ผ้าสีชมพูอ่อนที่ดูอ่อนนุ่มประดับด้วยริบบิ้นเล็กๆที่เหมือนดอกไม้บาน รูปร่างรวมๆเป็นสามเหลี่ยมกลับหัว ชั้นในของหญิงสาวที่ปกติจะไม่ได้เห็นบ่อยนักแต่จะเห็นก็ต่อเมื่อกระโปรงเปิดขึ้น—
“เดี๋ยวสิ จ้องอะไรอย่น่าาาาาาา!”
ป้าบ โดนตีเข้าที่หัว
ถึงจะเป็นหัวของตัวเองแต่ก็ได้ยินเสียงที่ค่อนข้างจะไพเราะดังขึ้น….
“เดี๋ยวเถอะคุโรมิเนะคุง ไว้จะตีแบบเอาจริงนะ!”
“ขอพูดตามตรงว่า ตีไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ครั้งต่อไปไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ!”
“…ขอโทษครับ”
ผมก้มหัวลงอย่างเชื่อฟังหลังจากที่ถูกโกรธเป็นฟืนไปเป็นไฟ
นี่น่ะเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้จะตั้งใจดูเลยสักนิด
พอมาถึงบ้านหลังจากที่แวะร้านสะดวกซื้อกับโฮชิมิยะ เราทั้งคู่ก็ใช้เวลาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แล้วประมาณสามทุ่มก็ได้ยินเสียงฝนตก พอผมเห็นว่ามีเสื้อผ้าที่ตากไว้บนระเบียงก็เลยรีบเก็บและที่มือข้างขวาถือกางเกงในอยู่หนึ่งตัว
“รีบๆคืนมาได้แล้ว โธ่!”
พอโดนจนช้ำ กางเกงในก็ถูกโฮชิมิยะเอาไป….
“ถามหน่อยสิโฮชิมิยะ”
“….อะไร?”
โดนจ้องเขม็งเลย หวา!
ต้องแสร้งว่าทำเป็นใจเย็นทั้งที่เหงื่อเย็นไหลออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง
“ตราบที่ผู้ชายกับผู้หญิงอาศัยอยู่ด้วยกันคิดว่าคงเลี่ยงไม่ได้ที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น”
“ถึงงั้นก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาไปดูใกล้ๆเลยนิ ใช่มั้ยละ?”
“……”
“ทำไมถึงเงียบกันละ!? เพราะแบบนี้ไงเด็กผู้ชายถึง…..!”
“ถ้าเริ่มพูดขนาดนั้นแล้ว โฮชิมิยะเองก็จ้องไปที่กางเกงในฉันไม่ใช่รึไง”
“น นั่นมัน….ก็เอาไปซักกับรีด……”
“ด้วยการเอาไปดึงกับยืดเล่นสินะ?”
“……”
“แล้วไหงถึงเงียบเล่า”
ก่อนที่จะรู้ตัวฝ่ายที่บุกกับตั้งรับก็กลับกัน
โฮชิมิมองลงไปที่กางเกงในของตัวเองและกำด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนกับกำลังปกป้องตัวเองจากการจ้องของผม
“โฮชิมิยะ?”
“ม ไม่เห็นเป็นไรนี่ ทางนั้นเป็นผู้ชายนี่นา”
“ก็คือเลือกปฏิบัติจากเพศงั้นสิ?”
“ต แต่ว่า! คุโรมิเนะคุงน่ะต่อให้กางเกงในของตัวเองถูกจับก็คงไม่ใส่ใจใช่มั้ยละ?”
“เปล่า ปกติก็อายสุดๆเลยล่ะ?”
“เอ๊ะ?”
“แต่ว่าเพราะโฮชิมิยะไม่ได้ใส่ใจ ก็เลยคิดว่าฉันเองก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลไปก็ได้น่ะ”
“ป เป็นงั้นเองเหรอ… คือว่า ไอ้นั่นสินะ จากนี้ก็คุยกันในหลายๆเรื่องรวมไปถึงเรื่องนี้ด้วยคงจะดีกว่าเน๊าะ”
“นั่นสินะ”
พวกเราเริ่มอาศัยอยู่ด้วยกันแล้วแต่ก็ไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์อะไรไว้เป็นพิเศษ
ทางโฮชิมิยะทำงานบ้านเป็นส่วนใหญ่ ผมเองก็ช่วยเรื่องทิ้งขยะกับอะไรเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องกฎเลย
เอาไว้หลังจากที่คิดเรื่องหลังจากนี้ค่อยคิดน่าจะดีกว่า
“จะว่าไปแล้วนะโฮชิมิยะ จะให้ฉันอยู่ที่นี่อีกนานแค่ใหนเหรอ?”
จำไม่ได้ว่าตัดสินใจเรื่องนั้นรึเปล่า
“มันก็ขึ้นอยู่กับสตอร์กเกอร์นั่นแหละนะ”
“ช่วงนี้มีวี่แววอะไรบ้างรึเปล่า?”
“อื-ม มันก็….”
ตั้งแต่ที่ผมมาที่บ้านนี้ยังผ่านไปไม่ถึงสามวันเลย
จะให้รับรู้ได้ก็คงจะยาก
“รู้สึกว่าบางครั้งก็จะถูกจับก้นบนรถไฟงั้นสินะ?”
“อือ”
“ถ้าแบบนั้นมันก็เป็นไปได้ที่ว่าเจ้านั่นจะเป็นสตอร์กเกอร์ คงจะตกหลุมรักโฮชิมิยะตั้งแต่แรกเห็น…..แล้วก็ตามจนมาถึงบ้านงั้นสินะ…?”
“ด เดี๋ยวสิหยุดเลยนะ! กลัวจริงๆนะ!”
โฮชิมิยะหน้าซีด เพราะวิธีพูดมันตรงเกินไป แต่ว่าถ้าเกิดสมุติฐานของผมถูกต้อง….ไอ้เจ้าสตอร์กเกอร์นั่นจะต้องเป็นเภทรั้นดันทุรังแน่ๆ แถมโฮชิมิยะเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรสักอย่างระหว่างที่กลับจากงานพิเศษด้วย….. อีกฝ่ายอาจจะเป็นตัวอันตรายก็ได้
ถ้าเกิดว่าไอ้หมอนั่นมันรู้ว่าผมกับโฮชิมิยะอาศัยอยู่ด้วยกันละ……?
“จากนี้เค้าจะเป็นคนดูแลเรื่องซักรีดเอง! เข้าใจนะ!?”
“ข ขอฝากด้วยนะครับ”
ควรจะบอกความคิดของผมให้โฮชิมิยะในตอนนี้ดีมั้ยนะ? แต่ว่ามันก็อาจจะทำให้กลัวแบบเปล่าประโยชน์ก็ได้ ในตอนที่กังวลว่าควรจะพูดดีรึเปล่า ก็มืเสียงมือถือดังออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก็เลยเอาออกมาเช็คดู เป็นสายจากแม่ของฮารุโนะ
“ครับ มีอะไรเหรอครับ?”
“ริคุคุง? ฮารุโนะอยู่นั่นรึเปล่า?”
“ฮารุโนะเหรอครับ? ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บ้าน…. ฮารุโนะไม่ได้อยู่ด้วยนะครับ”
“เหรอ… ฮารุโนะยังไม่ได้กลับบ้านเลย แถมยังไม่มีการติดต่ออะไรเลยด้วย….”
“จะสี่ทุ่มแล้วนะครับ? ยังไม่ได้กลับบ้านเนี่ย…..”
“ลองติดต่อไปหาเพื่อนของฮารุโนะแล้วล่ะจ๊ะ แต่เหมือนจะไม่มีใครรู้เลย ขนาดริคุคุงเองก็ไม่รู้เนี่ย……ไม่อยู่ที่ใหนกันนะ”
ความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นึกถึงฮารุโนะที่หงุดหงิดเมื่อเช้านี้
สาเหตุคือนั่นเหรอ…หรือว่าไปฆ่าตัวตาย? ม ไม่หรอกๆ ไม่ใช่ผมสักหน่อย เรื่องแบบนั้นน่ะ……
“ขอบใจนะจ๊ะริคุคุง เดี๋ยวตอนนี้จะไปคุยกับตำรวจแล้วล่ะ”
“ครับ….”
พอวางสายไปแล้วใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
เพราะอดไม่ได้ที่จะห่วงฮารุโนะ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคุโรมิเนะคุง?”
“เหมือนว่าฮารุโนะจะยังไม่ได้กลับบ้านน่ะ แล้วเหมือนจะไม่ได้อยู่กับเพื่อนด้วย”
“โกหกน่า…..ก็ข้างนอกมันฝนตกหนักเลยนะ”
“….ขอโทษนะ ขอออกไปแปปหนึ่ง”
“จะไปหาคุณฮารุคาเสะเหรอ?”
“อือ ถึงจะคิดว่าตัวคนเดียวคงจะหาไม่เจอก็เถอะนะ…”
“…เข้าใจแล้ว ถึงจริงๆแล้วควรจะหยุดไว้ก็เถอะ… เอาร่มตรงทางเข้าไปใช้ก็ได้นะ ระวังตัวด้วย”
ผมรีบออกไปที่ทางเข้าพร้อมกับตอบไปว่า[ขอบคุณ]
คว้าร่มแล้วรีบเปิดประตูวิ่งออกไป
เพราะข้างนอกมืดกว่าที่คิดเอาไว้เลยทำให้ยืนยันความแรงของฝนได้ยาก
ทว่าฝนก็กระทบกับหลังคาที่จอดจักรยานจนเป็นเสียงกังวาน
“ฝนตกแบบนี้ ก็คิดอยู่หรอกว่าคงไม่อยู่ข้างนอก….”
อยู่ที่ร้านอะไรสักร้านรึเปล่านะ หรืออยู่ที่บ้านของเพื่อนที่แม้แต่แม่ก็ไม่รู้งั้นเหรอ
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หรือว่าจะไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอะไรสักอย่างงั้นเหรอ—
“……..!”
เป็นเพราะจนถึงเมื่อกี้คิดถึงเรื่องของสตอร์กเกอร์สินะ
สลัดความคิดแย่ๆออกไปไม่ได้เลย
ถ้าเกิด ถ้าเกิดว่า…เกิดอะไรขึ้นกับฮารุโนะล่ะก็…!
เพราะควบคุมอารมณ์ที่มันเร่งเร้าไม่ได้ผมเลยโดดลงจากบันไดของอพาร์ตเมนต์
แล้วกางร่มวิ่งออกไปโดยที่ไม่สนว่าขาจะเปียก
รองเท้าเปียกน้ำซึมเข้ากับถุงเท้า
แต่ว่าไอ้ของแบบนั้นน่ะจะเป็นยังไงก็ช่าง
ก่อนอื่นก็ต้องขึ้นรถไฟไปที่ใกล้ๆบ้านของฮารุโนะ
จากนั้นก็นึกสถานที่ตามลำดับ—
“….เอ๊ะ?”
ตอนที่เดินไปตามถนนแคบๆแล้วเหยียบแอ่งน้ำ
ก็เห็นภาพแปลกๆ
มีคนนั่งอยู่ที่ไฟที่ถนนที่ไม่มีไฟ
เพราะมีแสงอยู่น้อยเลยมองเห็นได้ไม่ชัด
เพราะตัวตนมันเบาบางซะจนทำใหคิดว่า[อ้าวเห้ย ผีใช่มั้ยนั่น?]
ฝนตกแบบนี้นั่งอยู่คนเดียวมืดๆยังไงก็ไม่ปกติ
ถ้าเป็นปกติผมคงเข้าไปคุยแต่ตอนนี้ฮารุโนะต้องมาก่อน
เลยวิ่งต่อไปไม่หยุดและก็ตรวจดูคนๆนั้นด้วยการชำเลืองมองด้านข้าง—–ขามันขัดกันจนแทบจะล้ม
“ฮ ฮารุโนะ!?”
“….ริคุจัง?”
คนที่นั่งตากฝนอยู่ใต้ไฟถนนไร้ที่พึ่งพิงนั้น…..คือเพื่อนสมัยเด็กของผมเอง
ทั่งทั้งร่างนั้นเปียกปอนจนเหมือนลงไปในสระน้ำโดยที่ใส่เสื้ออยู่
ผมก็นอนราบติดลงไปกับหัว เครื่องแบบที่เปียกน้ำเองก็โปร่งใสซะจนมองเห็นชุดชั้นในที่อยู่ข้างในได้
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือตาคู่นั้น
ตาที่ไร้ซึ่งแสงเหมือนลูกแก้วขุ่นมัวที่ทำให้นึกถึงคนตาย
“กำลัง…..ทำอะไรอยู่น่ะฮารุโนะ! ทำอะไรอยู่ที่นี่!”
“…ทำอะไรอยู่กันนะ…”
เธอลดสายตาลงจากผมแล้วยิ้มออกมาจางๆ
“ฮารุโนะ!”
ผมคุกเข่าลงที่ด้านหน้าและจับไหล่ขวาของฮารุโนะ
เย็นมากๆและตัวก็สั่นอยู่เบาๆ
เลยเอาร่มที่อยู่มือซ้ายไปไว้ที่เหนือหัวของฮารุโนะ
ฝนตกใส่ตัวผมเหมือนกับปืนลูกซองแต่ก็ไม่ได้สนใจ
“….เปียกแล้วนะริคุจัง?”
“ช่างฉันเถอะน่า! ฮารุโนะนั่นแหละ….ทำอะไรอยู่ที่นี่!”
“ฉัน…..กำลังทำอะไรอยู่ที่นี่กันนะ….”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ!?”
“….ถ้าบอกว่าเกิด….นั่นสินะ…”
“….ฮารุโนะ?”
ฮารุโนะจ้องมาที่ผมอย่างระวังและเริ่มพูดด้วยริมฝีปากสีฟ้าอมม่วงนั้น
“วันนี้น่ะนะ ได้รู้สึกตัวในหลายๆอย่าง…แล้วก็คิดอะไรหลายๆอย่ายเลยล่ะ….”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วล่ะ…..ก่อนอื่นก็ไปที่ที่มีหลังคาก่อน—”
“ริคุจังมีความสุขมั้ย?”
“อยู่ด้วยกันกับอายานะจัง…..มีความสุขรึเปล่า?”
“ม หมายความว่ายังไงน่ะ”
ไม่เข้าใจความหมายเลยจริงๆ
ทั้งความหมายของคำถามและเจตนาที่ถาม
เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“…ในตอนแรกน่ะนะ ก็คิดว่าริคุจังยังชอบฉันอยู่…..นั่นน่ะ เป็นเพราะมองข้ามความตั้งใจของริคุงจังไปสินะ…”
“พุดอะไรออกมานะ….”
“ขอโทษที่พูดอะไรแย่ๆออกมานะ ที่ว่าไม่ได้มองเป็นเพศตรงข้าม……คงจะโหดร้ายมากเลยสินะ…. ถ้าเกิดว่าฉันเป็นริคุจังล่ะก็…..อาจจะตายไปเลยก็ได้”
“——”
เป็นคำที่ไม่มีพลังอยู่เลยแต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึก
หยาดน้ำที่ไหลลงมาจากตาของฮารุโนะเป็นน้ำฝนที่ไหลลงจากหน้าผากหรือเป็นน้ำตากันนะ
“…ถ้าเกิดว่าอยู่กับอายานะจังแล้วมีความสุข…..จะลืมฉัน…ไปก็ได้นะ…..”
พอพูดไปด้วยเสียวที่เหมือนจะหายลับไป ฮารุโนะก็ค่อยๆหลับตาลง
จากนั้นก็ก้มหน้าลงไร้เรี่ยวแรงราวกับหมดสติ
“…ฮารุโนะ? ทำใจดีๆเอาไว้! ฮารุโนะ!”
“……”
ฮารุโนะไม่ได้ตอบกลับมา—
มีเพียงเสียงฝนที่กระทบกับร่มเท่านั้นที่กังวานอยู่
======จบตอน======
ต้องตากฝนเป็นชั่วโมงเลยนะเว้ย แถมตัวพระเอกเองยังบอกเลยว่าตกหนักจนเม็ดฝนเหมือนลูกซอง
ーーーーーーーーーーーー
ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook