ผมยังไม่ได้บอกริโกะว่าเราจะไปไหนกัน เพราะเท่าที่อ่านมา การหาสถานที่ออกเดทก็ถือเป็นเซอร์ไพรส์อย่างหนึ่ง สำหรับจุดหมายปลายทางในครั้งนี้ ผมกับอาซาคุระได้คุยกันไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
เส้นทางที่เราจะไปผมได้ตรวจสอบมานับครั้งไม่ถ้วนและผมก็สามารถจำมันได้ทั้งหมด
ผมบอกกับริโกะว่าจุดหมายของเราผมจะเก็บไว้เป็นความลับจนกว่าจะไปถึงที่นั่น
“ว้าว…น่าตื่นเต้นจัง~~”
เธอปรบมือด้วยความดีใจ พฤติกรรมของเธอน่ารักมากจนผมดีใจจริงๆที่คิดว่าได้ทำเซอร์ไพร์สนี้มา…
ท้องฟ้าแจ่มใสเมื่อเราก้าวออกจากบ้าน ตอนนี้ดูเหมือนว่าฝนจะไม่ตกแล้ว…
อากาศเหมาะกำลังดี…ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่เยี่ยมยอด
ผมพาริโกะไปยังสถานีและขึ้นรถไฟตามกำหนด
ในวันอาทิตย์ รถไฟจะดูโล่งกว่าวันธรรมดา แต่ก็ยังคงยากที่จะหาที่นั่ง
โชคดีที่ผู้โดยสารคนก่อนลงจากสถานีก่อนหน้าแล้ว และที่นั่งตรงหน้าก็ว่าง…
“คุณริโกะ นั่งลงสิครับ..”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมินาโตะนั่งเลย…”
“ไม่ ไม่ ไม่ คุณริโกะนั่งเลยครับ..”
อย่างไรก็ตามเธอส่ายหัว
นิตยสารที่ผมอ่านมาบอกว่าสิ่งสำคัญคือดูแลผู้หญิงไม่ให้เธอลำบาก แต่มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น และผมค่อนข้างประหม่าเมื่ออยู่ที่นี่
แบบนี้มันชักไม่ดีแล้ว..ผมควรจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร
อ่า..ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่าคำตอบคืออะไร ผมต้องให้ความสำคัญกับริโกะให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกเบื่อหน่าย….
“ผมยืนได้สบายแล้ว..คุณไม่ต้องกัลวลหรอกนะ นั่งลงเถอะครับ..”
“คุณมินาโตะอยากยืนเหรอคะ..?”
ริโกะกระพริบตาแล้วเอามือปิดปากยิ้มน้อยยิ้มใหญ่..
“ฮิฮิ..คุณกำลังพยายามให้ฉันนั่งลงใช้มั้ย”
“….”
โอ้….จุดประสงค์ของผมถูกเธอมองออกอย่างง่ายดาย นี่คงจะทำให้เธอดีใจขึ้นไปอีก
“นี่..จุดหมายของเรายังอีกไกลแค่ไหนคะ..”
“เอ่อ..อึมผมคิดว่าอีกประมาณสิบห้านาทีน่าจะถึงมั้งครับ..”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่สลับกันตอนถึงครึ่งทางล่ะ”
“อ่า..นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่..”
“เอ๊ะ…?”
ผมยืนมือทั้งสองข้างไปจับไหล่ของเธอและทำให้เธอนั่งลง ริโกะหน้าแดงแล้วมองมาที่ผมพูดว่า”ไม่ยุติธรรมเลย..”
“ผมจะเรียกคุณเองเมื่อเราถึงสถานีนะครับ..”
“…..”
เราหันหลังให้กัน วันนี้ริโกะน่ารักกว่าที่เคย ผมอยากอยู่ข้างๆเธอจริงๆ
แต่มันจะถูกต้องกว่าหากยึดตามหลักความจริงมาก่อนความปราถนา
พลางจ้องดูโฆษณาที่น่าเบื่อในตู้รถไฟและผู้คนเดินเพ่นพ่านเข้า-ออก
—สถานีก่อนจุดหมาย
ผู้คนเดินลง-ขึ้นรถไฟตามปกติ เมื่อกระแสของผู้คนค่อยๆสงบประตูรถไฟก็ปิดลง….
“คุณมินาโตะ….”
เสียงเบาๆที่คุ้นหู ผมรู้สึกประหลาดใจ หันกลับไปตามเสียงเรียกนั้นและเห็นริโกะยืนอยู่ข้างหลังพร้อมทำหน้าบึ้งเล็กน้อย ที่นั่งของเธอก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยหญิงชราคนหนึ่งกำลังถือสัมภาระที่หนักอึ้งอยู่..
“คุณได้สละที่นั่งให้เธอรึเปล่าครับ…”
“ช-ใช่..นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันอยากอยู่กับคุณมินาโตะ ด้วยส่วนหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะทิ้งฉันไว้คนเดียว….”
“ผมขอโทษ….”
ริโกะยื่นมือมาจบมือขวาของผมไว้แน่นโดยมีอีกข้างจับราวรถไฟไว้
“อึ๊บ..นี่แหนะ!!”
“อุหวา!!”
“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่ฉันต้องพัดพรากจากคุณมินาโตะไปตั้งสิบนาทีแหน่ะ..”
“เอ่อ …คงไม่ขนาดนั้นมั้งครับ..”
“ถ้าไม่ชอบก็บอกมาได้เลยนะคะ…”
“ไม่ ไม่ ไม่ทางไม่ชอบเลยครับ..”
“จริงๆนะ..”
“ผมสาบานได้เลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฮิฮิ..”
ขณะที่ผมกระสับกระส่าย ดวงตาของริโกะหรี่ลงอย่างมีความสุขแล้วซุกตัวเข้าข้างหลังผม
ระยะห่างของผมกับริโกะใกล้กันมากกว่าตอนที่เราจับมือกันบนรถไฟเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และด้วยเหตุนี้ ใจผมเต้นแรงจนอธิบายไม่ถูก แน่นอนไม่ใช่ว่าสัปดาห์ที่แล้วไม่ตื่นเต้น แต่ตอนนี้ระดับความสุขเพิ่มพูนขึ้นมาเป็นเท่าตัวกว่าแต่ก่อนอีก..
ไม่…
ผมมีความสุขเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่น
มันโอเคมั้ยที่เราจะอยู่ใกล้กันบนรถไฟแบบนี้
ไม่…เธออนุญาติให้เราจับมือกันแบบนี้ได้โดยไม่ว่าอะไร
มืออุ่นๆ ที่มีสัมผัสอ่อนนุ่มมันคืออะไรกัน..!
ท่านเทวดา ท่านเทวดา..ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย..ตอนนี้ผมมีความสุขเกินไปแล้ว…
สมองกำลังจะละลาย….!!!
จบ!!!!