…หนึ่งวันหลังจากทัศนะศึกษา ชีวิตประจำวันกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง…แต่มันต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราเดินผ่านกัน เธอแอบโบกมือให้ผมอย่างลับๆ บางทีก็แอบยิ้มให้เมื่อเราสบตากัน
เราไม่ได้คุยกันในช่วงพักหรือเดินกลับจากโรงเรียน แต่เพียงแค่การติดต่อเล็กๆ น้อยๆมันก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผมไม่รู้ว่าริโกะคิดแบบเดียวกันรึเปล่า
===
ในคืนนั้น…ผมดูภาพยนตร์สองเรื่องติดกัน เป็นเรื่องที่ดาวน์โหลดไว้ดูเมื่อก่อนหน้านี้
ผมนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พอเวลาผ่านไปสักประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้วความง่วงก็เริ่มเข้าปกคลุมไปทั่วร่างกาย
การที่จะลุกออกไปที่ห้องนอนมันเป็นเรื่องที่ลำบากมากสำหรับผมในตอนนี้ สิ่งต่างๆรอบตัวเริ่มค่อยๆพร่ามัว แล้วผมก็ค่อยๆผลอยหลับไปในที่สุด….
—ขณะนอนหลับ ในฝันผมรู้สึกมีความสุขอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ
มีใครบ้างที่สามารถรับรู้ตั้งแต่แรกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในพวังแห่งความฝัน
ผมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มันรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรอุ่นๆอยู่ข้างๆ
ใช่แล้ว…
ความรู้สึกนี้ผมเคยสัมผัสมาก่อน เป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่ริโกะคลานขึ้นไปนอนบนเตียงของผมเมื่อครั้งวันฝนฟ้าคะนอง
จะเป็นไปได้ไหมว่าริโกะจะเห็นว่าผมนอนอยู่บนโซฟา และเธอเอนตัวมาพิงข้างๆด้วยร่างกายที่อบอุ่น
ผมไม่สามารถมั่นใจกับสิ่งนี้ได้เลย
ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงได้ มันคงเกิดแค่ความฝันของผมเท่านั้น
ถ้ามันเป็นแบบนี้จริงๆ ไม่อยากตื่นเลย….
ไม่ใช่ทุกวันที่จะฝันแบบมีความสุขอย่างนี้..
ขณะที่ผมกำลังยึดมั่นในความคิดแบบนั้น ริโกะที่อยู่ข้างๆกระซิบขึ้นมาว่า..
“คุณมินาโตะ…หลับอยู่รึเปล่าคะ..?”
“….”
“ฉันขอโทษที่เข้ามาอยู่ข้างๆคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต…ฉันรู้ว่ามันไม่ควร…แต่ว่าเมื่อคุณตื่นขึ้น ฉันทำแบบนี้ไม่ได้…”
“….”
“ถึงฉันจะแต่งงานกับคุณมินาโตะ อาศัยอยู่กับคุณ เป็นภรรยาของคุณ แม้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันจะเป็นเพียงแค่การเสแสร้ง มันควรจะเพียงพอแล้ว…แต่สำหรับฉันในตอนนี้ไม่ใช่…”
“….”
“ฉันอยากคุยกับคุณมินาโตะมากขึ้นในโรงเรียน…อยากจะบอก….ความรู้สึกที่มีต่อคุณ”
“ฉันมันเป็นคนงี่เง่าที่สุดเลย”
ริโกะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกดีและมีความสุขเป็นอย่างมาก
ต่อให้ตาย ก็ไม่อยากจะตื่นจากความฝันนี้เลย
จากนั้นริโกะที่พิงอยู่ข้างๆลุกตัวออกไป
เดี๋ยวก่อน…
ได้โปรดอย่าพึ่งไปเลยนะ…
นี่เป็นความคิดของผม แต่ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว ความอบอุ่นที่อยู่ข้างๆหายไปพร้อมกับคำพูดที่อ่อนโยน
สุดท้ายสิ่งที่ได้ยินคือเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆเดินจากไป
—ผมลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และมองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นมีผมอยู่คนเดียว ภาพยนตร์ที่เปิดไว้ตั้งแต่แรกตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงท้ายของเรื่องแล้ว
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องที่อยู่ห่างออกไป
ริโกะ….?
“เมื่อกี้เป็นฝันหรอกเหรอ..?”
ผมพึมพำกับตัวเองพร้อมจ้องไปที่ประตูโถงทางเดิน
แน่นอนมันคงจะเป็นอย่างนั้น
ริโกะคงไม่พูดอะไรแบบนี้แน่นอน
แต่…
ความหวังเล็กๆที่อยากให้มันเป็นจริงกับความมีเหตุผลกำลังโต้เถียงกันอยู่ในหัวของผม
===
เช้าวันรุ่งขึ้นความรู้สึกคลุมเครืออยู่ในใจมันยังคงไม่หายไป
มันเป็นความฝันเหรอ…?
คำถามนี้ผุดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าผมถามริโกะออกไปทุกอย่างก็จบ
มันคงจะน่าอายมากถ้าเป็นความฝัน
ผมมั่นใจกว่า99%ในเรื่องนี้
แล้วถ้า…มันเป็น1%ที่เหลือล่ะ…?
โอ้ว..ไม่…ไม่…ไม่…ไม่..ไม่!! มันเป็นไปไม่ได้
นึกภาพที่ริโกะจะมาชอบคนอย่างผมไม่ออกเลย แต่ความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ถูกทำให้สมองหยุดคิดไปชั่วขณะ
มันเป็นอุปสรรคมากเกินไปสำหรับ1%ที่ริโกะอาจชอบผม
ควรจะทำยังไงดี สำหรับตอนนี้…
เดาว่าควรจะปล่อยเรื่องนี้ไปแล้วคิดซะว่า”มันเป็นความฝันที่ดีใช่ย่อยเลย”
ถ้าเป็นผมปกติคงไม่สนใจและปล่อยผ่านไปตาม สถานการณ์เลย
ผมนี่มันงี่เง่าจริงๆเลย ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง…
ไม่…ผมคิดว่าผมรู้แล้ว
“—คุณมินาโตะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ…”
ริโกะเอ่ยปากถามขณะเรายืนแปรงฟันข้างๆกันในห้องน้ำหน้ากระจก
แล้วก็…
“คุณริโกะ เมื่อคืนได้มาที่ห้องนั่งเล่นรึเปล่าครับ”
รู้สึกตัวอีกทีพบว่าปากของผมมันขยับไปโดยอัตโนมัติแล้ว….
จบ!!!!
…อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงคอมเมนต์พูดคุยกันได้น้าาาา~~