เธอยังคงพูดต่อมาไม่หยุด
“ฉันเนี่ยเป็นนักแสดงที่ดีจริงๆเลยนะ กุมหัวใจของเรียวมะได้อย่างหมดจดเลย……นิฮิฮิ ง่ายกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก ผู้ชายสงสารที่ถูกอยากถูกยอมรับมากจนโดนบังตา แค่ถูกยอมรับซักเล็กน้อยนี่ก็ตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้นแล้วสิเนอะ”
ดูเธอจะสนุกสนานที่เรื่องราวเป็นไปตามพลอตที่วางเอาไว้มาก
“จะว่าไป ทำไมเรียวมะถึงไม่คิดอะไรบ้างเลยนะ? ชอบทำตัวไปตามอารมณ์อยู่ตลอดเลย….เหมือนกับพวกสัตว์เลยน่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น คงไม่เป็นคนที่เพี้ยนแบบนี้หรอก”
“…..ไม่มีทางที่หมอนั่นมันจะไม่คิดอะไรอยู่แล่วไม่ใช่รึไง ก็แค่ทึ่มเท่านั่นแหละ ที่หมอนั่นมันทำตามแต่อารมณ์ตัวเองอย่างเดียว ก็เพราะมันอ่านอารมณ์คนอื่นไม่เป็นไม่ใช่รึไงล่ะ?”
“โคทาโร่ ฉันเคยบอกไปแล้วสินะว่าวิธีการจะเป็นไงก็ช่างมัน? ท้ายที่สุดแล้ว มันก็คือไม่ได้คิดอะไรอยู่ดีนั่นแหละเนอะ……ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไป คงไม่หลงผู้หญิงคนอื่นถึงขั้นหักหลังยุซุกิหรือคิราริหรอกนะ? นิฮิฮิ เป็นคนที่อ่านง่ายดีนะ”
จากมุมมองของแมรี่ซังเองก็ ดูอย่างไงริวซากิก็ไม่ปกติจริงๆ
“พูดตรงๆ เหตุผลที่จะไปชอบคนแบบนั้นฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งๆที่ตั้งแต่ย้ายมาก็กับเรียวมะมาตลอดแท้ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นเสน่ห์ของเขาเลยซักนิด ยุซุกิกับคิราริเนี่ยเข้าใจยากจังเลยนะ”
“เข้าใจยาก….งั้นเหรอ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
ไม่ว่าผมจะมองหาเหตุผลมากเท่าไร ก็ไม่มีคำตอบไหนที่ผมเข้าใจมันได้เลย
ดังนั้น ก็เลยตีความคำตอบของเหตุผลนั้นให้เป็นว่า’เพราะเป็นพระเอก’สั้นๆประโยคเดียวไปเลย
สุดท้ายแล้ว ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของริวซากินั่นแหละที่ทำให้หมอนั่นถูกรักโดยผู้หญิงมากหน้าหลายตา นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
เพราะอย่างนั้น สิ่งที่แมรี่ซังกล่าวออกมาจึงเข้าเป้าเต็มๆ
สมแล้ว ที่เรียกตัวเองว่าเป็นครีเอเตอร์มือโปร ดูท่าจะวิเคราะห์ตัวละครได้เก่งเลยทีเดียว
“เรียวมะเนี่ยมีวาสนาจริงๆเลยนะ ทั้งๆที่ไม่มีสเน่ห์ตรงไหนที่หามาได้ด้วยตัวเองเลยแท้ๆ กลับหลงตัวเองมาได้ถึงขนาดนี้เนี่ย ส่วนนั้นเป็นส่วนที่แตกต่างจากโคทาโร่อย่างมากเลยนะ”
“แตกต่างเนี่ย….ไม่ใช่แค่ส่วนนั้นซักหน่อยนะ ผมกับริวซากิเนี่ย ไม่เหมือนกันเลยซักนิด”
“ไม่นะ? ถึงจุดยืนจะต่างกัน แต่ทั้งคู่เหมือนกันมากเลยนะ? เพียงแต่ โคทาโร่นั้นถ่อมตัว….จนเป็นแค่ไอ้คนที่ลดค่าตัวเองจนน่าสมเพช ส่วนเรียวมะก็มั่นใจตัวเองจนเกินไปจนดูหลงตัวเอง ทั้งคู่แค่ตรงกันข้ามเท่านั้นเองนะ”
…..มุมมองแบบนั้น ไม่เคยได้คิดถึงมันเลย
ถึงจะไม่ยอมรับ แต่ก็เข้าใจได้ อย่างนั้นสินะ ก็จริงถ้ามองถึงจุดที่ทั้งคู่ไม่ได้รังสรรค์อะไรออกมาด้วยตัวเองเลยนั้นทำให้ผมกับริวซากิดูเหมือนกัน
ที่แตกต่างคือ การทำตัวน่าสมเพชกับการหลงตัวเองーแมรี่ซังต้องการจะสื่อแบบนั้น
“หากไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม โคทาโร่อาจจะกลายเป็นเรียวมะก็ได้ ถ้าหากมีอะไรเปลี่ยนไป เรียวมะก็อาจจะกลายเป็นโคทาโร่ก็ได้ หากสลับตำแหน่งของทั้ง2คน ผู้มีวาสนาที่หลงตัวเองคงได้พบกับนรก…..อ้าา เป็นเนื้อเรื่องที่สุดยอดไปเลย”
อย่างงี้เองสินะ เพราะผมกับริวซากิมีเบื้องหลังที่เป็นแบบนั้น เลยทำให้ถูกแมรี่ซังเลือกนั่นเอง
“เนื้อเรื่องดำเนินไปตามโครงเรื่อง การเตรียมการก็เรียบร้อย บทนำก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ส่วนเสริมก็เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ประกอบมันเข้าด้วยกันล่ะนะ”
‘เลิฟคอมเมดี้แห่งการหยาม’ที่แมรี่ซังต้องการนั้น ดูเหมือนว่ามันใกล้จะมาถึงจุดพีคแล้ว
“เรียวมะที่ตัดสินใจว่าจะรักฉันแค่คนเดียวนั้น ได้ทิ้งนางเอกรองคนอื่นไป ผู้ชายหลงตัวเองที่คิดว่าความฝันจะต้องเป็นจริง ได้ตัดสินใจสารภาพรักในวันงานโรงเรียน แต่ทว่า นางเอกหลักกลับไปชอบผู้ชายคนอื่นーกลับไปชอบโคทาโร่ คนคนนั้นถึงจะเป็นแค่ตัวประกอบ แต่ก็เป็นคนที่เรียวมะเกลียดเอามากๆ เรียวมะที่เจ็บปวดให้กับความพ่ายแพ้นั้น ได้กลับไปหาเหล่านางเอกรองที่ถูกทอดทิ้งไป แต่ก็กลับโดนตัดขาดสิ้นเชิง แถมที่จริงแล้วเหล่านางเอกรองนั้นมีแต่คนที่มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับโคทาโร่ในอดีต พอวันเวลาผ่านไป ทั้ง3คนที่เป็นน้องสาวไม่แท้ เพื่อนสมัยเด็ก และเพื่อนสนิทนั้นได้เริ่มมองเห็นสเน่ห์ของโคทาโร่ เด็กหนุ่มที่เคยเป็นตัวประกอบได้รับฮาเร็ม เพียงเท่านี้ ไม่เพียงแค่นางเอกหลัก โคทาโร่ยังได้รับพวกนางเอกรองไปและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกด้วย อีกด้าน เรียวมะที่กำลังเจ็บปวดให้กับการทำพลาดไปได้รู้ว่าตัวเองแค่มีวาสนาดีเท่านั้น ได้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปพร้อมกับการยึดติดกับอดีต มีชีวิตที่ไม่ราบรื่นเอาแต่เฝ้าคิดว่าถ้าเป็นเหมือนตอนนั้นก็คงดี ถ้าทำแบบนั้นก็คงดี และใช้ชีวิตอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวคนเดียวーพอหลังจากที่ฉันได้ดูเรื่องราวพวกนี้จบลงแล้ว ก็จะพูดแบบนี้ล่ะ”
…..ยาวจังนะ
แถมไม่เหมือนกับชิโฮะไม่ได้รู้สึกน่ารักเลยซักนิด แค่ได้ฟังก็รู้สึกขนลุกแล้ว
แต่ว่า ถ้าฟังแบบเงียบๆไม่ต้องไปกวน เดี๋ยวเธอก็พอใจของเธอเอง
“ーสมน้ำหน้า! นะ?”
เยี่ยม มาถึงฉากจบซักที
ฟู่ว ในที่สุดก็จบแล้วสินะ……เหนื่อยจริงๆเลย….