ต่อจากตอนก่อนหน้านี้ เดี๋ยวจะพยาย้อนเวลาหาปม
—สามปีก่อน
วันเสาร์ ผมมักไปโรงภาพยนตร์ทุกๆวันหยุดสัปดาห์ละครั้ง
ยามค่ำคืน อากาศค่อยๆหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมรู้สึกว่าฤดูใบไม่ร่วงกำลังจะมาถึง ด้วยความที่วันนั้นเป็นเช้าที่แดดจ้า ไม่มีก้อนเมฆบนท้องฟ้าแม้ก้อนเดียว ถึงผมจะยืนอยู่ไต้หลังคาตามทางเดินก็ยังรู้สึกถึงรังสีความร้อนที่แผ่ลงมาเรื่อยๆทำให้เหงือเริ่มไหลออก
“อึม..วันนี้มีอะไรน่าดูบ้างนะ..”
ผมมองไปดูโปสเตอร์ที่จัดแสดง เห็นกลุ่มคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมกำลังถูกสอนโดยผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเเล้วเธอเหมือนจะเป็นผู้จัดการ พวกเขาทั้งหมดสวมเครื่องแบบพนักงานในโรงภาพยนตร์ แต่ดูไม่เหมือนนักเรียนมัธยมปลายที่ทำงานนอกเวลา
ผมแอบฟังผ่านๆอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ได้สนใจมากนัก ได้ยินว่าพวกเขาเป็นนักเรียนมัธยมต้นจากเมืองใกล้เคียงที่มาเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานนอกหลักสูตร
เมื่อรู้ดังนั้นแล้วผมผละตัวเดินออกมา แล้วเข้าไปดูหนังอย่างไม่สนใจพลางคิดว่ามันเป็นงานหนักพอตัว แม้ว่าจะทำเพื่อจุดประสงค์ในการรับคะแนนจากผู้จัดการก็ตาม
แต่เมื่อหลังจากดูหนังเสร็จแล้ว ผมก็บังเอิญได้มีส่วนร่วมกับหนึ่งในนั้น…
ผมเดินออกจากโรงหนังคนเดียวด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วผมก็ได้สะดุดตาเข้ากับลูกหมีที่ยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับใบปลิวจำนวนมากหรือพูดให้ถูกก็คือเป็นคนที่กำลังใส่ชุดลูกหมีอยู่
“ไม่นะ…ใบปลิว..ใบปลิวที่ฉันถูกบอกให้แจกไม่ได้ลดลงเลย ไม่รู้จะทำยังไงดี..การทำท่าทางให้เหมือนตุ๊กตาหมีก็ทำไม่เป็นด้วย แถมเมื่อกี้ยังทำเด็กผู้หญิงตกใจอีก…..”
เสียงพึมพำของเด็กสาวภายไต้ชุดลูกหมี กำลังหดหู่ใจและทรุดตัวลง การแสดงออกของเธอนั้น “การเคลื่อนไหวของสัตว์ที่ถูดยัดเยียด”ที่เธอแสดงออกมา พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าผมได้หัวเราะคิกคักออกไปแล้ว
หมีน้อยมองกลับมาที่ผมด้วยความประหลาดใจและทำเสียงเหมือนเธอกำลังสงสัย แต่ยังไงเสียงนั้นก็ดูค่อนข้างน่ารัก
“…อ-เอ๊ะ..ม-มี-อ-อะไรเหรอ ค-คะ?.”
“…?”
เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก คงเพราะเธอไม่ได้รับอนุญาตให้พูดเมื่อสวมชุดนั้น
“เอ่อ .ผมขอโทษนะครับที่หัวเราะออกไป ตุณเป็นนักเรียนม.ต้นมาที่นี่เพื่อฝึกประสบการณ์การทำงานรึเปล่า”
“คุณรู้ได้ยังไง..?”
เมื่อผมบอกเธอถึงสิ่งที่ได้เห็นก่อนเข้าไปดูหนัง พฤติกรรมของลูกหมีก็เริ่มกระสับกระส่ายมากกว่าแต่ก่อน
“คุณเห็นฉันในตอนนั้นรึเปล่าคะ..”
“ผมแค่มองจากด้านหลังเท่านั้นแหละครับ ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใครอยู่บ้าง”
“ฟู่ว~แบบนั้นสินะคะ”
ลูกหมีทำเสียงโล่งใจและผิดหวังในเวลาเดียวกัน อาจเป็นเพราะผมไม่เห็นสีหน้าของเธอ ผมเลยไม่สามารถเดาความคิดของเธอได้ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรกับเรื่องนี้มากนัก
นอกจากนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเองว่าเด็กผู้หญิงที่อยู่ในชุดหมีน้อยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร กลับกันผมคิดว่าเธอเป็นเด็กไร้เดียงสาด้วยซ้ำ ดูจากบุคลิกที่สงบและเสียงของเธอ
ที่สำคัญกว่านั้น เธอคงรู้สึกหดหู่อย่างมากที่ไม่สามารถแจกใบปลิวได้
ผมคิดว่าจะมีบางอย่างที่พอช่วยได้..
“คุณมีปัญหาเรื่องการแจกใบปลิวอยู่เหรอครับ?”
“อ่า..อึม..”
“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมเป็นคนช่วยนะ”
“เอ๊ะ!?”
“ผมมาที่ห้างนี้ทุกสัปดาห์ ผมรู้ว่าคนส่วนใหญ่เขาไปรวมตัวกันที่ไหน ถ้าคุณต้องการผมจะพาไปแถวนั้น เอ่อ..ผมกลัวว่าถ้าทำอย่างนั้นคุณจะไม่โอเค”
“ไม่ ไม่ ไม่เลยค่ะ ผู้จัดการบอกให้เดินไปทั่วๆเพื่อแจกใบปลิวนี่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ฉันไม่อยากรบกวนคุณ..”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ยังไงผมก็ค่อนข้างเบื่ออยู่ด้วย ไม่มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษอีก”
“เหมือนเป็นปาฏิหาริย์เลย..ฮื้อ~”
ลูกหมีกำลังบิดมือไปมาบนแก้มของเธอ ทำไมเป็นอย่างนั้น ถึงเธอจะใส่ชุดตุ๊กตาหมี แต่ทำไมเธอดูน่ารักล่ะ?
“เอ่อ..ปาฏิหาริย์ที่ว่านี่คือ…”
“อ๊ะ!! ไม่มีอะไรค่ะ!”
“โอเคครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลย”
“ค่ะ!”
จบ~~