ้าปากทำให้ผมนึกถึงสมัยที่มันถูกใช้เป็นน้ำประปา นี่มันราวกับว่าผมได้เดินทางย้อนเวลาไปยังอีกมิติหนึ่งเลย…
“มองไปที่ด้านหลัง ทุกคนจะเห็นต้นทาบุโนกิใหญ่โตนี่ ต้นไม้ต้นนั้นถูกปลูกไว้ที่นี่ตั้งแต่ที่โยโกฮาม่ายังเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ และเล่าถึงการมาถึงของพลเรือจัตวาเพอร์รีของไฮเนอร์”
สุดยอดไปเลย…การที่ได้เดินเที่ยวกับทุกคนพร้อมกับมี มัคคุเทศก์สุดน่ารักคอยอธิบาย…
[มินาโตะ]โห..สุดยอดไปเลย!”
คำพูดนั้นหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัวหลังจากมองดูรอบๆ
[เรย์นะ]”มันน่าทึ่งมากเลย ริโกะ เธอรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง”
อาซาคุระจะพูดอย่างเดียวกันกับสิ่งที่ผมกำลัวคิดอยู่ตอนนี้ ซาวะที่ยืนอยู่ข้างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงทำได้แค่พยักหน้าตามคำพูด
[ริโกะ]”ฉันลองศึกษามาก่อนหน้านี้แล้วล่ะ เพราะคุณมินาโตะบอกฉันว่า ‘ไหนๆก็มาทัศนะศึกษาด้วยกันทั้งที มันคงจะไม่ดีถ้าเรามาเที่ยวโดยที่ไม่สนุก’ “
[ซาวะ]”เดี๋ยวก่อนนะมินาโตะ!!!! ม..เมื่อกี้คุณฮานาเอะเรียกชื่อต้นของนายด้วย!!!
ผมสะดุ้งตกใจกับกับพูดที่ออกมาจากปากของซาวะ ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี เพราะซาวะเริ่มมีท่าทีสงสัยเล็กน้อยกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาของผม
—ไม่นะ…
ริโกะดูเหมือนเธอจะรู้สึกตัวแล้วว่าเธอพูดอะไรที่ไม่ควรลงไป เธอมองมาที่ผม ทำหน้าซีดเผือดเหมือนกับคนที่หมดหวังและส่งสายตาบ่งบอกว่า”ขอโทษ”กลับมา
ตอนนี้มีแต่คงต้องพูดแก้ปัญหาออกไปเพื่อทำให้ริโกะหายรู้สึกผิดสินะ….
[มินาโตะ]”เอ่อ…ก็พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันนี่หน่า มันคงไม่เป็นไรหรอกใช่มั้ย…. แหะๆ..(ยิ้มแห้งๆ)”
[ซาวะ]”อึมมจะว่าไป…นั่นมันก็ใช่ ขอโทษด้วยนะที่สงสัยอะไรแปลกๆไป ฮะฮะ..”
ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาแล้ว เห็นว่าการแสดงออกที่น่าสงสัยของซาวะค่อยๆหายไป…
[เรย์นะ]ไอ้ต้นไม้มหึมานี่ มันมีอายุยาวนานจนมาถึงตอนนี้ได้ มันสุดยอดจริงๆเลยว่ามั้ยทุกคน”
[มินาโตะ]”โอ้!! เห็นด้วยกับคุณอาซาคุระเลย”
[ซาวะ]”ใช่ๆ ผมเห็นด้วย!”
นั่นเป็นเพียงคำพูดซ้ำๆของซาวะ ต้องขอขอบคุณ อาซาคุระ ที่เธอเบี่ยงเบนประเด็นการสนทนากลับไปที่ต้นไม้และอาคารเก่าเเก่เหมือนเดิมได้..
[เรย์นะ]” นี่..ริโกะชั้นขอบคุณเธอมากๆเลยนะที่ คอยอธิบายสิ่งต่างๆให้ฟังมันสนุกมากๆเลยล่ะ ชั้นรักเธอที่สุดเลยริโกะ!!!!!”(พร้อมกับกระโจนเข้าไปกอดทั้งน้ำตา)
[ริโกะ]”อะ..อึ้มทางนี้ก็ดีใจเหมือนกันที่ได้ยินแบบนั้น…แต่ว่านี่..เรย์จังเธอจะกอดแน่นเกินไปแล้วนะ..โธ่..~”
ตอนนี้ริโกะดูน่ารักมาก ไม่ใช่แค่ผมอาซาคุระเองก็หน้าแดงเพราะความน่ารักของริโกะด้วย…
สิ่งล้ำค่าและสวยงามสามารถมอบความสุขได้โดยไม่คำนึงถึงเพศเลยจริงๆ…
หลังจากนั้น ริโกะ ก็ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์น้อยของพวกเราตลอดทั้งวัน และเราสามารถใช้เวลาเที่ยวดูสิ่งต่างๆได้อย่างเพลิดเพลิน…
[ริโกะ]”งั้น..เดียวฉันจะพาทุกคนไปดูคัสตอมคุง”
[เรย์นะ]”คัสตอมคุงนี่มันคืออะไรเหรอ…ไม่เห็นเคยได้ยินเลย”
[ริโกะ]”มู่~~ไม่บอก…รอถึงที่นั่นก่อนนะ”
เธอเดินนำหน้าพาพวกเราเที่ยวพิพิธภัณฑ์อย่างมีความสุข ทุกย่างก้าวของเธอดูมีชีวิตชีวา….
เป็นไปได้มั้ยว่าตอนนี้ริโกะกำลังตื่นเต้นอยู่…มันน่ารักมากซะจนทำให้ผมหยุดหน้าแดงไม่ได้เลย..
จบ….ถึงจะดูน้อยๆบอกเลยยากมากกกกก!!!!
เห็นแล้วท้อเลย555 อ่านจบคอมเม้นท์กันได้น้า~~