ย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้านี้สักนิดเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านตอนนี้มากขึ้น!
—…กลางดึกเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น สรุปเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่
เมื่อผมถาม ริโกะมองมาครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอสั่นเทาแล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
“…ไม่มีอะไรค่ะ”
“เอ๋…”
ตอนนี้ผมรู้สึกกลัวมาก เพราะไม่คิดว่าริโกะเธอจะตอบว่า”ไม่มีอะไร” ควรจะทำยังไงดีล่ะตอนนี้ เมื่อคืนรู้สึกเหมือนว่าเธอมานั่งพิงอยู่ข้างๆจริงๆ แต่ผมก็บอกไม่ได้ว่านี่เป็นเรื่องจริงรึเปล่า…
ถ้าเกิดว่า..ผมบอกเธอไปเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วมันเกิดเป็นความฝันจริงๆล่ะก็.. ริโกะคงจะคิดว่า”ฉันคงจะไปทำอะไรแปลกในฝันของคุณสินะคะ”
…ผมมันคนงี่เง่าจริงๆ
นี่มันไม่ใช่คำถามที่ควรจะถามออกไปแต่แรกเลย
ความรู้สึกของผมมันตรงไปตรงมาจนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
ไม่เคยห่วงความรู้สึกของใครมากขนาดนี้มาก่อนเลย…
นี่ผมชอบริโกะมาตั้งแต่แรกเลยงั้นเหรอ—?
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกของ ซาวะที่มีต่อริโกะและความรู้สึกของผมตอนนี้ ทั้งสองสิ่งแตกต่างกันยังไง
ไม่ว่าจะคิดยังไง ผมควรจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองก่อนแทนที่จะห่วงความรู้สึกของริโกะ
“..อ่า…ไม่มีอะไรหรอก ช่วยลืมๆเรื่องที่ผมถามไปก่อนหน้านี้ด้วยครับ!”
“ร…เรื่องนั้น—”
“ผมขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆออกไป”
เมื่อกล่าวขอโทษเกี่ยวกับความสะเพร่าของผมแล้ว ริโกะมองกลับมาราวกับว่าจะพูดอะไรบางอย่าง และรีบหันหน้ากลับไปพร้อมพึมพำกับตัวเองว่า”เข้าใจแล้วค่ะ”
===
—ช่วงพักกลางวัน
ผมนั่งอ่านข่าวนิตยสารภาพยนตร์ตามปกติ…
“นิยามะ..ผมขอคุยด้วยหน่อยได้รึเปล่า”
“เอ๊ะ!”
ฮิโรเสะ มิทสึกิ เดินเข้ามาคุยกับผม
เขาเป็นสมาชิกที่สดใสหน้าตาดีของชมรมดนตรี และยังเป็นนักเรียนดีเด่นลำดับต้นๆของโรงเรียนอีกด้วย
ผมมองเขาด้วยความประหลาดใจ เราสองคนไม่เคยคุยอะไรเป็นการส่วนตัวมาก่อน
ฮิโรเสะ ต้องการอะไรกันแน่….
“ช่วยเอาสิ่งนี้ไปให้ คุณฮานาเอะได้รึเปล่า..”
เขายื่นกระดาษแผ่นเล็กๆที่เหมือนจะเขียนข้อความอะไรบางอย่างไว้มาให้
“ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ..?”
“เพราะว่านิยามะ กับคุณ ฮานาเอะ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันใช่มั้ยล่ะ”
ใช่แล้ว…
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราตกลงกันไว้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ….
“มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเอาไปให้คุณอาซาคุระแทนน่ะ..”
“นั่นแหละครับปัญหา…อาซาคุระเธอปฏิเสธและบอกแค่ว่า’อย่างน้อยก็ควรจะสารภาพรักกับริโกะโดยตรง’ “
ผมพยักหน้าพร้อมกับเห็นด้วย ถึงมันจะเป็นคำตอบแสนธรรมดาจากอาซาคุระ
เดี๋ยวก่อนนะ….นั่นคือสิ่งที่เขียนอยู่ในกระดาษใบนี้เหรอ?
ให้ตายเถอะ…ผมไม่อยากจะรับมันไว้เลย…
“แล้วทำไมไม่ทำตามคำแนะนำของคุณอาซาคุระล่ะครับ”
“คุณฮานาเอะ ระวังตัวและห่างเหินจากผู้ชายอย่างมากในการพูดคุย และเธอก็คงจะปฏิเสธทันทีหากนัดไปเจอกันแบบสองต่อสอง”
“..อึม”
ไม่แปลกใจที่จะปฏิเสธ เพราะว่าริโกะถูกเรียกตัวมาสารภาพรักนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เข้าโรงเรียนมา
มันคงจะลำบากน่าดูเลย…
“ยังไงก็เถอะ…ขอบคุณนะ”
“…ด…เดี๋ยวก่อน!!”
—ผมถูกบังคับ…
ตอนนี้กระดาษแผ่นนั้นอยู่ในมือของผม มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากต้องมอบมันให้ริโกะ
เป็นเรื่องที่น่าเศร้า…
จนถึงตอนนี้ ริโกะยังคงปฏิเสธทุกคำสารภาพเสมอ ไม่ว่าคนคนนั้นจะหน้าตาดีก็ตาม
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่มีอะไรมารับประกันความเป็นไปได้
===
ปกติหลังจากทำงานพาร์ทไทม์เสร็จแล้วผมจะรีบมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาริโกะทันที แต่วันนี้รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงจะเดินต่อ ร่างกายหนักอึ้ง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้อความที่ได้รับมาจาก ฮิโรเสะ ตอนนี้สภาพคงจะดูเหมือนคนกำลังจะตาย
…มาถึงหน้าห้องแล้ว ริโกะเปิดประตูต้อนรับพร้อมกับคำพูดที่แสนหวานเหมือนทุกที
“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ!…เอ๊ะ..เกิดอะไรขึ้น คุณมินาโตะ สบายดีรึเปล่าคะ?”
“ไม่เป็นไร.. ผมสบายดี..”
การที่เก็บไว้กับตัวนั้นมีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวดเรื่อยๆเท่านั้น
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบกระดาษแผ่นเล็กๆที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา
“อ่ะนี่….ของคุณ”
“….?”
เธอหยิบกระดาษแผ่นนั้นไปและรีบเปิดดูด้วยความสงสัย ทันทีหลังจากนั้นสีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงสด แล้วจ้องกับมาพร้อมน้ำตาแห่งความปลื้มปิติในดวงตาของเธอ
ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง..?
ริโกะเธอ ยอมรับฮิโรเสะ รึเปล่า
“คุณมินาโตะ…กระดาษแผ่นนี้เป็นของคุณเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ของผมหรอกครับ มีคนฝากมาให้เมื่อช่วงพักกลางวันนี้น่ะ”
“… … …ใคร? “
“ฮิโรเสะ มิทสึกิ…”
“…คุณมินาโตะขอโทษนะคะ…”
“ริโกะ คุณเป็นอะไรไป”
“ฉันรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะคะ ได้โปรดคืนมันให้เขาด้วย”
ฮิโรเสะถูกปฏิเสธ มันไม่สมควรเลย แต่ผมกลับโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ดีใจแทบจะกระโดดออกมาเลย
“ตกลง……..—แต่ว่านะคุณริโกะ ทำไมถึงปฏิเสธคำสารภาพรักของทุกคนอยู่เรื่อยเลยล่ะครับ”
มันเป็นคำถามง่ายๆ ผมไม่แน่ใจทำไมเธอถึงดูไม่พอใจและอู้อี้อยู่เล็กน้อย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ริโกะทำหน้าบึ้ง จากนั้นเหลือบมองมาพร้อมพูดขึ้นว่า..
“ฉัน…มีคนที่รักตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ…”
เอ่า..จบแล้ว~~~