จะทำยังไงกับบรรยากาศอึดอัดแบบนี้ดีละเนี้ย
ขณะที่กินข้าวห่อไข่ก็เหลือบมองไปที่โฮชิมิยะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอกำลังใช้ช้อนตักข้าวห่อเข้าปากอยู่
สุดท้ายบรรยากาศอึดอัดก็ผ่านเลยมาจนถึงช่วงอาหารเย็น
โฮชิมิยะไม่ยอมพูดอะไรเลยด้วย และถึงจะเจอะกับผมก็จะหันไปมองทางด้านอื่นทันที
“น นี่โฮชิมิยะ”
“อ อ อะไรเหรอ คุโรมิเนะคุง!”
ปั่นป่วนแบบสุดๆเลยนิ แล้วยังมีซอสมะเขือเทศติดที่ริมฝีปากด้วย
“คือว่า…ข้าวห่อไข้อันนี้ อร่อยจังเลยนะ”
“จ จริงเหรอ? ขอบใจนะ”
ในขณะที่โฮชิมิยะก้มลงราวกับว่าเขินอาย ก็พูดขอบคุณออกมา อันนี้น่ะคือข้าวห่อไข่ฝีมือโฮชิมิยะ
“มิซอสมะเขือเทศติดอยู่ที่ริมฝีปากแหนะ”
“เอ๊ะ โกหก!”
“เปล่าไม่ใช่ตรงนั้น เอ่อ อย่าเพิ่งขยับนะ”
เอนตัวไปที่โต๊ะแล้วก็เช็ดซอสมะเขือเทศออกด้วยนิ้ว
พยายามจะเช็ดนิ้วเลยหาทิชชู่ แต่ก็หาไม่เจอเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลียออก
“ค คค….คุโรมิเนะคุง….!”
“หืม?”
โฮชิมิยะเหมือนระเบิดไอน้ำออกมาแถมยังหน้าแดงด้วย
พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น ในที่สุดก็รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป ดันทำสิ่งที่เคยทำกับฮารุโนะที่คิดว่าเป็นเหมือนครอบครัวกับโฮชิมิยะที่ความสัมพันธ์ตื้นเขินซะได้ ถึงจะทำไปแบบไม่รู้ตัวแต่แย่แน่ๆ
“ม ไม่ใช่นะโฮชิมิยะ! นี่น่ะ….ก็เพราะมันไม่มีอะไรเช็ดไง เน๊าะ?”
“นนน นน นั่นสิน้าาาาา!? ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรหรอกเน๊าะ!?”
“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วใช่มั้ยละ! ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไร! ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรทั้งนั้น!”
“……งั้นเหรอ…ให้ตายสิ เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจสิเน๊าะ….”
“โฮชิมิยะ!?”
โฮชิมิยะซึมและไหล่ตกลง ออร่ามืดมนออกมาแบบสุดๆเลย ท่าทางเหมือนจากนี้จะไปซื้อเชือกมาผูกคอเลยอะ
“เอ่อ ไม่สิ…..ไม่ต้องไปใส่ใจกับมันเลย”
“คนโกหก เลียไปแบบไม่ลังเลเลยไม่ใช่รึไงกันน่ะ คุโรมิเนะคุงโกหกได้ไม่เก่งเลยนะ”
“อึก!”
“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ….ยังไงคนอย่างเค้ามันก็เรียบๆอยู่แล้ว ถึงทุกคนจะบอกว่าเป็นแกลก็เถอะแต่จริงๆแล้วก็เป็นคนน่าเบื่อแล้วยังเรียบๆนั่นแหละนะ…”
“ออร่าลบมันแปลกๆนะ! ท้อแท้เกินไปมั้ยนั่น!”
“…ก็คุโรมิเนะคุงพูดเองนี่นา ว่าเป็นโหมดเรียบๆน่ะ”
“ส ใส่ใจด้วยงั้นเหรอ….ไม่หรอกเพราะมันมีความต่างกับโฮชิมิยะที่อยู่ที่โรงเรียนน่ะ”
“เหรอ…เอ้ากินข้าวห่อไข่สิ เย็นแล้วนะ”
“ค ครับ…..”
“…….”
“……”
พวกเราตักเอาข้าวห่อไข่เข้าปากอย่างงุ่มง่าม ไม่มีการสนทนากันเลยแม้แต่นิดเดียว
ถึงจะอยู่ระหว่างมื้ออาหารแต่ความเงียบนี่มันเจ็บหัวใจเกินไปแล้ว
……ค ใครก็ได้ช่วยด้วย!
จะเอาเป็นมอนมอนก็ได้! มาทีเถอะ!
การอธิษฐานสูญเปล่าและออดก็ไม่ได้ถูกกด
ไอ้นั่นสินะ โฮชิมิยะน่ะใส่ใจกับสิ่งที่ผมพูดออกไปสุดๆเลย
จากนี้ไปจะต้องระวังเอาไว้
○
แล้ววันนั้นก็ล่วงเลยไปจนถึงเวลาเข้านอน
ผมเดินออกห่างจากเตียงไปที่แถวผนังและทิ้งตัวลงนอน
“ราตรีสวัสดิ์นะโฮชิมิยะ”
“นี่คุโรมิเนะคุง”
“หืม?”
โฮชิมิยะนั่งคุยอยู่บนเตียง เป็นบทสนทนาแรกตั้งแต่มื้อเย็น
“…..มานอนที่เตียงมั้ย?”
“เอ๊ะ แล้วโฮชิมิยะจะนอนใหนละ”
“….เตียง”
“นั่นน่ะหมายความว่า….?”
โฮชิมิยะพยักหน้าโดยที่ไม่พูดจา
อ เอาจริงดิ เอาจริงเหรอค้าบบบบ
ก็พอจะจิ้นถึงพัฒนาการแบบนี้ได้-ได้ซะที่ใหนละ
“เพราะเป)นเตียงสำหรับคนเดียว….เลยอาจจะแคปไปสักหน่อย….”
“บ แบบนั้นก็แย่สิ….พวกเราไม่ได้คบกัยอยู่สักหน่อย”
“แต่นอนพื้นมันไม่ดีนะ”
“มันก็ใช่แหละ…”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงคุโรมิเนะคุงก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรกับเค้าใช่มั้ยละ”
โฮชิมิยะแม้มปากอย่างไม่พอใจ
ยังจะดึงดันอยู่เราะ!
โดนตรึงไว้ที่รูทนี้เพราะซอสมะเขือเทศหยดเดียวเลย
….ไม่สิ ที่ผมกับโฮชิมิยะมีความรู้สึกที่อ่อนไหวไม่เหมือนกันมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
การกระทำแบบนั้น น่าจะมีความหมายกับโฮชิมิยะนั่นแหละ
“ร รีบๆนอนกันเถอะ”
“ถ ถ้างั้น…ขอรบกวนด้วยนะครับ”
ผมเคลื่อนที่ไปที่เตียงด้วยการเคลื่อนไหวที่เหมือนกับหุ่นยนต์ โฮชิมิยะจ้องมาด้วยความสงสัยแต่ก็นอนลงไปที่เตียงได้แล้ว เตียงของผู้หญิงนี่ทั้งนุ่มทั้งหอมเลย
“ปิดไปแล้วนะ”
โฮชิมิยะปิดไฟในห้องด้วยรีโมท รู้สึกถึงความอบอุ่นของผู้หญิงที่อยู่ข้างท่ามกลางความมืดได้เลย เหมือนหัวกำลังจะระเบิดเลย
“อ๊ะ แล้วหมอนจะทำไงดีอะ? ใช้กันสองคนมันออกจะ….”
“ช เชิญเลยครับๆ ใช้คนเดียวเลยเถอะนะครับ”
“อ อือ ขอบคุณนะ”
แค่นอนเตียงเดียวกับเด็กผู้หญิงยังต้องเค้นความกล้าออกมาเลยแท้ๆ แล้วนอกจากนั้นยังจะใช้หมอนด้วย? ทำไม่ได้หรอกนะ
“……”
“……”
ไม่ได้คุยอะไรกันเลย
เพราะงั้นก็เลยหันหลังให้แล้วก็ทิ้งระยะห่างเอาไว้เล็กน้อย
….วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับโฮชิมิยะกันนะ
ว่าตามตรงว่าหลังจากที่โดนผมกอดท่าทางก็ดูแปลกไป
สมมติ แค่สมมตินะ
ถ้าเกิดว่าโฮชิมิยะเกิดชอบผมขึ้นมานิดหนึ่งล่ะก็……
“…..คุโรมิเนะคุง”
“….?”
ชื่อของผมถูกพึมพัมอยู่ที่ด้านหลัง ด้วยความสงสัยเลยเหงี่ยหูฟัง
“ชอบนะ(สุคิ)…..คุโรมิเนะคุง……”
อ เอาจริงดิ ใจเต้นแรงจนทำเอาตาพร่าเลย
ผมตื่นขึ้นเพื่อเช็คดูหน้าของโฮชิมิยะ
และโฮชิมิยะก็ทำหน้าเยิ้มหลับแบบมีความสุขสุดๆ—
“สุคิ….สกีจัมป์…คุโรมิเนะคุงเก่งจัง….ฟี้…ฟี้…”
“นอนละเมอหรอกเราะ..!”
เก่าจัดเลยไม่ใช่เราะ อีกอย่างผมไม่เคยเล่นสกีสักหน่อย
“เฮ้อ ฉันเองก็นอนแล้วกัน”
พอได้มองหน้าตอนหลับของโฮชิมิยะการที่คิดเรื่องต่างๆก็เหมือนจะเป็นอะไรบ้าๆไปเลบ
สุดท้ายแล้วการที่คิดว่า[โฮชิมิยะอาจจะชอบฉันก็ได้?]คงจะเป้นแค่การเพ้อเจ้อไปเองสินะ
….ถึงจะเป็นแบบนั้นความรู้สึกที่ผมมีต่อโฮชิมินะก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกนะโฮชิมิยะ ไม่ว่าเธอจะคิดกับฉันแบบใหนแต่ไม่ว่ายังไงก็จะปกป้องจากสตอล์กเกอร์ให้ได้เลย ถึงแม้โฮชิมิยะจะเกลียดฉันก็ตามแต่”
“…..”
เป็นประโยคที่สุดแสนจะน่าอายจนพูดกับเธอตอนที่ตื่นอยู่ไม่ได้
ถ้าเกิดว่าไม่มีโฮชิมิยะ ผมในตอนนี้ก็คงไม่มีตัวตนอยู่
หากว่าผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้เดือดร้อนก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่คิดอยาดจะช่วย
ด้วยปณิธานที่อยู่ในใจผมก็ค่อยๆหลับตาลง
ตอนที่จิตสำนึกกำลังเลือนลางก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียง[…คุโรมิเนะคุง]อยู่เบาๆ
======จบตอน======
ในตอนนี้มีคนเหลี่ยม
ーーーーーーーーーーーー
ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook