###เอาล่ะทุกคน ขอขอบคุณจากใจจริงที่อยู่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้
—หลังจากที่เนื้อเรื่องมันค่อนค่างเบื่อพอสมควรที่ผ่านๆมาต่อจากนี้มันจะเริ่มมีความน่าตื่นเต้นระทึกขวัญ(อันที่จริงก็ไม่ขนาดนั้น)ขึ้นมาจากแต่ก่อน นิยายรอมคอมส่วนใหญ่ที่อ่านมาช่วงต้นๆมันก็จะน่าเบื่อใช่ไหม(อันนี้ไม่แน่ใจ) ตอนนี้มันผ่านช่วงนั้นมาเเล้ว รอลุ้นกันยาวๆได้เลย “:))) อย่าพี่งเบื่อกันน้าา
ริโกะไม่ค่อยเก่งเรื่องฟ้าร้องและมักนอนไม่หลับคนเดียว เธอจะคลานขึ้นไปนอนบนเตียงของผมในการนอนหลับหรือไม่ก็ให้ผมอยู่ในห้องนอนของเธอ
หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้สองสามครั้งเราได้พูดคุยกันและตกลงกัน
—ในคืนวันฝนฟ้าคะนอง เราจะนอนด้วยกันในห้องนั่งเล่นที่มีฟูกปูไว้ข้างๆกัน
ถ้าเธอกลัวผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคลายความกังวลของเธอ
ครั้งนั้นผมเสนอแนวคิดออกไปว่าให้เรานอนด้วยกัน และริโกะก็ตอบตกลงในทันที
เดาว่าเธอคงกลัวฝนฟ้าคะนองจริงๆแหละ
แต่ก็ไม่เป็นไร…
ตั้งแต่ที่ผมเริ่มอาศัยอยู่กับเธอ ผมมั่นใจในระดับหนึ่งว่าเหตุผลและการควบคุมอารมณ์ของตัวเองนั้นแข็งแกร่ง
ครั้งนี้ผมจะไม่ทรยศในความไว้วางใจที่ริโกะมีต่อผมอย่างแน่นอน
จะเป็นคนที่น่าเชื่อถือ พึ่งพาได้ และมีคุณค่าในสายตาเธอ
แม้ว่าผมจะได้ตัดสินใจแบบนั่นไปแล้ว ท้องฟ้าก็ยังคงสงบสุขตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงแม้ว่าฝนจะตก แต่ไม่มีฟ้าร้อง
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปเรื่อยๆแล้วก่อนที่จะรู้ตัวมันกำลังเข้าสู่ช่วงต้นฤดูร้อนแล้ว
ผมตกใจมากที่ได้ยินพยากรณ์อากาศทางทีวีในตอนเช้าวันนั้น
และก่อนที่ผมจะรู้กาแฟที่ถืออยู่ในมือก็หกด้วยความหวุดหวิด
“โอ๊ะ…คุณมินาโตะ อยู่นิ่งๆนะคะเดี๋ยวฉันจะไปเอาผ้ามาเช็ดให้”
ริโกะรีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับถือผ้าสะอาดแล้วค่อยๆเช็ดคราบกาแฟออกจากเครื่องแบบผมอย่างระมัดระวัง
“ผมขอโทษ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดูเหมือนเครื่องแบบจะไม่เป็นอะไรมากยังพอเช็ดออกได้อยู่”
ผมรู้สึกค่อยๆเขินขึ้นมาเรื่อยๆเพราะความน่ารักไร้เดียงสาของริโกะ
“ที่สำคัญกว่านั้น คุณริโกะครับดูพยากรณ์อากาศนี่สิ”
“เอ๊ะ..”
ริโกะมองไปทางหน้าจอทีวีที่ผมชีไป
“…ในที่สุด..แบบนั้นแหละ”
เธอบ่นพึมพำกับตัวเองโดยที่ไม่ให้ผมได้ยิน
“มันคงจะลำบากคุณมากๆเลยนะครับ”
“เอ..เอ๊ะ!!!ไม่เลย..เอ่อ.. ใช่ค่ะๆ มันลำบากมากเลย”
“คุณริโกะกลัวฟ้าร้องใช่มั้ย….?”
“แหะๆ ขอโทษทีพอดีพึ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันกลัวฟ้าร้อง”
“…?..”
“อึม..แต่ยังไงก็เถอะคุณมินาโตะคะสิ่งที่คุณแนะนำก่อนหน้านี้ รบกวนด้วยนะคะ”
ผมรู้ทันทีเลยว่าเรากำลังพูดถึงการนอนด้วยกัน แต่ทว่าเราทั้งสองนั้นอายเกินกว่าจะใช้คำพูดออกมาตรงๆได้ ดังนั้นเราจึงพูดคุยกันโดยใช้คำคุมเครือเท่านั้น
“อ้อ..แบบนั้นสินะครับ ผมรู้คุณหมายถึงอะไร ก็อย่างที่ผมพูดละครับ ตราบไดที่คุณไม่รังเกียจผมก็โอเคกับมัน”
“ถ…ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะคะ”
“ทางนี้ก็เช่นกับครับ..บ”
เราโค้งให้กันอย่างงุ่มง่ามและเดินแยกออกจากกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าสบตากัน
===
วันนี้ผมทั้งวันผมไม่สามารถมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเรียนได้เลย
“เน่…มินาโนะ วันนี้นายดูกระสับกระส่ายกว่าปกตินะรู้ม้าย~~”
[ขอให้ซาวะเรียกมินาโตะนะ คนแปลสับสน]
“เอ๊ะ..!! อะไรนะ”
เมื่อผมถามกลับไปซาวะยักไหล่ถอนหายใจ”เฮ้อ..”ราวกับผิดหวัง
“นี่…เลิกเรียนแล้วนะ..”
“โอ้..จริงด้วย!”
ซาวะมองลงมาที่ผมขณะที่ผมกำลังเตรียมหนังสือกลับบ้านและถอนหายใจอีกครั้ง
“วันนี้นายดูเหม่อๆนะมินาโตะ”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ…”
“หรือว่านั่น นายกำลังคิดถึงเรื่องคุณฮานาเอะอยู่รึเปล่า!!?”
ผมสะดุ้งขึ้นตกใจที่จู่ๆซาวะก็พูดถึงเรื่องริโกะขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน คุณฮานาเอะ? หมายความว่ายังไง?”
“นายหลอกชั้นไม่ได้หรอก ชั้นมองนายออกหมดนั่นแหละน่า แต่ว่านะฉันไม่คิดว่านายจะปิดบังเรื่องแบบนี้ชั้นคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะรู้มั้ย ฮึฮึ…”
“……”
กำลังปิดบัง…
ซาวะรู้อะไรบ้าง?
“มันค่อนค่างชัดเจนนะว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะรู้สึกแย่ที่โดนผู้หญิงน่ารักสุดๆชอบ”
เอ๊….
“เดี๋ยวก่อน มันหมายความว่าไง เธอชอบชั้นเหรอ”
“ก็บอกแล้วไง…ไม่ต้องมาเนียน”
“ไม่ๆ ชั้นไม่รู้จริงๆตอนนี้นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่”
พอผมพูดออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง ซาวะที่กำลังยิ้มเยาะอยู่ก็หยุดหัวเราทันที
ผมถามเขาออกไปอีกครั้ง
“มันหมายความว่ายังไง?..”
“เฮ้อ..นายนี่นะ….คุณฮานาเอะกำลังสนใจในตัวนายอยู่ นิยามะ มินาโตะ!!”
“ห๊าาาาาาาาาาาา!!!!”
โดยปกติในชั้นเรียนผมจะไม่เอะอะเสียงดังและไม่ค่อยสร้างความเป็นจุดสนใจ
แต่ตอนนี้แม้แต่ผมที่เคยทำแบบนั้นประจำ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลงออกมา…
จบแล้ว!!! จากนี้ก็ลุ้นต่อไปกันยาวๆ~~