นิยาย World domination system WDS Chapter 165 ออกจากพระราชวัง
ในเอลดินอร์ ช่วงเวลา 4 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง มันมีกฏอยู่ว่า ราชินีหรือราชาองค์ปัจจุบันจะต้องก้าวลงจากตําแหน่งแล้วให้สภาชั่วคราวทําหน้าที่แทน สภานี้ประกอบไปด้วยเหล่าที่ปรึกษาชั้นนําจากทั้งราชอาณาจักรซึ่งสามารถจะดูแลการบริการจัดการราชอาณาจักรได้จนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่ผู้ปกครองคนใหม่จากการเลือกตั้งจะถูกประกาศอย่างเป็นทางการ
มีข้อยกเว้นอยู่อย่างหนึ่ง หากมีภัยคุกคามที่อาจจะทําให้ราชอาณาจักรเกิดความวุ่นวายแล้วผู้ปกครองเดิมจะสามารถกลับมาครองบัลลังก์ได้ชั่วคราวจนกว่าภัยคุกคามนั้นจะผ่านไป
ในประวัติศาสตร์ของเอลดินอร์ มีบางครั้งที่ข้อยกเว้นนี้ถูกใช้ประโยชน์โดยเหล่าผู้ปกครองที่ต้องการยืดอายุการปกครองของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หยุดยั้งพวกเขาก็คือ แตกต่างจากกองทัพราชอาณาจักรอื่นๆที่จงรักภักดีต่อผู้ปกครองของตนจนถึงกระดูก กองทัพของเอลดินอร์จะปฏิบัติตามคําสั่งของผู้ปกครองที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องเท่านั้น
ดังนั้น เหล่าผู้ปกครองที่พยายามจะใช้ประโยชน์จากข้ออ้างของภัยคุกคามจะสูญเสียอานาจไปเองเพราะไม่มีใครคอยช่วยเหลือพวกเขาอีก
นี่เป็นลักษณะนิสัยของเหล่าเอลฟ์ หลักฐานที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่วงเวลาการช่วงชิงเหมืองอัญมณีเคอร์กองทัพของพวกเขาไร้ซึ่งระเบียบวินัยอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่า มันยังคงมีเหตุผลที่ว่าเหตุใด กองทัพแห่งเอลดินอร์ถึงยังคงน่าหวาดกลัวและติดอันดับสูงในด้านการทหารเมื่อเทียบกับกองกําลังต่างๆในแอนแกเรียตอนกลาง
การขาดวินัยของพวกเขา ถูกทดแทนด้วยพลังอันเปี่ยมล้น ซึ่งทําให้พวกเขาสามารถเอาชนะศัตรูที่มีระเบียบวินัยมากกว่าพวกเขาได้ ด้วยกองทัพที่เปี่ยมไปด้วยจอมเวทย์ผู้น่ายกย่องระดับมนุษย์ขั้นสูงสุด มันไม่น่าแปลกใจใดๆที่กองทัพของพวกเขาจะมีอันดับที่สูงอย่างมาก
ด้วยการเลือกตั้งจะมาถึงในอีก 4 สัปดาห์ ทั้งเอลฟาเวนจึงเต็มไปด้วยสีสันและเครื่องประดับเวทมนต์มากมายก็บินไปหาผู้คนตามท้องถนนเพื่อยกย่องเหล่าผู้สมัครที่ว่าจ้างเจ้าของของพวกมัน
แน่นอน ในช่วงเวลานี้ ธุรกิจที่เฟื่องฟูที่สุดก็คือการโฆษณาองค์กรที่ทําธุรกิจเครื่องประดับเวทมนต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้สามารถจะทํากําไรได้อย่างมหาศาลโดยพวกเขาสามารถจะใช้ช่วงเวลานี้ ทํากําไรทดแทนช่วงเวลา 5 ปีจากนี้ที่การว่าจ้างของพวกเขาลดลงได้
วันที่แดนลและเอลดร้าพบกัน มันเป็น 2 วันก่อนที่ราชินีจะก้าวลงจากบัลลังก์ หลังจากนั้นเวลาทั้งหมดของเธอจะทุ่มไปที่การหาเสียงสําหรับการเลือกตั้งใหม่ที่กําลังจะเกิดขึ้น โดยเธอจะทั้งออกไปกล่าวสุนทรพจน์และมีส่วนร่วมในการอภิปรายซึ่งจะถูกจัดโดยรัฐเพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเข้าใจนโยบายของเหล่าผู้สมัครมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ วันเปิดรับสมัครผู้สมัครแข่งขัน ก็เป็นวันเดียวกับที่ราชินีก้าวลงจากบัลลังก์ ดังนั้น แดนลและเอลดร้าจึงได้วางแผนว่า จะให้เธอเข้าไปสมัครในวินาทีสุดท้ายโดยไม่ให้แม่ของเธอร์เพื่อที่พวกเขาจะสามารถสร้างความประหลาดใจได้
ตั้งแต่เช้าหลังการนัดพบเอลดราก็อยู่ในอารมณ์หงุดหงิดแม้ว่าเธอจะตัดสินใจแล้วแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ตามปกติแล้วในตารางเวลาของเธอและแม่ของเธอเอลดาราจะใช้เวลาทั้งวันในพิธีก้าวลงจากบัลลังก์ขณะที่เอลดร้าจะทําหน้าที่ประเมินเหล่าผู้สมัครคนอื่นๆ
ในตอนกลางคืน พวกเธอจะออกจากพระราชวังด้วยกัน และย้ายไปยังคฤหาสน์ที่เป็นของเอลดาราพวกเธอจะพูดคุยและตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการหาเสียงด้วยกัน
แน่นอนว่า มันจะไม่เกิดขึ้นในวันนี้ เอลดราจะทําการสมัครในช่วงบ่ายและเธอจะออกไปจากพระราชวังหลังจากที่ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้แม่ของเธอแล้ว
ด้วยอานาจของเธอถูกยึดคืน เอลดาราจะไม่สามารถหยุดยั้งเอลดร้าได้นอกจากนี้ผู้สมัครทุกคนยังได้รับการคุ้มครองจากกองกําลังพิเศษของรัฐเพื่อความปลอดภัยในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งนี้
จนถึงช่วงบ่าย ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
เอลดร้าไปยังสํานักงานของรัฐเพื่อเสนอชื่อตัวเองเป็นผู้สมัคร ซึ่งมันทําให้เจ้าหน้าที่ที่รู้ว่าเธอเป็นใครตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเธอจะรู้สึกสั่นกลัวจากภายในขณะที่ดําเนินกระบวนการนี้ แต่เธอก็ผ่อนคลายลงทันทีที่หลังจากที่มันเสร็จสิ้น
ทุกสิ่งได้เริ่มขึ้นแล้ว และไม่มีวันให้หวนกลับไปอีกแล้ว เดินกลับไปยังห้องของเธอเอลดราเปิดประตูและเข้าไปตามปกติ ก่อนที่เธอจะกระโดดด้วยความตกใจราวกับเธอเพิ่งถูกไฟดูด
อดีตราชินีแห่งเอลดินอร์ เอลดารา ยืนอยู่หน้ากระจกของเธอด้วยการแสดงออกอย่างโมโหบนใบหน้าขณะที่กาลังหวีผมสีดํายาวด้วยหวีที่เอลดร้ามักจะใช้
เธอไม่ได้หันไปขณะที่ประตูถูกเปิด แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกแล้วว่า ลูกสาวของเธอกําลังจดจ้องมาที่เธอ
ขณะที่เธอทําเช่นนั้น เอลดร้าก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว ทุกครั้งที่เธอถูกทุบตีและถูกตําหนิ มันโหดร้ายอย่างมากจนบันทอนจิตวิญญาณของเธอซึ่งมันได้ทําให้เธอรั้งตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม เอลดาราได้เดินออกมาเพื่อยืนต่อหน้าลูกสาวของเธอ
หลังจากมองเข้าไปในดวงตาของลูกสาว เอลดาราก็ยกมือขึ้นและยื่นไปยังคอของเอลดร้า
เห็นเช่นนั้น เอลดร้าก็สั่นเทามากยิ่งขึ้น ราวกับเธอหวาดกลัวว่าแม่ของเธอจะบีบคอเธอเนื่องจากเธอขัดคําสั่งแม่ของเธอ
นี่เป็นความหวาดกลัวที่ติดตัวมาพร้อมกับการเติบโตของเธอในทุกๆปีภายใต้การควบคุมโดยแม่ของเธอบางครั้ง สิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเธอต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดในการเอาชนะความหวาดกลัวนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการของแดนล
เห็นความหวาดกลัวของลูกสาว เอลดาราก็ถอนหายใจ ก่อนที่จะใช้มือของเธอจับไปที่เครื่องประดับที่เอลดร้าสวม ซึ่งก็คือ ล็อกเกตทองที่ผสานเข้ากับผิวของพวกเขาและจะไม่ปรากฏขึ้นจนกว่าจะถูกสัมผัส
เห็นแม่ของเธอจับล็อกเกตเพื่อให้มันปรากฏขึ้น การแสดงออกที่ประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
เอลดาราใช้มือของเธอเปิดล็อกเกต ซึ่งมีภาพวาดขนาดเล็กที่พวกเธอทั้งสองกําลังหัวเราะด้วยกันซึ่งถูกวาดขึ้นโดยพ่อของเอลดร้า
หลังจากมองดูมันซักพักแล้ว เธอก็ปล่อยให้มันหล่นกลับไปยังหน้าอกของเอลดร้าและผสานเข้ากับผิวอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงตาลูกสาวของเธอ
“ทําให้ข้าดูว่า ค่าสอนของข้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีผลมากเพียงใดโชคดี”
หลังจากที่กล่าวจบ อดีตราชินีแห่งเอลดินอร์ก็เดินออกจากห้องไป พร้อมกับย่างก้าวที่เต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ขณะที่เอลดรามองไปยังไหล่อันแข็งแรงของผู้หญิงที่ทําให้เธอเป็นเช่นนี้เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเธอตัดสินใจถูกต้องแล้วหรือไม่
น่าเสียดาย เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ มันไม่เพียงพอที่สามารถจะเปลี่ยนชีวิตที่ทุกข์ทรมานได้
มองไปยังประตูที่ปิดลง เอลดร้าจดจ้องมันอยู่ชั่วครู่ด้วยตกตะลึง เพราะแม่ของเธอเพิ่งจะทําในสิ่งที่ไม่คาดคิดก่อนจะยกล็อกเกตอันเดียวกันนั้นขึ้นมา
ใบหน้ายิ้มแย้มของบุคคลในภาพ ไม่เข้ากับผู้หญิงที่เพิ่งจะออกไปจากห้องของเธอเลย
แม้แม่ของเธอจะขอให้โชคดีก่อนที่จะออกไป แต่เอลดราก็คิดเพียงว่ามันเป็นค่ากล่าวสําหรับคู่แข่งและที่เธอไม่ถูกทําอันตรายใดๆเพราะในปัจจุบันเธอได้รับการคุ้มครองจากรัฐ
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงสงสัยว่า เหตุใดไม่ของเธอไม่ระเบิดหลังจากที่ถูกทรยศ
หลังจากคิดเกี่ยวกับมันอยู่ชั่วครู่ เอลดร้าก็ยังคงไม่สามารถจะหาคําตอบได้เธอไม่สนใจมันหลังจากที่ตัดสินว่า มันอาจจะเป็นวิธีที่ทําให้เธอเปลี่ยนการตัดสินใจของเธอโดยสมัครใจ
คิดภาพของเหล่าเด็กๆที่เป็นอิสระจากการเป็นทาส การแสดงออกถึงความตั้งใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเอลดร้าก่อนที่เธอจะเริ่มเก็บเสื้อผ้าของเธอและออกจากพระราชวังไป
วันถัดมา ประชาชนชาวเอลดินอร์ ตื่นขึ้นมาพบกับข่าวที่น่าตกตะลึง
“เอลดรา ดาร์ติงนอน บุตรสาวของอดีตราชินี เอลดาราดาร์ติงนอน ถูกจับได้ว่ามีส่วนร่วมการค้าทาสเหล่าเด็กเอลฟ์เพื่อระดมทุนสําหรับหาเสียงการเลือกตั้งหลักฐานชี้ชัดได้ปรากฏขึ้นแล้วอ่านทั้งหมดได้ที่นี่”