—คืนวันนี้ ขณะที่ผมกำลังสนทนาทางวีดีโอกับพ่อแม่ของริโกะ หลังจากนั้นหัวข้อในวัยเด็กของริโกะก็ปรากฏขึ้นในการสนทนา
“เธอเป็นผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งเธออายุห้าขวบนั่น อาจเป็นสาเหตุที่ทําให้เธอมีปัญหาในการปรับตัวเข้าอนุบาลในญี่ปุ่น ใช่แล้วล่ะมินาโตะ ทุกวันเธอจะ เขียนสมุดจดสมัยอนุบาลว่าเธอเล่นคนเดียวอีกแล้ววันนี้ พวกเรากังวลมามาระยะหนึ่งแล้ว แต่วันหนึ่งเราไม่สามารถบอกเธอได้ว่าเราโล่งใจแค่ไหนเมื่อริโกะบอกเราว่าเธอมีเพื่อนแล้ว”
ริโกะคนปัจจุบันมักมีเพื่อนร่วมชั้นห้อมล้อมที่โรงเรียนอยู่เสมอ ผมจึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสักครั้งที่เธอยู่คนเดียว
“คุณริโกะจำได้มั้ยครับ…”
ผมหันไปข้างๆเธอพร้อมกับถามออกไป เรานั่งข้างๆกันบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
จากนั้นคิ้วของริโกะก็ลดต่ำลง เธอกัดรีมฝีปากล่างของตัวเอง ดวงตาสีคาราเมลของเธอสั่นเทาเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังเดินเตร่ไปมาระหว่างความคิดวิตกกังวลและความคาดหมาย..
…เอ๊ะ..? ปฏิกิริยาแบบนี้หมายความว่าอะไร
ผมไม่เคยเห็นริโกะเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต
“..คุณริโกะ….”
ริโกะที่สังเกตเห็นการจ้องมองเมื่อครู่ของผมก็ตกใจขึ้นมา
“อ่า!!..อึมใช่ หนูยังจำวันเหล่านั้นได้ดี…แต่จู่ๆพ่อกับแม่ก็พูดถึงความทรงจำในวัยเด็กขึ้นมา ถึงมันจะค่อน….ข้างน่าอาย..”
ริโกะอายมากขนาดนั้นเลยเหรอ..? เธอลุกขึ้นพูดว่า”ฉันจะไปชงชาเพิ่ม”และรีบมุงตรงไปที่ห้องครัว…
iPad ที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ย พ่อแม่ของริโกะมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม พวกเขาต้องมีความผูกพันกับริโกะลูกสาวของพวกเขามากแน่ๆ ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดี..ท้ายที่สุดความคิดที่ครอบงำจิตใจของผมตลอดเวลาก็คือ”ริโกะน่ารัก..”
“เอ้อนี่ มินาโตะ ลูกอยากดูรูปตอนที่ริโกะยังเป็นเด็กๆมั้ย”
“ดูได้จริงๆเหรอครับ…”
เมื่อพ่อตาแนะนำสิ่งนี้มา ผมก็อดไม่ได้ที่จะพลาดโอกาสนี้ไปได้
เพราะเป็นรูปของริโกะตอนเด็กๆ…แน่นอนผมอยากเห็นมัน
===
ถึงแม้ว่าวีดีโอแชทกับพ่อแม่ของริโกะจะจบลงแล้ว แต่จิตใจของผมก็ยังคงจินตนาการภาพของเธอตอนยังเป็นเด็กไม่หยุด
ตอนนั้นเธอคงจะน่ารักสุดๆไปเลย…
ข้อมูลที่พ่อแม่ของริโกะบอกมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ผมยังมีสิ่งอื่นๆที่อยากรู้เกี่ยวกับตัวเธออีกมาก
ผมไม่เคยสนใจใครเท่านี้มากก่อนเลย
มันเป็นแบบนี้เองเหรอความรู้สึกที่อยากจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนคนนั้น…คนที่รัก..
“คุณมินาโตะ มีอะไรอยากถามฉันมั้ย..”
“เอ๊ะ! รู้ได้ยังไง”
“ฮิฮิ..คุณมินาโตะมองง่ายออกจะตาย ทุกอย่างที่คุณคิดมันแสดงออกมาทางใบหน้าหมดแล้วนะคะ..”
“เข้าใจแล้ว..ผมไม่คิดเลยว่ากำลังเป็นอยู่ มันคงจะน่าอายสุดๆไปเลย”
“แต่ฉันชอบนะคะ..”
“อึ๊ก!..”
ผู้หญิงคนนี้บอกชอบออกมาง่ายๆอีกแล้ว
“แล้ว..มีอะไรอยากถามฉันเหรอคะ..?”
“เอ่อ..ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับดูเหมือนคุณไม่อยากพูดถึงเรื่องอดีตอีก..”
….
“แล้ว..คุณมินาโตะอยากรู้เกี่ยวกับฉันตอนที่ยังเป็นเด็กมั้ย..”
“ก็..อยากรู้แหละครับ..แต่ถ้าคุณริโกะลำบากใจก็ไม่เป็นไร”
“ฉันยินดีบอกค่ะ! ถ้าคุณต้องการ”
หัวใจของผมเต้นแรงเมื่อเธอจ้องมาด้วยสายตาเร่าร้อน ผมรู้เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่เมื่อเธอพูดว่า”ฉันยินดีที่จะให้คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน” มันทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมาก
…
งั้น..ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ยครับ ผมไม่ได้บังคับอะไรนะ ผมแค่อยากฟังเรื่องราวตอนที่ยังเป็นเด็กจากปากของคุณริโกะเอง…”
ริโกะยิ้มและนั่งลงข้างๆผม ระยะห่างตอนนี้ใกล้กว่าเมื่อกี้นี้มาก เข่าของเราเกือบแตะกัน แต่แทนที่จะขยับออกห่างมากกว่านี้ เธอเอนตัวไปข้างหน้าแล้วเริ่มพูด
รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังพิสูจน์ความปรารถนาทที่จะรู้จักผมด้วยทัศนคติของเธอ
“ฉันเกิดที่นิวยอร์กอาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงห้าขวบ ฉันเคยพูดภาษาญี่ปุ่นเองอยู่ที่บ้าน แต่สำเนียงเเละการออกเสียงมักจะเหมือนคนต่างประเทศอยู่เสมอ ตอนที่ฉันกลับมาญี่ปุ่น ในวันที่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาลมีเพื่อนหลายคนบอกว่า”คำพูดของริโกะแปลกจัง” สุดท้าย..ฉันเลยกลัวที่จะพูดออกไปหรือส่วนหนึ่งก็ฉันเป็นคนค่อนข้างขี้อายมาโดยตลอด”
แม้ว่ามันจะเป็นแค่บทสนทนาของเด็กๆ แต่มันก็ต้องเป็นคำพูดกระทบกระเทือนจิตใจเธออย่างแน่นอน
“หลังจากนั้น ฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรกับใครได้เลยนอกจากคนในครอบครัว นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนนั้นฉันไม่มีเพื่อนเลย..”
“เข้าใจแล้ว…”
“หลังจากนั้นตัวฉันที่อยู่คนเดียว ได้พบกับเด็กชายในฝันคนหนึ่ง”
“คนที่คุณริโกะชอบ..”
“ใช่….เขาช่วยฉันด้วยคำพูดใจดีของเขา จำได้มั้ยคะ..คนนั้นคือรักแรกของฉันเลย..”
รักแรกของ เกิดขึ้นในสมัยโรงเรียนอนุบาล..คำพูดนี้ทำให้รู้สึกเหมือนหน้าอกกำลังโดนแทงด้วยอะไรบางอย่าง มันทรมารอย่างบอกไม่ถูก
“ส่วนผมคิดว่า รักแรกของตัวเองเกิดขึ้นสมัยตอนผมอยู่มัธยมต้น”
…….
ผมออกความเห็นไปโดยไม่ทันได้คิดอย่างถี่ถ้วน ด้วยเหตุผลบางอย่างริโกะก็จ้องมาและกระพิบตาซ้ำๆ
ย..แย่แล้วไง…
ผมรีบละสายตาออกไปด้วยความตื่นตระหนก จึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าแววตาของเธอลดลงราวกับกำลังผิดหวังอยู่
—แล้ว!!!! เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ผมที่วางอยู่โต๊ะข้างๆก็ดังขึ้น “ปี้บๆๆ”ไม่หยุด
อะไรอีก…
การสนทนาของเราถูกขัดจังหวะ ผมรีบกล่าว”ขอโทษ”กับริโกะแล้วเปิดแอพข้อความขึ้นมา
ในนั้นมีรูปถ่ายหลายรูปของริโกะจากพ่อตาของผมที่พึ่งส่งมา
อ้อ..จำได้แล้ว ภาพของเธอตอนเด็กที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้..
“อ้อใช่ ตอนที่คุณริโกะไม่อยู่ผม—…..”
ขณะที่กำลังจะพูดออกไปตาของผมก็ได้เข้าไปสะดุดเข้ากับรูปรูปหนึ่ง
เอ๊ะ..?
ดวงตาของผมเบิกกว้างต่อหน้าภาพที่ไม่น่าเชื่อ..
ในภาพ มีเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนอนุบาลกำลังเล่นกันอยู่ ทั้งสองคนดูมีความสุขมากจนไม่ทันได้สังเกตว่ากล้องกำลังจับที่พวกเขาอยู่ ผมเดาว่าผู้เด็กผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นน่าจะเป็นริโกะเพราะใบหน้าคล้ายคลึงกันมาก และแน่นอนว่าเธอยังเด็กมากยังไงก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่….
ปัญหาคือเด็กผู้ชายที่อยู่ในรูป..
แค่ชำเลืองมองผ่านๆ ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร ถึงแม้เวลาจะผ่านนานไปกี่ปี ก็ไม่มีทางผิดพลาดได้
เพราะเด็กผู้ชายที่อยู่ในรูปคือผม…
จบ!!!!