###หลังจากนี้จะเปลี่ยนลักษณะการเล่าเรื่องของตัวละครฝั่งพระเอก อาจมีรูปแบบเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนิดหน่อย
—ตอนนี้ผมเริ่มคิดเกี่ยวกับมันแล้ว…การเรียกชื่อของคุณฮานาเอะ ผมควรจะรวบรวมความกล้าออกมาแล้วพูดออกไป มันคงจะทำให้เธอมีความสุขมาก…พวกเราแต่งงานและเป็นสามีภรรยากันมาพักหนึ่งแล้ว แต่ผมยังไม่เคยเรียกชื่อจริงๆของเธอเลย..
นี่ผมกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย…เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นจาก~~
“เอ่อ..คุณฮานาเอะครับ คุณได้ทำความสะอาดห้องครัวรึเปล่า?..มันดูสะอาดกว่าเมื่อวานนะ”
หลังจากรับประทานอาหารเช้ามื้อใหญ่ที่ประกอบด้วยแฮม ไข่สลัด มักกะโรนี มะเขือม่วงตุ๋น ซุปมิโซะกับเต้าหู้ และผักดอง….. ผมไปที่ห้องครัวพร้อมกับจานเปล่าและสังเกตว่าอ่างล้างจานมันดูสะอาดกว่าปกติ
คุณฮานาเอะเอง ก็ล้างห้องครัวทุกวันเป็นปกติก่อนเข้านอน ดั้งนั้นห้องครั้งจึงสะอาดปราศจากคราบอยู่เสมอ แต่วันนี้มันกลับสะอาดกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา
“มันดูเหมือนของใหม่เลย!”
“ฮิฮิ~…ฉันสนุกมากเลยค่ะเวลาที่ได้ทำความสะอาด ฉันมีพอเวลาว่างหลังจากเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วน่ะ ^^”
“เข้าใจแล้วล่ะคร้าบ…ขอบคุณนะ ยังไงก็เถอะ คุณฮานาเอะ คุณตื่นเช้าเสมอเลยนี่นะ..”
ผมไม่ใช่คนที่มักตื่นเช้าๆเท่าไหร่ ผมหันไปมองคุณฮานาเอะอย่างชื่นชม พบว่าแก้มของเธอเป็นสีแดงก่ำดูเหมือนเธออยากจะบอกอะไรบางอย่างอยู่นะ…..
“…จนป่านนี้แล้วยังเรียกชื่อฉันว่า”คุณฮานาเอะ”อีกเหรอคะ..คุ ณ มิ น า โ ต ะ :)”
“..อ๊ะ!..เอ๋ะ!..”
คุณฮานาเอะ มักจะสื่อสารกับพ่อแม่ของเธอในต่างประเทศผ่านทาง โทรศัพท์ ซึ่งแตกต่างจากผม และบางครั้ง..ผมก็เข้าไปปรากฏตัวเป็นบางครั้งเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับพ่อแม่ของเธอ เราตัดสินใจโทรหากันโดยเรียกชื่อจริงเพื่อที่ความสัมพันธ์ ของเราจะไม่ถูกตั้สงสัย อย่างไรก็ตามผมพลาดในขณะที่คุณฮานาเอะกำลังคุยกับพ่อแม่ของเธออยู่นั้น..ผมเผลอเรียกเธอด้วยนามสกุลของเธอสองสามครั้ง โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้เธอบอกว่าผมควรเรียกเธอด้วยชื่อจริงของเธอเป็นประจำ…
พ่อแม่ของเธอพูดว่า”นี่เธอไม่เคยเรียก ริโกะ ด้วยชื่อจริงมาก่อนอย่างงั้นเหรอ? แต่มันคงค่อนข้างยากสำหรับเธอสินะ” พวกเขาหัวเราะออกมาและยกโทษให้ผม แต่นั่นก็ใช่ว่าจะเรียกชื่อจริงของเธอได้ตลอดเวลา ที่โรงเรียน คุณฮานาเอะกับผมยังคงรักษาระยะห่างซึ่งกันและกันโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นผมจึงไม่มีปัญหากับการที่เธอจะเรียกผมด้วยชื่อจริงที่บ้าน
คุณฮานาเอะ เริ่มเรียกผมว่า” มินาโตะคุง”ในวันที่เราตัดสินใจเรียกของกันเเละกัน ซึ่งเธอไม่ได้แสดงความลังเลใด ๆ เลย แต่เธอก็ดูเขินอายอยู่นิดๆ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในการแสดงออกที่ผมเกือบจะ พลาดมัน แต่มันก็ทำให้หัวใจของผมเต้นรัวราวกับว่ามันถูกกดดันอยู่เสมอ และมันก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะเรียกคุณฮานาเอะด้วยชื่อจริงๆของเธอ
นั่นเป็นเหตุผลที่การเรียกชื่อของเธอจึงเป็นเรื่องที่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับตัวผม ถ้าผมบอกเหตุผลนี้กับเธอไป เธอคงจะมองว่าผมเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้เพราะไม่สามารถทำตามสัญญาได้
ผมไม่ต้องการให้เธอมาชอบผม หรืออย่างน้อยก็ไม่อยากให้เธอเกลียดผม….
ก็มีแต่ต้องพยายามมาขึ้นเท่านั้น~~มันเป็นแค่ชื่อ…แค่เรียกเธอออกไป…..
อย่างแรกเลยผมต้องทำความคุ้นชินซะก่อน ด้วยการฝึกเรียกชื่อของเธอในใจ
อันที่จริงทำไมผมต้องเรียกเธอด้วยนามสกุล ทั้งๆที่เป็นภรรยาของตัวเอง? เธอไม่ใช่คนใกล้คนไกลที่ไหนไม่ใช่เหรอ?
“ร…ริ..ก..ะ”
น่าสมเพชที่สุดเลยผมเรียกชื่อเธอออกไปไม่ได้…
ริโกะเอามือปิดปากของเธอและหัวเราะคิกคักเบาๆ
“มันก็ใช่…ผมไม่เคยเรียกชื่อจริงของผู้หญิงคนไหนมาก่อนนินะ”
“คุณมินาโตะเองก็อาจเคยเรียกชื่อจริงๆของพวกเธอไม่ใช่เหรอตอนที่ยังเด็กๆ”
“อ่า.. นั่นมันก็ถูกของคุณ แต่ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลยไม่ได้คิดอะไร แล้วอีกอย่างผมก็จำเรื่องราวไม่ค่อยจะได้อีกด้วย…”
“อ๊ะใช่แล้ว..ฉันเคยได้ยินมาว่ามีคนประเภทที่ว่าจำเรื่องราวในวัยเด็กไม่ได้อยู่นี่หน่า…บางทีคุณมินาโตะเองก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น”
“จะยังไงก็เถอะ…จะให้เรียกชื่อคุณฮานาเอะเนี่ย..”
“มู่~~ มันคงจะเหลือแค่วิธีนั้นล่ะนะ”
“เอ๋…วิธีอะไรเหรอครับ”
“ฉันจะไม่บอก… จนกว่าคุณมินาโตะจะเรียกชื่อของฉัน”
“อะไรนะ!!? .-.”
ผมพูดแบบนั้นออกไปด้วยความสงสัย แต่คุณฮานาเอะ กลับหันหน้าหนีผมพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
“ด..เดี๋ยวก่อน! คุณฮานาเอะ มันว่ายังไง—?”
เยี่ยม!
ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมบอกผมจริงๆ ถ้าหากไม่ยอมเรียกชื่อของเธอ
“ผมยังไม่พร้อมสักหน่อย…”
“…ชิ!.”
คุณฮานาเอะ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา
ผมรับไม่ได้….
เมื่อผมมองดูท่าทางเธอจากด้านข้าง เห็นว่าริมฝีปากของเธอแนบชิดกัน และเหมือนเธอจะพยายามจะกลั้นอะไรบางอย่างไว้
หมายความว่าถ้าผมยังไม่ยอมเรียกชื่อของเธอ เธอจะเป็นแบบนี้ตลอดไปงั้นเหรอ…?
นั่นมันเป็นเรื่องที่ค่อนค่างยากที่จะทำเลยนะ
“โอเคๆ ตกลงเข้าใจแล้ว ผมจะพยายาม….”
ผมกำหมัดแน่นและหลับตาลง จากนั้นรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่อยู่ในตัวผมออกมา
*เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้ เราต้องทำได้สิ เรียกชื่อของเธอออกมาซะ นิยามะ มินาโตะ!*
รู้สึกว่าผมเริ่มจะมีพลังขึ้นมาแล้วแฮะ..
“เอาล่ะ ผมทำได้…..ร..รี…โกะ “
ผมพูดมันไม่ถูกด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนเหยียบย่ำด้วยความอับอาย….
หวังว่าเธอจะยกโทษให้ผมนะ..
ผมแอบมองไปดูเธออย่างลังเล และก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวนั้น เธอหันกลับมาพร้อมกับจ้องมาที่ผม แก้มของเธอค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีแดงอย่างช้าๆ
“ฉ…ฉันจะทำยังไงดี ฉันรู้สึกอาย…แต่มันก็มีความสุขมาก////”
เธอเอามือเเตะแก้มของตัวเองและกระพริบตาซ้ำๆ ท่าทางของเธอมันช่างน่ารักเหลือเกิน ทำเอาหัวใจผมแทบจะพุ่งออกมาจากหน้าอก…
“….”
“ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะคุณมินาโตะ❤️”
“อ…อึม..”
ตอนนี้ผมเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วล่ะ..รวมถึงวิธีที่เธอพูดถึงด้วย…เธอทำมันทั้งหมดก็เพื่อตัวของผม
ตายแล้ว ผู้หญิงคนนี้น่ารักเกินไป….///
“ขอบคุณนะครับคุณฮานาเอะ…”
“….”
“เอ่อ..ไม่สิ..ริโกะ”
“ฮิฮิ~~…คุณมิมาโตะ ไว้ฉันจะซื้อเค้กมาให้ระหว่างทางกลับบ้านวันนี้นะคะ”
“ห๊ะ! ทำไมต้องซื้อเค้ก”
“เพราะว่าวันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับฉัน วันที่คุณมินาโตะเรียกชื่อของฉันเป็นครั้งแรกค่ะ”
เธอยิ้มแล้วก็มองหน้าผม แก้มเธอยังคงแดงอยู่ และดวงตาของเธอดูแจ่มใสอย่างมีความสุข
อีกแล้ว!! เธอน่ารักมาก มันไม่ยุติธรรมเลย…..
ถึงอย่างนั้น ผมดีใจจริงๆที่สามารถเรียกชื่อเธออกมาได้..ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมรู้สึกดีมากเวลาที่ทำให้เธอมีความสุข
สำหรับผม มันเป็นวันพิเศษ ที่ได้เห็นรอยยิ้มอันแสนวิเศษของเธอ…
—คืนนั้น เธอซื้อชอร์ทเค้กสตรอเบอรี่มาสองอันจริงๆ แล้วพวกเราสองคนก็มีงานฉลองเล็กๆด้วยกัน…..
จบ!!!….ตอนนี้อาจไม่ค่อยมีอะไรมากแต่ก็คิดว่าน่าได้จะเติมน้ำตาลเข้าไปในเลือดให้คนอ่านนิดนึง :)))