—สามวันต่อมาหลังจากที่ผมกับริโกะประกาศตัวว่าเป็นแฟนกัน
ฝนที่สงบลงไปนานก็เริ่มมีตกลงมาบ้างเหนือเมืองคามาคุระ(ที่ทั้งสองคนอยู่นั่นแหละ) และภูมิภาคคันโตปีนี้เข้าสู่ฤดูฝนเร็วกว่าปกติ
ผมคิดว่าหลายคนคงไม่ชอบหน้าฝน
แน่นอน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
ระหว่างทางกลับบ้านจากงานพาร์ทไทม์ ผมวิ่งผ่าฝนที่ตกลงมา เมื่อเดินเข้าไปที่ประตูหน้าบ้านที่ริโกะเปิดให้
เอ๋ะ…
อากาศรอบตัวมัน…รู้สึกสบายขึ้น
“หึม..”
มันคืออะไร..?
ความอึดอัดรอบตัวมันหายไป…?
“คุณมินาโตะคะ…มีอะไรผิดปกติรึเปล่าคะ”
“เอ่อ…ไม่มีอะไรครับ”
ผมนึกไม่ออกว่ามันรู้สึกแปลกๆอย่างไรจึงรีบส่ายหัว ริโกะเอียงศรีษะเล็กน้อยด้วยความสงสัยแล้วเดินตามผมไปโถงทางเดินตามปกติ
-ถึงห้องนั่งเล่น ที่ซึ่งกลินหอมของอาหารอร่อยลอยมาในอากาศ ผมหยุดดูโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะห้องนั่งเล่น
คงเป็นโทรศัพท์ของริโกะที่วางทิ้งไว้ก่อนไปรับผมเข้ามา
หน้าจอยังคงสว่างแสดงให้เห็นแอพลิเคชั่น”ปฏิทิน”อยู่ในนั้น
ฮะ..ริโกะดูปฏิทินอีกแล้วเหรอ..
มีหลายครั้งเธอชอบตรวจสอบแอพปฏิทินบนโทรศัพท์ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง
ปกติแล้วผมไม่สนใจเรื่องวันที่อะไรพวกนี้ แต่เมื่อโทรศัพท์ที่ริโกะเปิดทิ้งไว้ทุกครั้งจะมีปฏิทินปรากฏอยู่บนหน้าจอเสมอ
ผมสงสัยว่าเธอมีแผนสำคัญบางอย่างรึเปล่า…
ขณะมี่ผมมองดูริโกะพลางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เธอยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านออกมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก
“ฉันพึ่งตรวจสอบพยากรณ์อากาศ และดูเหมือนว่าช่วงนี้ฝนจะตกหน่อยๆนะคะ”
แล้วเธอก็มองกลับมาที่ผมด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆพรุ่งนี้ในคาบพละก็ต้องเรียนในโรงยิมแทนสินะครับ”
“แบบนั้นมันคงจะดีไม่เบาเลย ฮิฮิ..”
“เอ๋…คุณริโกะมีความสุขอะไร..?”
“ฉันจะได้เห็นคุณมินาโตะเรียนพละอยู่ที่โรงยิม..”
“ห๋า…อะไรนะ”
ริโกะพูดออกมาอย่างอุกอาจ ซึ่งมันทำให้ผมตกใจและร้องออกมา
“ผมไม่ใช่คนประเภทที่ชอบเล่นกีฬาสักหน่อยครับ คุณริโกะไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาสนใจเลย..!”
“ไม่ค่ะ…ฉันจะคอยดูคุณมินาโตะตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงทำอะไรที่ไหน…รู้มั้ยคะ..”
“……?”
ริโกะหลับตาลงด้วยความเขินอายกับคำพูดหยอกล้อของเธอเอง
ผมควรจะทำยังไงต่อดี…
เมื่อผมนิ่งและหมดคำตอบริโกะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“ฉันเองชอบเวลาฝนตกนะคะ แต่ว่าถ้ามันมีลมฉันก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่…”
เธอมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งพร้อมพึมพำกับตัวเองพร้อมกับถอนหายใจ
“ไม่โอเคนี่หมายความว่ายังไงเหรอครับ..”
ริโกะปิดหน้าต่างไว้เหมือนเดิมและเดินเข้ามาหาผมพร้อมถามอย่างลังเล
“ถ้าคุณมินาโตะไม่มีปัญหาอะไร…ฉันขอเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ามาในห้องอีกสักอย่างจะเป็นอะไรมั้ยคะ”
“ทางนี้ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ และอีกอย่างนะคุณไม่จำเป็นต้อขออนุญาติจากผมก็ได้เพราะนี่ก็คือบ้านของคุณริโกะด้วยเหมือนกัน”
“เอ๊ะ..! ใช่…บ้านของฉัน..กับคุณมินาโตะ อึมๆ”
แก้มของริโกะแดงเปล่งดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความสุข ในขณะที่ผมไม่รู้ว่าทำไมใบหน้าของเธอถึงเปลี่ยนเป็นสีแดง ทำได้แค่เพียงทึ่งกับการแสดงออกของเธอ….
“คุณ มิ นา โตะ คะ”
“โอ๊ะ..ขอโทษที ผมเหม่อไปหน่อย ว่าแต่คุณต้องการเพิ่มเครื่องอีเล็กทรอนิกส์อะไรเหรอครับ..?”
“อึม…ฉันอยากได้เครื่องหมุนเวียนค่ะ..”
“เครื่องหมุนเวียน…เหมือนพัดลมน่ะเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ! แต่ไม่เหมือนพัดลมตรงที่ส่งลมทำให้อากาศภายในห้องไหลเวียนได้ง่ายเวลามีลมพัดมาสามารถความชื้นในห้องได้ เพียงแค่เปิดหน้าต่าง ดังนั้นฉันจึงคิดเสมอว่าคงจะดีถ้ามีเครื่องหมุนเวียนในสถานการณ์แบบนี้สักชั้นมันคงจะดี…”
มันเป็นเรื่องที่ดีเลย…ผมจึงตอบตกลงไป
แต่…ช่วงฤดูฝนปีนี้มัน…รู้สึกสบายตัวกว่าปกติ นี่คือความรู้สึกจริงๆที่ผมพึ่งนึกออกตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี้
ไม่รู้สึกอับชื้นเลย
“คุณริโกะครับ เป็นไปได้มั้ยที่คุณจัดการกับความชื้นด้วยอะไรบางอย่างในห้องนั่งเล่น พอดีผมพึ่งนึกออกว่าตั้งแต่เดินเข้ามาอากาศภายในนี้เบาสบายกว่าที่ผ่านๆมา”
ริโกะพยักหน้าทันที
“ใช่ค่ะ คุณมินาโตะมาดูนี่สิคะ”
ผมเดินตามเธอที่กวักมือเรียกผมอย่างมีความสุข มุ่งหน้าเดินเข้าประตู
“ฉันซ่อนความลับบางอย่างไว้ตรงนี้….”
ริโกะดึงกล่องพลาสติออกมาจากด้านหลังกล่องรองเท้าด้วยท่าทางภูมิใจเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอ
“หนังสือพิมพ์และถ่านไม้ไผ่ช่วยในการดูดซับความชื้นได้ดี ดั้งนั้นฉันจึงตั้งสิ่งนี้ไว้ทั่วห้องเลย ไม่ใช่แค่ห้องนี้ห้องเดียวนะคะ มีทุกห้องแล้วก็ทุกที่เลย”
“ผมไม่ทันได้สังเกตเลยนะเนี่ย….”
ที่จริงถ้าผมคิดดีๆอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ห้องนั่งเล่นและทางเข้าเท่านั้น แม้แต่ตอนที่ผมอยู่ในห้องครัวหรือตอนเปลี่ยนเสื้อผ้ามันก็ไม่รู้สึกถึงความอับชื้นเหมือนทุกทีในช่วงฤดูฝน
“แล้วพวกผ้าปูที่นอนนี่ล่ะครับจะทำยังไงดี..”
“อ้อ..มีสิ่งที่เรีกว่าเสื่อลดความขื้นใต้ฟูกของฉันค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าในขณะที่ผมไม่รู้อะไร ริโกะได้สร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายสำหรับผมในหลายๆด้าน
“คุณริโกะครับขอโทษนะ ผมไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเลย ขอบคุณนะที่ทำให้ฤดูฝนปีนี้แตกต่างไปจากเดิม..”
“จริงๆเหรอคะ….ฉันดีใจมากเลยที่ทำให้คุณมินาโตะมีความสุข!..ฮิฮิ”
มันต้องพูดออกไปให้ได้ ว่ารู้สึกประทับใจกับความใส่ใจสุขภาพมากเกินไปของริโกะ
“ครั้งหนึ่งผมเคยเกลียดฤดูฝน ตอนนี้ผมคิดว่าเริ่มชอบขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะครับ”
ส่วนตัวผมคิดแบบนั้นจริงๆ บางทีสิ่งที่ผมพูออกมามันอาจดูเกินจริงไปหน่อย ถึงจะน่าอายมาก แต่ผมไม่ได้เสียใจที่ได้พูดออกไปเพราะรอยยิ้มของเธอนั้นสดใสราวกับดอกไม้
“อ้อ….พัดลมหมุนเวียนละก็…ผมจะลองหาดูให้นะ”
ถ้าราคาปกติอย่างน้อยก็20,000เยน จำนวนนี้ไม่ได้เยอะมาก เงินที่ได้จากงานพาร์ทไทม์ยังพอจ่ายไหว
“ถ้าเรื่องเงินล่ะก็…ฉันจะเป็นคนจ่ายเองค่ะ!!”
“แต่ว่าคุณริโกะไม่ได้…”
“ฉันเตรียมพร้อมทุกอย่างสำหรับโอกาสนี้แล้วค่ะ”
“เตรียมพร้อม….เหรอ”
“รอสักครู่…!”
ริโกะวิ่งไปตามทางเดินและหายเข้าไปในห้องตัวเอง
สักพักผ่านไปประมาณสองสามนาทีเธอกลับมาพร้อมยื่นสมุดเงินฝากมาให้ผมดู
“นี่..คุณมินาโตะคะดูนี่สิ”
“…?”
ด้วยความงงงวยผมหยิบสมุดเงินฝากของเธอขึ้นมาดู ทันทีที่ผมเห็นตัวเลขอยู่บนหน้ากระดาษก็ร้องออกมาโดยไม่ตั้งตัว
“เงินเท่าไหร่เนี่ย!!!”
มีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ในนั้นซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมากผมไม่เคยเห็นมาก่อน