ชื่อเรื่อง:Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta
ตอนที่ 2
แล้วก็ได้อธิบายสถานการณ์ให้กับผู้จัดการที่ในที่สุดก็มา และกลายเป็นเรื่องเป็นราวที่ได้เรียกตำรวจ
เพราะว่าอีกไม่นานก็จะ4ทุ่มแล้ว รายละเอียดอื่นๆเลยจะพูดในวันหลัง
ยังไงซะก็ควรจะพูดเลี่ยงว่าฉันมาที่ภูเขาก็เพื่อฆ่าตัวตายแหละ
แต่ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นฉากที่ฉันโดนมีดข่มขู่แต่แสดงท่าทีผ่าเผย เลยถูกตำรวจกับผู้จัดการซฮกแซกเกี่ยวกับเรื่องนั้น
ในตอนแรกก็ว่าจะอธิบายเรื่องทั้งหมดไปแต่ว่าคิดๆดูคงกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญสุดๆแน่ “ตาลุงนั่นกลัวจนสติแตกไปเลยล่ะครับ~” เลยพูดไปแบบนั้น
พวกผู้ใหญ่น่ะขี้สงสัยแต่สุดท้ายก้เชื่อในคำพูดของฉัน
ถึงจะว่างั้นแต่”อย่าทำเรื่องอันตรายแบบนั้นสิ!”เหมือนจะถูกโกรธอยู่จริงๆแฮะ
“สุดยอดเลย คุโรมิเนะคุง”
“เอ๊ะ?”
จู่ๆก็ได้รับคำชมซะอย่างงั้น?
เลยมองไปที่หน้าของโฮชิมิยะที่อยู่ข้างๆอย่างสงสัยหลังจากที่ร้องไห้และทำหน้าน่าสารอยู่
ตอนนี้พวกฉันอยู่ที่มุมลานจอดรถของร้านสะดวกซื้อ เป็นที่แคบๆที่ใช้จอดจักรยาน
ลมเย็นๆที่เป็นแบบเฉพาะของภูเขาพัดมากระทบผิว บริเวรอบๆมืดสนิท
“หลังเห็นโจรปล้นร้านสะดวกซื้อกำลังกลัวเลยด้นสดแสดงเป็นคนที่จะฆ่าตัวตายใช่มั้ยละ? กล้าหาญจังเลยนะ หัวเองก็ดีด้วย”
โฮชิมิยะที่มีสายตาใสซื่อเป็นประกายหันมามองด้วยสายตาเคารพนับถือ
อ่า―โฮชิมิยะเองก็หลงเชื่อเหมือนพวกผ้ใหญ่งั้นเหรอ ทั้งที่เป็นสาวแกลแต่ใจงามซะจริง
ไม่สิ เมื่อกี้นี้น้องแว่นเรียบๆสินะ
“ทุกๆอย่างที่บอกพวกผู้ใหญ่ไปน่ะโกหกหมดเลย ฉันน่ะตั้งใจจะฆ่าตัวตายจริงๆ”
“….เอ๊ะ?”
“ก็อย่างที่บอกกับโจรปล้นร้านสะดวกซื้อไปน่ะ ครอบครัวฉันเสียชีวิตไปกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ และที่ถูกเพื่อนสมัยเด็กสลัดรักเองก็เป็นความจริง เลยมาฆ่าตัวตายน่ะ”
เป็นตอนที่อยู่ม.ต้นรึเปล่านะ ตอนที่พ่อแม่ ฉัน น้องสาว เดินไปในเมือง
เชือกรองเท้าของฉันหลุดก็เลยหยุดแก้เชือกรองเท้า จากนั้นรถก็แล่น―――พุ่งเข้าไปหาพ่อแม่และน้องสาวที่เดินอยู่ข้างหน้า
มันเป็นภาพที่ตลอดทั้งชีวิตนี้จะไม่มีวันลืม ฉากที่คนปลิวไปพร้อมๆกันคงจะไม่ใช่ของที่เห็นกันได้
ไม่อยากจะเห็นเลยด้วยซ้ำ
“เพราะอย่างนั้นแหละ ไปล่ะนะโฮชิมิยะ”
ฉันคร่อมจักรยานและพยายามจะออกตัว―――แล้วก็ถูกขว้าแขน
สงสัยว่าทำไมแล้วก็มองหน้าของโฮชิมิยะ
โฮชิมิยะอายานะ――กำลังร้องไห้อยู่
น้ำตาไหลออกมาไม่รู้จบ และร้องไห้ส่งเสียงออกมาเสียงดัง
“โฮชิ….มิยะ?”
“คงจะ….ทรมารมากๆเลยสินะ… สูญเสียครอบครัว….คนที่ชอบก็ยังสลัดรักทิ้งไปอีก…ฮึก”
“เอ๊ะ?”
“ถ้าเกิดเป็นฉันล่ะก็…คงทนไม่ไหวแน่ๆ เพราะนี่ก็แค่…จินตนาการเท่านั้นเองแท้ๆ….ฮึก…ฮึก…ฮือ….!”
โฮชิมิยะร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กโดยไม่อาย เสียงสะอื้นผสมปนเปซะจนพูดไม่ได้ศัพท์
“สุดยอดเลยนะคุโรมิเนะคุง…พยายามอย่างที่สุด…..เพื่อจะมีชีวิตสินะ”
ไม่ใช่การปลอบใจแต่พูดมาด้วยใจจริง โฮชิมิยะกำลังกระแทกฉันด้วยความรู้สึกจริงๆของเธอ น้ำตาแห่งความเศร้านั่นเป็นข้อพิสูจน์
“ข-ขอโทษนะ ฉันน่ะ…มีชีวิตที่สงบสุข….เลยทำได้แค่นึกถึง…ความรู้สึกเจ็บปวดของคุโรมิเนะคุงเท่านั้นเอง..อย่างที่คิด ไม่อยากให้ตายเลย….ฮึก….”
ฉันพบว่ามือของโฮชิมิยะจับมาที่แขนฉันแน่น
“โฮชิมิยะ ก่อนอื่นก็ปล่อยก่อนสิ”
“ฉ-ฉันรู้ว่าเห็นแก่ตัว….แต่ว่านะ คุโรมิเนะคุง….ได้โปรดมีชีวิตอยู่ด้วยเถอะค่ะ…ฮึก….”
อะไรกันนะทำไมรู้สึกแปลกๆ
สาวแกลในชั้นเรียนที่ทั้งสดใจและอ่อนโยน ตอนนี้เป็นสาวแว่นเรียบๆและกำลังร้องไห้เป็นห่วงฉันอยู่
ในอกเหมือนมีไฟดวงเล็กๆที่อบอุ่นจุดอยู่เลย
“คุโรมิเนะคุง..ฮึก…ฮึก”
“เฮ้อ..เข้าใจแล้ว ไม่ตายหรอก”
“จ-จริงเหรอ?”
“จริงแท้แน่นอน100%”
โฮชิมิยะที่มีสีหน้าไม่สบายใจอยากจะยืนยัน เลยพยักหน้าให้อย่างลึกซึ้ง
ถ้าเกิดฉันฆ่าตัวตายเพราะนี่ โฮชิมิยะจะต้องช็อคแบบสุดๆแน่เลย
ฉันมาที่ภูเขาโดยที่ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอะไรยังไง แต่พอได้เห็นหน้าของโฮชิมิยะที่ร้องไห้ก็เปลี่ยนใจ
…แก้มที่เปียกปอนไปด้วยน้ำตานั้นได้กลายเป็นเรื่องที่สุดยอดไปแล้ว
“โฮชิมิยะเนี่ย ขี้แยจนน่าแปลกใจเลยนะ ตอนที่โดนปล้นเองก็ร้องไห้”
“ก-ก็ควรจะร้องให้ไม่ใช่รึไง! มันน่ากลัวจริงๆน้าาาา!”
เป็นอีกครั้งที่โฮชิมิยะสะอื้นและหลั่งน้ำตา ผิดที่ฉันเอง เป็นธรรมดาที่จะกลัวตอนที่ถูกโจรชี้มีดใส่ แล้วโฮชิมิยะก็ยังเป็นผู้หญิงแถมยังอยู่คนเดียว เวลาก็เป็นกลางคืนอีก…
นี่คงเป็นระดับของแผลในใจล่ะสินะ
“ก็นะ คือว่า..โล่งใจนะที่โฮชิมิยะไม่ได้รับบาดเจ็บน่ะ”
“ขอบคุณนะ…ฮึก..”
พอสูดหายใจก็ปล่อยแขนของฉัน
พอคิดๆดู..เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาเลยที่สัมผัสกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากเพื่อนสมัยเด็ก
“บ้านของโฮชิมิยะอยู่ไกลจากที่นี่รึเปล่า?”
“อือ ปั่นจักรยานจากที่นี่ประมาณ15นาที”
“ไม่ไกลจากโรงเรียนเหรอ?”
“นั่นสินะ แต่ว่าเค้านั่งรถไปเลยไม่ได้ใส่ใจน่ะ”
อย่างนี้นี่เอง เป็นงั้นเองสินะ
“บ้านของคุโรมิเนะคุงเองก็อยู่ใกล้ๆนี่เหรอ?”
“เปล่าไม่เลยสักนิด ปั่นจักรยานมา3ชั่วโมงน่ะ”
“เอ๊ะ เอ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋! ทำไมละ!?”
“มาฆ่าตัวตายไงเล่า!”
“โธ่! ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องยืดอกพูดสักหน่อย! ..ฮึก…ฮึก…อึก”
ดูเหมือนอารมณ์จะขึ้นแล้วน้ำตาก็เริ่มจะไหลอีกแล้ว
ขอโทษนะ จะไม่พูดเล่นแล้วล่ะ
ต้องคุกเข่าขอโทษสินะ ไม่ก็คว้านท้อง…คงให้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามสินะ อื้อ
แต่ว่าร้องไห้บ่อยจังเลยนะ โฮชิมิยะที่โรงเรียนเป็นสาวแกลที่สดใสอ่อนโยน จินตนาการภาพที่ร้องไห้ไม่ออกเลยแท้ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกโฮชิมิยะ ไม่ฆ่าตัวตายแล้วล่ะ”
“จริงเหรอ?”
“อา สัญญาเลย”
จ้องตาของโฮชิมิยะ แล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง
เหมือนจะเข้าใจยอมรับแล้ว และโฮชิมิยะก็ถอนหายใจราวกับโล่งอก
“กลับตอนนี้ใช้เวลา3ชั่วโมง คงลำบากแย่… คุโรมิเนะคุงอาศัยอยู่กับใครเหรอ? คนๆนั้นจะมารับรึเปล่า”
“อาศัยอยู่คนเดียวน่ะ แล้วก็ไม่มีเงินเรียกแท็กซี่ด้วย ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือ5เยนครับ”
“งั้นเหรอ…แย่เลยนะ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก เพราอย่างนั้นเลยได้เจอกับโฮชิมิยะ…รึก็คือเชื่อมโยงกันด้วยแค่ไง5เยนละ”
“ฮุฮุฮุ ตลกจังเลยนะคุโรมิเนะคุง”
โฮชิมิยะฉีกยิ้มอย่างเดียงสา ไม่รู้หรอกว่าตัวเองพูดอะไร แต่เมื่อกี้มีอะไรตลกน่ะ? ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
“นี่คุโรมิเนะคุง”
“หืม?”
“ถ้าไม่ว่าอะไร…มาที่บ้านของเค้ามั้ย?”
“เอ๊ะ?”
เป็นข้อเสนอที่คาดไม่ถึงเลยสักนิด เลยส่งเสียงโง่ๆออกไป
“เค้าเองก็อยู่คนเดียว เราะงั้นไม่ต้องใส่ใจหรอก”
ต้องใส่สิเว้ย
มันก็ต้องใส่ใจอยู่แล้วสิเว้ย
ชายหญิงอายุให้กันอยู่ใต้ชายคาเดียวกันสองต่อสองน่ะ
พยายามอ้อนวอนให้คิดได้ผ่านทางสายตาแต่โฮชิมิยะนั้นมีใบหน้าสดชื่นหลังจากที่ร้องให้ก็รู้สึกสดชื่นขึ้น
…อย่างนี้เอง เป็นงั้นเองสินะครับ ที่ไม่ได้มองฉันเป็นเพศตรงข้ามน่ะ
อ๋า―เพื่อนสมัยเด็กเองก็พูดอย่างงั้นล่ะนะ โธ่เว้ย เป็นสิ่งแย่ๆที่เลี่ยงไม่ได้สินะ
ถ้าเกิดมีสวิตซ์นิวเคลียร์อยู่ในมือล่ะก็จะกดแบบไม่หลังเลเลย
“…คุโรมิเนะคุง?”
“ไม่มีอะไร นั่นสินะ คืนนี้ให้ฉันพักทีนะ”
“อือ อ๊ะ แต่ว่าขอเก็บกวาดห้องก่อนนะ”
“เข้าใจแล้ว ทำความสะอาดเท่าที่อยากเลย”
“ไม่ได้รกขนาดนั้นสักหน่อย โธ่”
โฮชิมิยะที่แก้มพองหน่อยๆและส่งสายตาตำหนิมา หน้ารักยังไงไม่รู้แฮะ
หลังจากที่โฮชิมิยะเริ่มปั่นจักรยาน ทางนี้เองก็ปั่นตามไป
นี่เป็นการวางแผนที่จะฆ่าตัวตายแต่เพราะเหตุผลอะไรสักอย่างเลยตัดสินใจพักที่บ้านของโฮชิมิยะ
และตอนนี้ก็ได้สังเกต
ถ้าเกิดฉันฆ่าตัวตายไปล่ะก็ เพื่อนสมัยเด็กก็คงจะแบกรับภาระมากมายมหาศาล
ในหลายๆความหมายฉันอาจจะถูกโฮชิมิยะช่วยเหลือก็ได้
“นี่โฮชิมิยะ”
“หืม? อะไรเหรอ?”
โฮชิมิยะชะลอความเร็วแล้วมองย้อนกลับมา ฉันประหม่านิดหน่อยแต่ก็พูดขอบคุณไป
“คือว่า ขอบคุณนะ”
“ห่ะๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ เค้าต่างหากละที่ต้องขอบคุณที่ช่วยจากโจรน่ะ”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะโฮชิมิยะ
เธอนน่ะช่วยชีวิตฉันเอาไว้เลยนะ
เพราะเห็นใบหน้าที่ร้องไห้พร้อมด้วยความรู้สึกนั้นฉันเลยเปลี่ยนใจ
มันง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกนะ
======จบตอน======
ตอนที่ 3ขึ้นไปจะเปลี่ยนคำแทนตัวพระเอกที่พูดในใจเป็น”ผม”นะครับเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน